ตอนที่ 8
“ฉันชื่อพรทิพย์เป็นยายของยัยตัวยุ่งนี่ แล้วคนนั้นที่ยืนอยู่ใกล้คุณนะ” คุณพรทิพย์ชี้ไปหาขวัญชนก “ขวัญชนก ยายขวัญลูกสาวของป้าเอง อีกคนก็หนูลันหรือสิมิลันลูกเลี้ยงของป้า เป็นคนจัดการพาป้ามาเที่ยวครั้งนี้” คุณพรทิพย์แนะนำตัวเอง ขวัญชนกให้ชายหนุ่มได้รู้จัก โดยไม่รู้ว่าลูกสาวตัวเองได้แนะนำตัวไปแล้ว เหลือเพียงสิมิลันที่ไม่ยอมแนะนำตัว
อันโตนิโอ้พยักหน้าทักทายพร้อมทั้งส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่นและเป็นกันเองทั้งกับขวัญชนกและสิมิลัน และอยากพูดคุยกับครอบครัวโซดาต่อ เพราะชอบดูหน้าสิมิลันที่ชอบทำสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์ ไม่ว่าจะโกรธหรือว่าจะแสดงความรัก ซึ่งทำให้เขาอยากที่จะรู้สึกผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้น แล้วยังมีดวงตาคู่นั้นที่เขามองเห็นว่าบางครั้งมันเปลี่ยนแปลงจากสีดำเป็นสีน้ำตาลอยู่เนืองๆ
เสียงพนักงานประกาศให้ผู้โดยสารเตรียมตัวและสำรวจข้าวของให้เรียบร้อย เพราะเรือกำลังจะเข้าเทียบท่าในอีกไม่ถึงสิบนาที อันโตนิโอ้จำต้องขอตัวกลับไปหาคริสเตียโนที่ชะเง้อดูมาหลายรอบแล้ว “ผมขอตัวก่อนนะครับ เจอกันใหม่ที่เกาะครับ ลุงไปก่อนนะจ้ะหนูโซดาเด็กดี”
จมูกโด่งก้มหาแก้มนวนนุ่มและหอมกดย้ำซ้ายขวาอยู่สองสามครั้ง ดวงตาคมหวานมองใบหน้าขาวแดงระเรื่ออย่างชอบใจ และแม้จะเดินผ่านหน้าไปก็ยังไม่วายทิ้งคำพูดให้สาวน้อยหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“เจอกันใหม่นะครับหนูลัน” ไม่นานนี้ด้วยละสาวน้อย
“บายจ้าลุง” โซดายกมือขึ้นแตะที่ปากและโบกให้อันโตนิโอ้ พร้อมส่งรอยยิ้มจนเห็นไรเหงือตามไปอีกระรอก
สิมิลันส่งค้อนตามแผ่นหลังกว้าง ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากัน สองมือกำหมัดแน่น รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับว่าผู้ชายที่เดินจากไปจะนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเธอ โซดาและขวัญชนกในอนาคตอันใกล้ ความมั่นใจที่เคยมีว่าเธอจะสามารถดูแลโซดาและครอบครัวได้อย่างไม่เดือดร้อนและเป็นสุขเริ่มสั่นคลอน วันนี้เธอรู้สึกไม่มั่นใจอีกแล้ว ราวกับว่าดวงตาคมคู่นั้นสามารถมองทะลุถึงหัวใจของโซดาอย่างที่เธอไม่เคยมองเห็นมาก่อน
เสียงประกาศบอกอีกครั้ง สิมิลันรีบยกกระเป๋าเป้ขึ้นหลัง และดึงตัวโซดาจากคุณพรทิพย์พาเดินลงจากเรือช้าๆ แต่ไม่วายเหลียวมองกลับไปด้านหลัง และได้เห็นอันโตนิโอ้มองมายังเธอและโซดาไม่ละสายตาไปไหน
“คุณเอมองอะไรครับ” คริสเตียโนมองตามสายตาผู้เป็นนายอย่างสงสัย เขาตื่นลืมตามาหลายครั้งและทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นจะต้องเห็นสายตาผู้เป็นนายคอยวนเวียนอยู่แต่กับผู้หญิงร่างสูงโปร่งผิวสีน้ำผึ้ง ใบหน้าคมคายคนเดิมและยังมีเสียงร้องเรียกหาแม่แจ๋วๆ จากเด็กผู้หญิงอวบอ้วนหน้าตาน่ารักคอยตามไม่ห่างกายไม่ขาดปาก
“เปล่าไม่มีอะไรหรอกน่า ว่าแต่นายเถอะเมื่อครู่นี้คุยกับใครนะ” อันโตนิโอ้ถามกลับบ้าง ใบหน้าเปื้อนยิ้มจะว่าไปผู้เป็นเพื่อนและบอดี้การ์ดคนนี้ของเขาก็มีหญิงไม่ห่างกายอยู่แล้วไปที่ไหนก็จะมีสาวๆ รุมล้อมรุมตอมอยู่เสมอ จนนึกอยากเห็นคนที่จะมาเป็นภรรยาในอนาคตเสียแล้วว่าจะเป็นหญิงสาวแบบใด จะเหมือนกับที่เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหรือว่าจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบ
คริสเตียโนไม่ทันได้ตอบ เสียงโทรศัพท์อันโตนิโอ้ก็ดังขึ้นขัดจังหวะการพูดคุย สองเท้าค่อยก้าวเดินออกจากเรือโดยสาร “ว่าไงเจ้าบีมีอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามน้ำเสียงรื่นเริง
“พี่หายไปไหน ไม่รู้นะหรือไงว่าผมกับน้องเมย์เป็นห่วง อยู่ๆ ก็เล่นหายตัวไปไม่บอกไม่กล่าว” เบนนิโต้ถามเสียงดังลั่น จนอันโตนิโอ้ต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหู เพราะติดต่อพี่ชายไม่ได้ถึงสองวัน
“พี่แค่มาเที่ยวพักผ่อนกับคริส นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่าเจ้าบี พี่ไม่ใช่เด็กเล็กๆ สักหน่อย” อันโตนิโอ้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงใบหน้าผู้เป็นน้องชายและน้องสะใภ้ออกชัดเจน หน้าน้องชายที่หัวคิ้วขมวดเข้าหากันสีหน้าบึ้งตึง ปากเม้มเข้าหากัน ใบหูถูกมือนุ่มๆ ของผู้เป็นภรรยาจับและดึงด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย
“พี่เอขาพี่เอไปเที่ยวที่ไหนคะ ทำไมไม่ชวนน้องเมย์กับพี่บีไปด้วย” เมษาถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล “บอกน้องเมย์หน่อยนะคะ น้องเมย์จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลจนนอนไม่หลับ” เมษาขู่พี่ชายสามีด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“พี่เอคงจะรู้นะคะว่าถ้าพี่เอไม่บอก คืนนี้น้องเมย์นอนไม่หลับ พอนอนไม่หลับแล้วก็จะมีผลถึงเจ้าตัวน้อยในท้องน้องเมย์ด้วย ไหนจะเจ้าตัวโตที่ต้องเรียกหาลุงเอก่อนนอนอีกคน”
อันโตนิโอ้ฟังเสียงน้องสะใภ้ด้วยความสุขใจ เพียงแค่นึกถึงใบหน้าและสายตาผู้เป็นน้องสะใภ้ตอนที่กำลังคุยอยู่กับนี่ก็ทำเอาใบหน้าคมเปื้อนยิ้ม เมษาจะมีสายตาเปล่งประกายแห่งความสุขยามที่ใช้เจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องเธอและบรูโน่หลานชายคนโตมาขู่เขาเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
“จ้ะ...จ้ะ ถามจริงๆ เถอะเธอจะมาเป็นน้องสะใภ้ หรือเป็นแม่ของพี่กับเจ้าบีกันแน่จ้ะคุณน้องเมย์จ๋า แม่คุณแม่จอมยุ่ง” อันโตนิโอ้ถามกลับอย่างอารมณ์ดี ก่อนตอบเมษากลับไปใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“พี่กับคริสมาเที่ยวเกาะสิมิลันกัน เธอกับเจ้าบีจะมาฮันนีมูนรอบสองบ้างไหมล่ะ”
“เกาะสิมิลัน” เมษาร้องอุทานเสียงดัง
“น้องเมย์อย่าพูดดังไปซิ เดี๋ยวแมงหวี่แมงวันแถวนั้นได้ยินแล้วจะยุ่งกันใหญ่” อันโตนิโอ้หมายถึงเข็มเพชรหญิงสาวที่คอยตามตื้อเขา ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่เคยจะสนใจแม้แต่น้อยแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ยัง แถมยังคงตามตื้อเช้า กลางวันและเย็นเหมือนอาหารที่ต้องกินทั้งสามเวลาเสียอีก
“ขอโทษค่ะพี่เอ น้องเมย์ว่าคงไม่ทันแล้วล่ะค่ะ” เมษาบอกหัวเราะแหะๆ ตอบกลับอันโตนิโอ้ไปเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์คนขับ “พี่เอคงต้องหาทางจัดการเองแล้วละ”
“หมายความว่าไงน้องเมย์?”
“มีอะไรครับนาย” คริสเตียโนถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจและยุ่งยากใจของผู้เป็นนายออก
“คริสงานนี้ฉันมอบให้นาย นายต้องกันยัยเข็มเพชรให้ห่างจากฉันให้ได้” คริสเตียโนเลิกคิ้วสูง เข็มเพชรเหรอ แล้วยัยสวยแต่ไร้สมองนั่นมาเกี่ยวอะไรด้วย อย่าบอกนะว่า...
“นาย นายอย่าบอกผมนะว่า ยายนั่นรู้แล้วว่าเรามาเที่ยวที่ไหนกันนะ” อันโตนิโอ้พยักหน้า คริสเตียโนได้แต่ยกมือตบศีรษะ “ตาย...ตายแน่ๆ อุตสาห์หนีมาไกลแล้วนะนี่ยายนี่ยังตามได้ถูกอีก ช่างหูผีจมูกมดเสียจริง” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ
“เอาน่า นายจะจัดการยังไงก็ได้” อันโตนิโอ้ยิ้ม อยากจะโทรไปขออนุญาตคุณก้องเกียรติเป็นกรณีพิเศษ ให้คริสได้ดัดนิสัยเข็มเพชรด้วย แต่อย่าดีกว่าคุณก้องเกียรติรักลูกสาวมาก ทูนหัวทูนเกล้าให้ทุกอย่างยกเว้นอย่างเดียวที่ท่านไม่ยอมก็เรื่องของอรนิชาภรรยาคนใหม่ ที่มีเรื่องมีราวโดนกลั่นแกล้งหาเรื่องตบตีไม่เว้นแต่ล่ะวัน กว่าจะปรองดองกันได้ก็เห็นใช้เวลาเป็นปีทีเดียว
“แต่นายต้องจำไว้อย่างหนึ่งนะคริส” อันโตนิโอ้ปรายตามองคริสเตียโนราวกับนั่งอยู่ในใจเขา “นายห้ามยุ่งเกี่ยวกับเข็มเพชรทางด้านชู้สาวเด็ดขาด ถ้ายังไม่อยากกินลูกปืนจากคุณก้องเกียรติ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะคริส” อันโตนิโอ้บอกเสียงเข้ม เพราะเขารู้ถึงความรักและหวงแหนที่คุณพ่อคนนี้มอบให้ลูกสาวคนสวยเป็นอย่างดี