บทที่ 1 บทนำ
เพราะอธิราชเอาแต่มองว่าผู้หญิงเป็นของเล่น ชายหนุ่มเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าในแต่ละคืน บิดาอย่างอนันตวิทย์กลัวว่าลูกชายจะจากโลกนี้ไปก่อนเขาเสียอีก เขาเลยทนไม่ไหวยืนคำขาดให้ลูกชายแต่งงานกับเลขาคนเก่งข้างกายของเขา เขาเชื่อว่าลักษิกาจะสามารถเปลี่ยนแปลงลูกชายของเขาไปในทิศทางที่ดีได้
“พ่อมีธุระอะไรครับถึงได้เรียกตัวผมมาในวันนี้” ชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อออกไปน้ำเสียงทะเล้น สงสัยท่านกลัวจะลืมหน้าลูกชายเลยเรียกมาทานข้าวด้วยกันเหมือนอย่างเคยแน่ๆ
“พ่อมีเรื่องสำคัญจะบอกกับแกน่ะสิเจ้าอธิป ไม่งั้นพ่อจะเรียกแกมาทำไมล่ะ”
“บอกมาสิครับผมรอฟังอยู่ แต่อยู่ฟังนานไม่ได้นะครับผมมีนัดสาวแล้ว” ชายหนุ่มบอกกับผู้เป็นพ่อท่าทีสบายๆ ไม่มีอะไรที่เขาจะจัดการไม่ได้อยู่แล้วเขาจึงไม่เคยกลัวปัญหาที่จะเข้ามาในชีวิต
“หึ สักวันแกจะเป็นโรคตายไปก่อนพ่อ”
“ฮ่าๆ ผมก็ห่วงตัวเองเหมือนกันครับพ่อ ผมรู้ว่าผมจะป้องกันยังไง”
“พ่อจะให้แกแต่งงาน” อนันตวิทย์ไม่อยากจะอ้อมค้อมเลยเปิดประเด็นสำคัญทันที
“แต่งงาน! ฮ่าๆ พ่อกำลังอำผมเล่นใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเสียงดัง การแต่งงานไม่ได้ถูกบรรจุอยู่ในหัวสมองของเขาเลยแม้แต่เสี้ยววินาที
“ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมาพูดเรื่องไร้สาระกับแกนะเจ้าอธิป”
“อ่ะๆ แล้วสาวที่พ่อจะให้แต่งงานด้วยคือใครล่ะครับ”
“หนูศศิไง”
“เลขาเฉิ่มเชยของพ่อน่ะหรอ ไม่เอาด้วยหรอกครับ พ่อเก็บไว้พิจารณาเองเถอะ ผมเห็นพ่อชมเขาหนักหนา” ชายหนุ่มปฏิเสธแทบจะทันที ถ้าให้เขาแต่งงานกับหล่อนก็ไม่ต่างจากที่เขาไปบวชเป็นพระที่วัดแน่ๆ ชีวิตของเขาต้องการสีสันเขาขอโบกมือลาลักษิกาตั้งแต่ตอนนี้เลยจะดีกว่า
“ดูพูดเข้า! พ่อเห็นหนูศศิเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน ที่สำคัญแกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ถ้าแกปฏิเสธฉันจะยกสมบัติทั้งหมดให้กับมูลนิธิ”
“พ่อ! พ่อจะทำอย่างนั้นได้ยังไงในเมื่อผมก็มีส่วนร่วมทำให้บริษัทมันเติบโตจนถึงทุกวันนี้” อธิราชหนุ่มหล่ออายุสามสิบห้าปีตอบกลับเสียงดัง เขาเหน็ดเหนื่อยก็เพื่อให้บริษัทดำเนินต่อไปได้ นั่นทำให้ในทุกๆปีมีผลกำไรเกิดขึ้นมหาศาลและเขาไม่ลืมที่จะแบ่งบันโบนัสพี่เศษให้กับพนักงานทุกคน
“ฉันรู้ว่าแกมีความสำคัญต่อบริษัทมาก เพราะฉะนั้นเพื่อความอยู่รอดของทุกคน แกต้องแต่งงานกับหนูศศิเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวแกเองกับผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ฉันรำคาญข่าวคาวๆของแกจะแย่แล้ว”
“พ่อคิดเรื่องนี้มาดีแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามกลับเสียงเครียด ท่านพยักหน้าขึ้นลงเบาๆเป็นการยืนยันว่าทุกอย่างได้ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วจริงๆ
อธิราชมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อได้ฟังข้อเสนอจากผู้เป็นพ่อ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านถึงต้องบังคับให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงจืดชืดไม่มีเสน่ห์อะไรเลยอย่างลักษิกา หญิงสาวมีบุคลิกภาพที่ไม่ค่อยน่ามองเท่าไรในสายตาเขา การแต่งตัวของเธอนั้นก็เหมือนแม่ชีเข้าไปทุกวัน เธอชอบสวมเสื้อผ้าแขนยาวขายาว แม้กระทั่งวันที่เลือกสวมกระโปรงก็ยาวจนถึงตาตุ่ม เขาจะตัดสินใจอย่างไรดีนะแต่ความเป็นผู้นำมันค้ำคอ เขาต้องนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมสินะ
ลักษิกาหน้าซีดเมื่อรู้ว่าจะต้องแต่งงานกับลูกชายของผู้มีพระคุณอย่างอนันตวิทย์ เธอไม่กล้าปฏิเสธแต่ก็กลัวใจของตัวเองเหลือเกินว่าจะสามารถทนอยู่กับคนเอาแต่ใจอย่างอธิราชได้จริงๆหรือไม่ ส่วนอนันตวิทย์นั่นมั่นใจเหลือเกินว่าลักษิกาจะไม่ปฏิเสธตนแน่นอน ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เธอบังเอิญเจอกับอนันตวิทย์ที่โรงพยาบาล อนันตวิทย์พาภรรยาสุดที่รักมาหาคุณหมอเพื่อตรวจอาการของโรคหัวใจที่นานวันเข้าก็ยิ่งมีอาการแย่ลง เขาเป็นห่วงภรรยามากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะที่ผ่านมาก็พยายามจนสุดความสามารถแล้ว ราตรีมองเห็นเด็กสาวคนหนึ่งกำลังร้องไห้จึงสะกิดแขนของผู้เป็นสามีให้เข็นรถเข็นที่เธอกำลังนั่งให้เข้าไปหาสาวน้อยตรงหน้า
“หนูร้องไห้ทำไมล่ะลูก เจ็บปวดตรงไหนไหมจ๊ะ” ราตรีถามออกไปน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
“นะ หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะแต่ว่าแม่ของหนู ฮึกๆฮือ” เด็กสาวร้องไห้โฮออกมาจนดูน่าสงสาร คุณหมอออกมาเจอพอดีก็รู้สึกสงสารไม่ต่างกัน ราตรีกับผู้เป็นสามีจึงได้รับรู้เรื่องราวของเด็กสาวผ่านการเล่าของคุณหมอ มารดาของลักษิกาจากโลกนี้ไปแล้วเพราะถูกผู้เป็นสามีคนใหม่ทำลายร่างกายด้วยการเอามีดแทง เนื่องจากสามีใหม่พยายามจะข่มขืนลูกสาวคนเดียวของหล่อนอย่างลักษิกา คนเป็นแม่มีหรือจะทนอยู่เฉยๆได้ เมื่อเห็นว่าแม่ของเด็กสาวแน่นิ่งก็หลบหนีไปด้วยความกลัว บทชีวิตของเด็กสาวช่างน่าเศร้ายิ่งกว่านิยาย
“จับตัวคนร้ายได้หรือยังคะคุณหมอ ดิฉันเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กคนนี้” ราตรีรู้สึกถูกชะตากับลักษิกามากๆ อยากรับมาเป็นลูกสาวอีกคน
“โชคดีที่ตามจับตัวมาได้แล้วครับ หลังจากนี้ผมเองก็เป็นห่วงความเป็นอยู่ของน้องเขาเหมือนกัน”
“พ่อของแกละคะ”
“เห็นว่าเสียไปตั้งแต่แกได้สามขวบนะครับ”
“คุณคะ ราตรีอยากรับเลี้ยงเด็กคนนี้”
“ที่รักอยากทำอะไรผมจะสนับสนุนที่รักทุกอย่างเลย เรามาเป็นครอบครัวเดียวกันนะหนู” อนันตวิทย์บอกกับเด็กน้อยตรงหน้าน้ำเสียงอบอุ่น หลังจากวันนั้นชีวิตของลักษิกาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ครอบครัว
ของอนันตวิทย์ไม่สามารถรับเด็กสาวคนนี้ไปอยู่ด้วยได้จึงทำได้เพียงให้เงินสนับสนุนทุกอย่างกับลักษิกา แน่นอนว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาลักษิกาใช้อย่างประหยัดอดออม เธอพร้อมจะตอบแทนผู้มีพระคุณของเธอ น่าเสียดายที่ราตรีไม่มีโอกาสได้เห็นความสำเร็จของเธอในวันที่เธอได้รับปริญญา เธอรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมากแต่ยังดีที่ยังมีอนันตวิทย์อีกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้เธอเสมอ หลังจากเรียนจบเธอก็เข้ามาทำงานในบริษัทของอนันตวิทย์ เธอทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับงานจนไม่ได้ใส่ใจจะดูแลตัวเอง หลังจากที่เธอทำงานได้ประมาณสองปีอธิราชก็เข้ามาช่วยบิดาบริหารอีกแรงหลังจากที่เขาจบการศึกษาปริญญาโทใบที่สองจากประเทศอังกฤษ เขาเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความสามารถมากๆ เขาได้รับคำชมและรางวัลการันตีความสามารถมากมาย
เสียอย่างเดียวเขาชอบกินผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ข้อนี้เธอรับไม่ได้จริงๆ
ปัจจุบัน
“หนูศศิ หนูศศิได้ยินที่พ่อบอกไหมลูก” เวลาอยู่กันตามลำพัง ท่านอยากให้เธอเรียกท่านว่าพ่อซึ่งเธอก็ยอมทำตามความต้องการของท่าน
“ดะ ได้ยินค่ะคุณพ่อ”
“เหม่อแบบนี้คิดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้วใช่ไหม” อนันตวิทย์เดาความคิดของลักษิกาได้ไม่อยากเพราะหญิงสาวรู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมาทางดวงตาแดงกล่ำนั่น
“ขอโทษค่ะ”
“พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าอะไรที่ทำให้เศร้าใจก็อย่าไปนึกถึงเลยนะ”
“หนูคิดถึงแม่ราตรีด้วยค่ะ” หญิงสาวบอกออกไปน้ำเสียงแผ่วเบา
“คิดถึงก็ไปทำบุญให้ท่านสิลูก หนูจะได้สบายใจ หนูไปกับลูกชายของพ่อก็ได้”
“หนูไปเองดีกว่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธออกไปทางอ้อม ขืนไปกับอธิราชเธอก็ทำตัวไม่ถูกเปล่าๆ
“ไปกับตาอธิปน่ะดีแล้ว ลูกชายของพ่อแม้จะไม่ได้เรื่องเรื่องผู้หญิงแต่เรื่องแม่ของเขา เขาเป็นลูกที่ดีมากนะ”
“ศิเชื่อค่ะคุณพ่อ”
“เพราะฉะนั้นก็ออกไปพร้อมกันเถอะ เดี๋ยวพ่อโทรตามตาอธิปให้”
“ค่ะ”
ลักษิกาลงมารออธิราชที่ลานจอดรถเพราะไม่อยากให้เขาต้องเสียเวลารอเธอ เธอจึงมารอเขาก่อนซึ่งเหมาะสมกว่า พอเขาลงมาถึงก็พยักเพยิดให้เธอขึ้นไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับ ส่วนเขานั้นนั่งสบายๆที่เบาะหลัง ตราบใดที่ยังไม่แต่งงานเขาก็ไม่จำเป็นต้องนั่งข้างลักษิกาก็ได้นี่หน่า เมื่อเดินทางมาถึงวัดชายหนุ่มก็ตรงเข้าไปทำบุญให้กับมารดาสุดที่รักทันที เขาพูดกับรูปของท่านน้ำตาคลอ ลักษิกาเองก็น้ำตาคลอไม่ต่างกัน
“เธอคงคิดถึงคุณแม่เหมือนกันสินะ”
“ใช่ค่ะ คุณแม่ท่านดีกับศศิมาก”
“แม่เป็นคนมีน้ำใจเห็นใครเดือดร้อนก็พร้อมช่วยเหลือ ไม่เข้าใจเลยจริงๆทำไมฟ้าต้องพรากคนดีๆอย่างนี้ไปก่อนเวลาด้วยก็ไม่รู้” ชายหนุ่มบอกออกมาอย่างปลงๆ พวกผู้ร้ายกับได้อยู่รอดบนโลกนี้ต่อไปอย่างไม่ยุติธรรม มีเรื่องมารดาและเรื่องงานนี่แหละที่เขาสามารถพูดคุยเปิดอกกับเธอได้ ลักษิกาเป็นคนเก่งคนหนึ่งในองค์กรที่ควรจะเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นๆ มารดาไม่เคยเล่าที่มาที่ไปของลักษิกาให้เขาฟัง ท่านเพียงแต่บอกว่าชีวิตของหญิงสาวนั้นน่าสงสารมาก
"ศิก็คิดเหมือนคุณอธิปทุกอย่างเลยค่ะ คุณแม่ท่านดีกับศิมาก"
"..."
"อะ เอ่อคุณราตรีน่ะค่ะ ท่านดีกับศิมาก" หญิงสาวลืมตัวเอ่ยเรียกผู้มีพระคุณว่าแม่
"อยากเรียกว่าแม่ก็เรียกไปเถอะ ไม่ต้องกลัวฉันจะว่าอะไรหรอก"
"ค่ะ ท่านคือแสงสว่างในชีวิตของศิ ศิพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวของคุณอธิปค่ะ"
“อย่าใส่ใจเรื่องบุญคุณนักเลย เธอเองนั่นแหละที่จะเป็นทุกข์ กลับกันเถอะฉันยังมีที่ที่ต้องไปต่อ”
“ค่ะ”
“ว่าแต่เรื่องแต่งงานเธอมีคำตอบแล้วใช่ไหม” เขาถามคนข้างกายน้ำเสียงราบเรียบ
“มีแล้วค่ะคุณอธิป ศิยินดีแต่งงานกับคุณค่ะ”
“เธอชอบฉันหรอ” ชายหนุ่มเลือกที่จะถามหญิงสาวตรงๆ
“...”
“เราสองคนไม่ได้ชอบกันไปกันไม่รอดหรอกนะ ถ้าเธอมีวิธีอะไรโน้มน้าวพ่อได้ก็ควรทำนะ” ในใจของอธิปยังคิดว่ามีทางออกเสมอ
“ศิจะพยายามค่ะ” หญิงสาวพูดคำตอบคำเขาไม่ชอบใจเลยจริงๆ หลังจากส่งหญิงสาวที่บริษัทแล้วเขาก็ออกไปหาเพื่อนสนิทอย่างเดชวัตเพื่อระบายความไม่สบายใจให้เพื่อนฟัง
เดชวัตมองหน้าเพื่อนแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ เขาไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นกังวลใจมากเท่านี้มาก่อนเลย ขนาดเกิดปัญหาใหญ่ที่บริษัทเพื่อนยังไม่กลุ้มใจเท่านี้เลย
"แกจะไปซีเรียสทำไมล่ะก็แค่มีเมียเพิ่มมาอีกคน"
"ฉันไม่ชอบการผูกมัดกับใครแกก็รู้ดีไอ้วัต" การที่ต้องมีใครสักคนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทำให้เขารู้สึกว่าอิสระที่เคยมีนั้นกำลังจะหายไป ข้อสำคัญเลยคือเขาคิดว่าเขาไม่สามารถจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนไหนได้เพราะเขาชอบความแปลกใหม่ นั่นเท่ากับว่าเป็นการทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่ทำได้เพียงกอดทะเบียนสมรสเอาไว้
"มันก็จริงแต่อยู่ๆกันไปอาจจะรักกันก็ได้นะ ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก"
"อย่างยัยแม่ชีเนี่ยนะจะทำให้ฉันตกหลุมรัก ไม่มีทางหรอก" อธิราชอยากจะขำกับคำพูดของเพื่อน ดูก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ว่าที่เจ้าสาวของเขาไม่ใช่สเปคของเขาเลยสักนิด
"ตายมานักต่อนักแล้วไอ้คนพูดว่าไม่มีทางรักเนี่ย" เดชวัตบอกกับคนตรงหน้าขำๆ เขาจะรอดูว่าจุดจบเรื่องนี้ของเพื่อนจะเป็นอย่างไร แต่เขาพนันเลยว่ายังไงอธิราชก็หนีการแต่งงานครั้งนี้ไม่พ้น
"เว้นฉันไว้คนหนึ่งได้เลย" อธิราชตอบกลับเสียงดังฟังชัด