ระหว่างทางเสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้นเขาจึงหยุดเดินและกดรับสายของบิดาทันที เขาเดาได้ว่าเป็นเพราะบิดาติดต่อลูกสะใภ้คนโปรดไม่ได้แน่ๆ
"ว่าไงครับพ่อ"
"พ่อติดต่อหนูศิไม่ได้ รู้จักเพื่อนของหนูศิบ้างไหมเจ้าอธิป" บิดาของชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงเป็นกังวล
พอท่านรู้ว่าเธอมาต่างจังหวัดคนเดียวก็เป็นธรรมดาที่จะเป็นห่วงในเรื่องต่างๆ
"ศิอยู่กับผมเองครับ พ่อไม่ต้องเป็นห่วง" โทรมาตามหาลูกสาวสุดที่รักสินะ ตั้งแต่มีหญิงสาวเข้ามาเขาก็ตกกระป๋องไปเลย
"ฮ่าๆ นี่แกคิดถึงเมียจนต้องบินไปหาเลยหรอ เอาล่ะๆพ่อไม่กวนเวลาพวกลูกแล้วก็ได้ พ่อขอหลานสักคนนะเจ้าอธิป"
"แบตมือถือหมด" หญิงสาวบอกเขาออกไปน้ำเสียงแผ่วเบา วันนี้เธอคงใช้งานโทรศัพท์มากเกินไป ไม่รู้ตัวเลยว่าหมดไปตั้งแต่ตอนไหน
"ท่านคงจะโทรตามจนแบตหมดนั่นแหละ รู้ว่าตัวเองคออ่อนก็ยังจะดื่มเยอะอีกนะ” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะบ่นออกไปเพราะสุดท้ายแล้วเป็นเขาเองที่ต้องดูแลเธอ หญิงสาวจ้องมองเขาสายตาเอาเรื่องเหมือนลูกหมูตัวน้อยๆขู่ ซึ่งพยายามเท่าไรก็ไม่น่าเกรงกลัว
“อย่ามาว่าศินะคะ คุณเองก็ดื่มเยอะเหมือนกันนั่นแหละ” หญิงสาวตอบกลับหน้างอ เรื่องอะไรเขาจะมาว่าเธออยู่ฝ่ายเดียวอย่างนี้ ในเมื่อเขาเองก็เพลิดเพลินไปกับมันเหมือนกัน
“ดื่มเยอะก็จริงแต่ฉันก็ไม่ได้เป็นภาระใครนี่” ชายหนุ่มบอกออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก แต่นั่นกับกระทบจิตใจของหญิงสาวอย่างจัง
“นี่คุณว่าศิเป็นภาระของคุณหรอคะ” หญิงสาวถามออกไปด้วยความน้อยอกน้อยใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
น้ำตาของเธอจึงไหลออกมาอัตโนมัติ เธอเสียใจที่เขามองเธอเป็นภาระของเขา เขาคงคิดกับเธอแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วสินะ ทำไมเธอถึงไม่รู้บ้างเลยและปล่อยให้หัวใจเริ่มมีเขาเข้ามาครอบครองอย่างง่ายดาย
“เห้ย ถึงกับร้องไห้เลยหรอเนี่ย” ชายหนุ่มรู้สึกตกใจไม่น้อยที่ลักษิกากลายเป็นคนเจ้าน้ำตา เธอกำลังไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ฮึกๆ ฮือ คุณมันคนใจร้าย ศิเป็นภรรยาของคุณแท้ๆแต่ทำเหมือนกับว่าศิเป็นคนอื่น ฮึกๆ ศิจะไม่สนใจคุณแล้ว” หญิงสาวไม่อาจห้ามความคิดของตนเองได้คิดอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น แต่ที่บอกว่าจะไม่สนใจก็ไม่รู้จะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า ชายหนุ่มเปิดประตูห้องประคองเธอเข้าไปด้านในแล้วตอบกลับไปว่า
“เอาล่ะๆ ผมขอโทษ ผมไม่ได้มองคุณเป็นภาระหรอกคุณไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เข้าใจไหม” จบประโยคเขาก็พาเธอมาส่งที่เตียงนอนได้สำเร็จ หญิงสาวนั่งจ้องมองใบหน้าคนเป็นสามีพักหนึ่ง จากนั้นก็ยกแขนทั้งสองข้างคล้องคอเขาเอาไว้
“จะทำอะไร เธอกำลังไม่ได้สติรู้ตัวไหม” ชายหนุ่มเอ่ยเตือนเพื่อเรียกสติของลักษิกากลับมา กลัวว่าเมื่อสติเธอกลับมาแล้วจะโวยวายหนักกว่าเดิม
“ไม่จริง! ศิมีสติดี คุณคือสามีของศิ หรือไม่จริงคะ” เธอจ้องมองหน้าเขาอย่างไม่คิดจะเกรงกลัว ในเมื่อบิดาของเขาอยากจะมีหลาน ถ้าเธอทำให้ท่านสมหวังท่านคงจะมีความสุขไม่น้อย เธอควรจะทำแบบนั้นไม่ใช่หรือ
“ข้อนี้ผมคงเถียงไม่ได้” จะเถียงได้อย่างไรในเมื่อมีทะเบียนสมรสยืนยันความสัมพันธ์ของเขาและคนตรงหน้าชัดเจน ลักษิกาโน้มคอเขาเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม เวลานี้ปลายจมูกของเขาเกือบจะแตะที่แก้มของเธอแล้ว
“คุณคือครอบครัวของศิ คุณคือของศิรู้ตัวบ้างไหมคะ คุณคือของศิคนเดียว”
“อย่ามางี่เง่าตอนนี้ได้ไหม” ชายหนุ่มรู้สึกไม่ชอบใจเลยสักนิดเพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้ก็เหมือนกันหมดที่จ้องจะจับผู้ชายที่มีฐานะให้อยู่หมัด ถ้าเธอยังดึงดันความคิดเขาก็ไม่ผิดหรอก
“เราสองคนแต่งงานกันแล้วไม่มีอะไรผิดหรอกนะคะ คุณและศิต้องทำหน้าที่ของตัวเอง” จบประโยคหญิงสาวก็มอบจูบแสนหวานไม่ประสาให้คนตัวโตทันที ชายหนุ่มตาโตไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะใจกล้าถึงเพียงนี้ แน่นอนว่ากลิ่นหอมอ่อนๆจากกายสาวบวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่หญิงสาวดื่มเข้าไปทำให้อารมณ์ของคนทั้งคู่เตลิดไปไกลกว่าที่คิด กว่าจะได้สติกลับมาก็ตอนนี้หญิงสาวกำลังจะขาดอาการหายใจเพราะจูบแสนเอาแต่ใจของอธิราช
“จูบไม่เป็นก็ทำเป็นเก่ง เป็นไงผมสอนให้แล้วหวังว่าจะชอบนะ” หญิงสาวปรือตามองดวงตาวาววับร้อนแรงของเขาที่ถ้าสามารถพ่นไฟได้คงพ่นออกมาแล้ว เธอกำลังสับสนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริงหรือความฝัน เธอจึงใช้หัวใจตัดสินทุกอย่างแทนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันคือความฝัน ในเมื่อเป็นฝันแสนหวานเธอก็พร้อมจะมอบทั้งตัวและหัวใจให้กับผู้เป็นสามีที่เป็นครอบครัวหนึ่งเดียวของเธอ
“ฉันจะทำตามความต้องการของเธอนะลักษิกา เธอจะมาโวยวายทีหลังไม่ได้แล้วนะ” จบประโยคชายหนุ่มก็มอบจูบแสนเอาแต่ใจให้หญิงสาวอีกครั้ง วินาทีนี้เขาขอเดินหน้าเกมรักร้อนแรงให้ภรรยาที่บอกว่าเป็นภรรยา
ในนามได้สัมผัส และนี่ก็เท่ากับว่าเขากำลังล้ำเส้นที่ตัวเองขีดเอาไว้เช่นกัน ชายหนุ่มมารู้ตัวอีกทีก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เลย เขาไม่สามารถหยุดเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้แล้วจริงๆ