บทที่ ๕ ใช่เธอหรือเปล่า(๑)

1134 Words
ช่วงเวลาสองสามวันหลังจากนั้น พ่อเลี้ยงเมธก็พยายามครองตนอยู่ในท่าทีสงบ ไม่ไปเฉียดใกล้บ้านที่รุมล้อมด้วยกลิ่นมะลิ จนกระทั่งแน่ใจว่าใครบางคนหายป่วยจากฤทธิ์ไข้ปะปนกับฤทธิ์พิศวาสของเขานั่นแหละถึงได้เดินไปยังทิศทางนั้น เพื่อเยี่ยมเยือนยายอบกับใครบางคน พอมาถึงดวงตาคมกล้าก็พลันเบิกกว้าง เมื่อคนที่ตามหากำลังยืนเก็บดอกมะลิอย่างตั้งอกตั้งใจ พ่อเลี้ยงหนุ่มปรายตามองไปรอบๆ เล็กน้อย เมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงได้เดินเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับแฝงนัยสำคัญบางอย่าง “เก็บดอกมะลิอยู่หรือ...แต่ฉันว่าเธอน่าจะเก็บอะไรบางอย่างที่ลืมไว้ด้วยนะ” ร่างบอบบางของวันวิสานิ่งขรึมตั้งแต่ได้ยินถ้อยคำแรกของเขาแล้ว จึงได้แต่เซถลาด้วยความตกใจ จนกระทั่งเกือบล้มทับพุ่มมะลิเข้านั่นแหละถึงได้ถูกพ่อเลี้ยงคว้าแขนเหนี่ยวรั้งเอาไว้ “ระวังหน่อย” เมธัสกล่าวขึ้น น้ำเสียงนั้นปะปนความห่วงใยอยู่หลายส่วน จนกระทั่งมองเห็นความตื่นกลัวในดวงตากลมของคนตรงหน้านั่นแหละ ถึงได้กระแอมกระไอขึ้น “เดี๋ยวต้นมะลิจะหักได้ น่าเสียดายดอกสวยๆ หอมๆ ของมันที่จะช้ำเพราะก้นของเธอ” วันวิสาเม้มปาก ตอนนี้เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา จึงได้แต่หิ้วตะกร้าแล้วเดินหนีไปดื้อๆ แต่มีหรือที่พ่อเลี้ยงแห่งปางไม้อติวัณณ์จะยอมปล่อยไปง่ายๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้เขาต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง ฝ่ามือหนาหนักจึงคว้าเรียวแขนสลักเสลาไว้อย่างห้ามปราม “ฉันว่า เรามีเรื่องคุยกันนะ” “ขอโทษค่ะ เทียนไม่มีอะไรจะคุยกับพ่อเลี้ยง” “หนูเทียน...” พ่อเลี้ยงเมธครางเรียก เมื่ออีกฝ่ายพยายามรั้งแขนหนีจึงขยับเข้าประชิดตัวแล้วกระซิบเบาๆ กับใบหูนุ่ม “กางเกงชั้นในนั่น เธอจะไปเก็บเอง หรือจะให้ฉันเอามาคืน” ได้ฟังคำพูดของเขาวันวิสาก็แทบหยุดหายใจเลยทีเดียว ใบหน้าแดงซ่านขึ้นไม่รู้ว่าจะโกรธหรืออายกันแน่ แต่ถึงยังไงก็ไม่ยอมรับง่ายๆ “พ่อเลี้ยงพูดเรื่องอะไรคะ เทียนไม่รู้เรื่อง” “สีชมพู ลายหมี ขอบลูบไม้ กลิ่น...มะลิผสมกับ...” วันวิสารู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งถูกน้ำร้อนๆ สาดใส่หน้าอย่างไรอย่างนั้น มันทั้งร้อน ทั้งอาย แล้วก็อยากตีหน้าหนาๆ ไว้ทว่ายิ่งปฏิเสธก็เหมือนกับการขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ เพราะสีหน้ากับท่าทางของเธอบ่งบอกเขาไปจนหมดแล้ว ว่าผู้หญิงคนนั้นคือเธอเอง เมื่อเห็นหญิงสาวคล้ายเกิดอาการช็อกไปชั่วขณะ พ่อเลี้ยงจึงขยับมาใกล้ขึ้นกว่าเดิม “ว่าไง คราวนี้คงเข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้งแล้วสินะ” เจ้าของร่างบางพูดไม่ออก จึงได้แต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น “เราคุยกันได้หรือยัง” ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นจึงได้แต่พยักหน้าหงึกหงักอย่างยอมจำนน “อีกสิบนาทีเทียนจะตามไปค่ะ เพราะยังไงวันนี้ยายอบก็สั่งให้เทียนนำดอกมะลิไปให้พ่อเลี้ยงอยู่แล้ว” “อ้อ!” เมธัสครางรับ ก่อนจะกระซิบชิดใบหูของหญิงสาวเบาๆ “รีบมานะ ฉันจะรอ” น้ำเสียงที่พ่อเลี้ยงเมธใช้ในวันนี้ ช่างเหมือนกับช่วงเวลาที่เขาพูดกับเธอในยามที่กำลังร่วมรักยิ่งนัก จึงทำให้วันวิสาเกิดอาการร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายก็ทำได้เพียงหมุนตัวเดินเร็วๆ เข้าบ้าน โดยไม่กล้าหันกลับมามองคนที่เอาแต่ยืนทอดสายตาตามหลังของเธอแม้แต่นิดเดียว ตั้งแต่คืนนั้น เธอบอกตัวเองแล้วว่า ขอให้ทุกอย่างเป็นเพียงฝันไป จะลืมเลือนให้หมด ทว่าทำไมพ่อเลี้ยงเมธต้องเสนอหน้าเข้ามาทำให้เธอคอยจดจำภาพพวกนั้นได้แม่นยำอยู่ร่ำไป จนเดินมานั่งข้างหน้ายายอบ ก็ยังรู้สึกว่าแก้มร้อนอยู่เลย จึงต้องดื่มน้ำฝนลอยมะลิไปหลายอึก “เก็บได้เยอะหรือเปล่า เลือกเอาดอกสวยๆ มาแล้วใช่ไหม” “จ้ะยาย” วันวิสาอ้อมแอ้มตอบ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบเอาไปให้พ่อเลี้ยงเถอะ อย่าลืมทำให้พ่อเลี้ยงดื่มสักขันด้วยล่ะ” “ได้จ้ะยาย เทียนจะรีบไปรีบมานะจ๊ะ” “ไปเถอะ เดี๋ยวยายจะไปโรงครัวใหญ่ ช่วยพวกนั้นทำมื้อกลางวันสักหน่อย” “ให้เทียนตามไปด้วยไหมจ๊ะ” “ไม่ต้องหรอก เอ็งยังไม่หายดี กลับจากบ้านพ่อเลี้ยงก็รีบมาพักผ่อนซะ เดี๋ยวไข้จะกลับเอาได้” “จ้ะ” วันวิสารับคำอย่างว่าง่าย เพราะความจริงแล้วเธอก็ไม่อยากสุงสิงกับใคร และก็ยังไม่พร้อมจะพบคนอื่น จนกว่าเรื่องวุ่นๆ พวกนี้จะจบสิ้นโน่นกระมังถึงจะกล้าสู้หน้าคนอื่นได้ ในเมื่อระหว่างเธอกับเขายังมีเรื่องต้องสะสางกัน หญิงสาวจึงขอตัวออกจากบ้านไปเงียบๆ กระทั่งมาถึงบ้านไม้หลังใหญ่ของพ่อเลี้ยงเมธนั่นแหละถึงได้แต่จ้องมองระเบียงบ้านซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของค่ำคืนพิศวาสนิ่งนาน “ยืนรำลึกความหลังอยู่ทำไม ถ้าอยากให้มันชัดเจนก็ขึ้นมาสิ ฉันจะสนองให้” ถ้อยคำที่ดังขึ้นอย่างเยาะเย้ย ถากถาง และท้าทายในประโยคเดียวกันนั้น ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นดวงตากลมโตก็ปะทะกับพ่อเลี้ยงเมธในวัยสามสิบห้าปียืนเท้ามืออยู่กับขอบระเบียง กางเกงกับเสื้อที่เขาสวมใส่ยังคงเป็นชุดที่เธอเห็นก่อนหน้า แตกต่างก็ตรงที่บริเวณหน้าอกถูกปลดกระดุมไปสองสามเม็ดเท่านั้น จึงลอบกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย มือที่ถือตะกร้าใบเล็กกระชับขึ้นแล้วเดินขึ้นบันไดด้วยแข้งขาที่บังคับไม่ให้สั่น ทว่าการเผชิญหน้าโดยตรงกับผู้ชายที่เธอหลวมตัวมีอะไรลึกซึ้งด้วยมันกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย “เข้าบ้าน” เมธัสสั่งสั้นๆ แล้วหมุนกายนำเข้าไป มาถึงก็ยืนรออย่างใจเย็น กระทั่งวันวิสายอมเดินตามเข้ามานั่นแหละถึงได้รีบปิดประตูและล็อกกลอน ท่าทางของเขาทำเอาหญิงสาวเบิกตากว้าง อยากจะเดินหนีออกไปแต่กลับถูกเหนี่ยวรั้งเอาไว้ “จะไปไหน” “ถ้าพ่อเลี้ยงจะคุยก็เปิดประตูไว้เถอะค่ะ” เมธัสยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วถามออกมาตรงๆ “เธออยากให้คนอื่น รู้เรื่องที่เธอนอนกับฉันหรือไง” “พ่อเลี้ยง...” “ถ้าไม่อยากก็อยู่เฉยๆ ไปนั่งลง เรามีหลายเรื่องต้องคุยกัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD