"เราไปเดินเล่นกันไหมครับ" ชายหนุ่มถามออกไปน้ำเสียงอบอุ่น เขาอยากจะใช้เวลาอยู่กับคนข้างกายให้นานที่สุดเพราะเมื่อกลับไปยังกรุงเทพแล้วเขาก็จะเจอก้างชิ้นใหญ่ที่ไม่อาจทำอะไรฝ่ายนั้นได้
"ก็ดีเหมือนกันค่ะ ศิไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวเท่าไรได้เปิดหูเปิดตาก็ดีเหมือนกันค่ะ" หญิงสาวตอบกลับยิ้มๆ
"เหมือนกันเลยครับ พี่เองก็มัวแต่ทำงาน ไม่มีเวลาออกมาเที่ยวเล่นหรอกครับ"
"ไปด้านนู้นไหมคะ เหมือนจะมีโขดหินให้นั่งด้วย ศิอยากถ่ายรูป" ลักษิการีบก้าวเดินไปนั่งถ่ายรูปตนเองเอาไว้ หญิงสาวยิ้มหน้าบานเพราะเธอกำลังมีความสุขจริงๆนี่หน่า อาร์มยิ้มขำส่ายหัวไปมาเบาๆด้วยความเอ็นดูไม่กล้าขัดจังหวะความสุขของคนตรงหน้า
“พี่ถ่ายให้ไหมครับ”
“ได้หรอคะ” หญิงสาวถามออกไปน้ำเสียงตื่นเต้น มีคนถ่ายให้ย่อมดีกว่าถ่ายเองอยู่แล้ว เธอชอบภาพที่ถ่ายจากกล้องหลังมากกว่าเยอะ
“ได้สิครับ อยากให้ถ่ายกี่ภาพก็บอกมาได้เลยครับพี่ยินดีมากๆ”
“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณเขาจากหัวใจ ชายหนุ่มหามุมที่เหมาะสมให้กับหญิงสาว พอเธอเห็นแต่ละภาพแล้วก็รู้สึกเป็นปลื้มมากๆ สวยทุกรูปเลยล่ะ
ด้านอธิราชเมื่อตื่นเช้ามาไม่มีคนคอยเอาใจใส่เหมือนเช่นเคยก็รู้สึกแปลกๆ มันเหมือนกับว่าเขาไม่รู้เลยว่าข้าวของที่เคยหยิบจับเองมันอยู่ตรงไหนบ้าง ห้องทานอาหารที่เคยมีหญิงสาวชวนบิดาของเขาพูดคุยกันอย่างสนิทสนมก็หายไปทำให้ห้องทั้งห้องเงียบเหงา
“ข้าวต้มร้อนๆมาแล้วค่ะคุณอธิป คุณศิกำชับป้ามาว่าต้องให้คุณอธิปทานอาหารเช้าด้วยค่ะ” คุณป้าแม่บ้านนำข้าวต้มของโปรดของเขามาเสริฟ์ให้ที่โต๊ะ กลิ่นหอมของมันทำให้ท้องของเขาส่งเสียงร้องเบาๆ
“ขอบคุณครับป้า ป้าจะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะครับ ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว”
“ค่ะ”
"เมื่อไรจะกลับมาสักที ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเองเลย ต้องให้คนอื่นมาทำให้" ชายหนุ่มได้แต่บ่นออกมาเบาๆ
อยากให้หญิงสาวกลับมาทำหน้าที่ของตนเองได้แล้ว เธอไม่อยู่ทำให้เขาต้องทำอะไรหลายๆอย่างเอง เขามองว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลา แต่แล้วก็มีข้อความดังขึ้นจากแอพพลิเคชั่นที่ใช้สื่อสาร ชายหนุ่มไม่รอช้าเปิดอ่านทันทีเมื่อคนที่ส่งมาคือภรรยาของตน
"ศิน่าจะถึงบ้านช่วงค่ำๆนะคะ ที่นี่วิวดีมากเลยอยากให้คุณอธิปมาเห็นด้วยตาตัวเองเลย"
"ยิ้มหน้าบานเชียวนะพอได้ออกนอกบ้าน" หญิงสาวเช็คอินสถานที่ที่เธออยู่ด้วย ซึ่งใช้เวลาพอสมควรกว่าจะไปถึงที่นั่น ชายหนุ่มซูมรูปถ่ายของหญิงสาวแล้วก็ยิ้มมุมปากโดยที่ไม่รู้ตัว แต่แล้วเขาก็ต้องหุบยิ้มฉับเพราะคนที่ร่วมเฟรมกับหญิงสาวด้านหลังไกลๆนั้น เป็นใครไปไม่ได้นอกจากรุ่นพี่ที่หวังดีประสงค์ร้ายของเธอ
"ไอ้หมอนี่มันจะตามติดเธอขนาดนี้ทำไมลักษิกา" ชายหนุ่มถามออกไปน้ำเสียงติดจะไม่พอใจ ที่เห็นคนทั้งคู่อยู่ด้วยกัน บิดาของอธิราชเห็นใบหน้าลูกชายดูหงิกงอก็รู้เลยว่ามีเรื่องในใจ ท่านจึงเดินเข้าไปหาลูกชาย
"เป็นอะไรไปงานมีปัญหาหรอ" คนเป็นพ่อถามออกไปด้วยความสงสัย ลูกชายของเขาเป็นอย่างนี้มาสองวันแล้ว
"เปล่าครับพ่อ เรื่องงานน่ะผมจัดการได้อยู่แล้ว"
"อืม พ่อเชื่อ งั้นก็คงคิดถึงเมียสินะ เดี๋ยวหนูศิเขาก็กลับมาแล้วอย่าโอเวอร์ไปหน่อยเลย" บิดาของชายหนุ่ม
อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว
"ผมจะไปคิดถึงทำไมละครับ"
"ปากแข็ง ระวังเถอะวันหนึ่งถ้าหนูศิเขาเลิกสนใจเลิกใส่ใจแกแล้วจะรู้สึก"
"ไม่มีวันนั้นแน่นอนเพราะผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูกสะใภ้ของคุณพ่อ"
"เอาเถอะๆ เรื่องทุกอย่างมันจะเป็นอย่างไรต่อไปมันก็ขึ้นอยู่กับแกกับหนูศิ ทานข้าวเถอะ”
“ผมไม่หิวแล้วครับ ขอตัวก่อนครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธออกไป
“จะรีบไปไหนล่ะข้าวต้มในถ้วยยังไม่ยุบเลย” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ผมมีนัดครับพ่อ” ชายหนุ่มตอบกลับแทบจะทันที จากนั้นก็ผละห่างออกไป
“นัดอะไรของมันข้าวปลาไม่ยอมกิน”
วันเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลานี้เธอกำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า เตรียมเดินทางกลับบ้านเพื่อไปทำหน้าที่ของตัวเอง เสียงโทรศัพท์ของเธอที่วางอยู่ที่ห้องนั่งเล่นดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเธอต้องหยุดสิ่งที่กำลังทำตรงหน้าก่อน พอเห็นว่าเป็นใครโทรมาเธอก็รีบกดรับทันที
“สวัสดีค่ะคุณอธิป” การที่เขาติดต่อมาหาเธอบ้าง ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาเพราะตั้งแต่ส่งข้อความไปหาเขาก็แค่อ่านแต่ไม่ได้ตอบกลับอะไรมาเลย
“ยังไม่ได้กลับใช่ไหม”
“ยังค่ะ ตอนนี้ศิกำลังเก็บของ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ดี”
“ว่าไงนะคะ”
“ยังไม่ต้องเก็บของ อีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะไปถึงที่นั่นแล้ว” อธิราชบินด่วนมายังจังหวัดที่ภรรยาสาวมาร่วมงานแต่งงานของเพื่อน คิดไปคิดมาเขาคิดว่าเป็นการไม่ให้เกียรติมากที่ไม่มาร่วมงานและจะไม่ยอมให้คนอื่นเข้าใจผิดเรื่องของหญิงสาวและรุ่นพี่หนุ่มเด็ดขาด
“ว่าไงนะคะ” หญิงสาวถามออกไปด้วยความตกใจ เขาจะมาที่นี่ทำไมล่ะในเมื่อเธอก็บอกไปแล้วว่า
เธอจะเดินทางกลับบ้านวันนี้