bc

365 ข้าไม่ได้อยากเป็นฮองเฮา

book_age12+
1.3K
FOLLOW
10.4K
READ
contract marriage
powerful
independent
self-improved
inspirational
witty
enimies to lovers
friendship
sassy
like
intro-logo
Blurb

ฉีกทุกกฎของการเป็นฮองเฮา…ดรุณีน้อยผู้นี้คือสตรีบ้านนอก สตรีที่มาจากชนชั้นต่ำ แต่ต่อจากนี้นางจะเป็นสตรีที่มีเกียรติยศและฐานะสูงยิ่งกว่าสตรีใดๆในแผ่นดินแคว้นฉาง

‘ฮองเฮา’ ตำแหน่งของสตรีที่สูงที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของแผ่นดิน ได้รับเกียรติอย่างสูงถูกยกย่องให้เป็น…มารดาของแผ่นดิน ผู้คนเคารพยำเกรง ราษฎรแซ่ซ้องสรรเสริญ นางในทุกนางในวังหลังต้องยอมสยบให้แก่นาง การได้ขึ้นเป็นฮองเฮานั้น หากจะว่ายาก…ก็ยาก หากจะว่า…ง่าย ก็ง่าย เส้นทางการเป็นฮองเฮานั้นมีด้วยกันสองแบบ คือแบบง่ายๆ กับอีกแบบนั้นคือแบบที่…ยาก…ถึงยากที่สุด แต่สำหรับอี้เหม่ยหรงแล้ว เส้นทางการเป็นฮองเฮาของนางนั้นยิ่งกว่าคำว่าง่าย…มันคือความฟลุ๊คต่างหาก

อี้เหม่ยหรง….คือสตรีที่ฉีกทุกกฎของการเป็นฮองเฮา ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ ในเมื่อ…ตำแหน่งนี้นางไม่เคยต้องการ 365 วันกับชีวิตอันหาสาระมิได้ของการเป็นประมุขแห่งวังหลัง ฮึ! ดูเอาเถอะ สนมหน้าโง่ทั้งหลาย พวกเจ้าพากันเข่นฆ่า แก่งแย่งห้ำหั่นกันเพียงเพื่อตำแหน่งฮองเฮาเช่นนั้นรึ ข้าจะบอกอันใดให้…มันคือตำแหน่งที่ข้า…ไม่ต้องการ

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1 ที่นี่พระตำหนักของประมุขแห่งวังหลัง…ไม่ใช่หอนางโลม
  เป็นที่รู้กันดีว่า…   ผู้ที่จะได้รับยกย่องให้เป็นฮองเฮานั้นจะต้องเป็นสตรีที่เพียบพร้อมและเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติด้านดีทั้งปวง อันได้แก่   …ต้องมาจากสกุลชนชั้นสูง อาจจะเป็นสกุลขุนนางระดับสูง พระญาติของฮ่องเต้ ผู้ที่สืบสายเลือดมาจากเหล่าเชื้อพระวงศ์   …ต้องได้ชื่อว่าเป็นโฉมสะคราญ มีความงดงามระดับงามล่มเมือง   …มีความสามารถโดดเด่นในการศิลปะขั้นสูงทั้งสี่ อันได้แก่ พิณ หมากล้อม การวาดภาพและการเขียนอักษร   …ได้รับการศึกษาและอบรมสั่งสอนที่ดี   …มีสกุลใหญ่คอยหนุนหลัง   …สกุลของนางต้องสามารถหนุนหลังฮ่องเต้ได้เป็นอย่างดี   ทว่า…ตำแหน่งมารดาแผ่นดินของแคว้นฉางนั้นกลับยังว่างอยู่ทั้งๆที่ฮ่องเต้นั้นมีสนมนางในมากมายหลายสิบหลายร้อยนาง ทุกนางต่างมุ่งหวังที่จะได้ครอบครองตราหงส์มังกร พวกนางต่างนับคืนนับวัน รอแล้วรอเล่าที่ตำแหน่งอันทรงเกียรติที่ว่างอยู่นี้จะมีผู้ได้รับแต่งตั้งเสียที และพวกนางต่างก็คาดหวังว่าตนจะเป็นสตรีนางนั้น   ผ่านไปหลายปีจนเหล่าสนมนางในต่างทยอยมีทายาททั้งพระโอรสและพระธิดาถวายฮ่องเต้ก็หลายนาง แต่ตำแหน่งฮองเฮายังคงว่างอยู่ และที่สำคัญดูเหมือนกับว่าโอรสสวรรค์จะมิได้ใส่ใจกับเรื่องนี้   จนกระทั่ง… ยามเฉิน ( 07.00-08.59น.) ของวันหนึ่งในวสันตฤดู   “ปล่อยข้านะ นี่มันเรื่องอันใดกัน ปล่อยนะ บอกให้ปล่อย นี่แหน่ะๆๆๆ” เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายอย่างตกอกตกใจของดรุณีวัยกำดัดนางหนึ่งได้ดังขึ้นสลับกับเสียงทุบประตู     รัชศกชุนฉือ ปีที่แปด วสันตฤดู   อี้เหม่ยหรง ดรุณีวัยยี่สิบปีทั้งรู้สึกงุนงงระคนสับสนเมื่อจู่ๆนางก็โดนจับตัวมาขังไว้ในสถานที่แบบนี้   อาคารหลังใหญ่ ตกแต่งหรูหราด้วยเครื่องเรือนไม้หายากและดูมีค่า มีราคา หากเดาไม่ผิดเครื่องเรือนทั้งหลายเหล่านี้ อันประกอบด้วย เตียงนอน โต๊ะ ตู้ ชั้นวางของ เก้าอี้ คงจะทำจากไม้หวางฮวาหลี เพราะสีของเครื่องเรือนเหล่านี้มีสีน้ำตาลออกทอง ผ้าม่าน และอาภรณ์ต่างๆที่ใช้ประดับตกแต่งล้วนดูงดงามและสูงค่า  รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ต่างๆล้วนดูล้ำค่ามิอาจประเมินราคาได้ หญิงสาวเหลือบมองแจกันหยกสลักจากหยกเขียวปนขาวใบใหญ่ที่มีดอกหมู่ตานสีชมพูปักอยู่หลายดอกก่อนจะพึมพำกับตนเอง   “ที่นี่ที่ไหน หวังว่าคงไม่ใช่หอนางโลมหรอกนะ”   อี้เหม่ยหรงรู้สึกตาลายเล็กน้อย หญิงสาวหลับตาปี๋พลางสั่นศีรษะไปมาสองสามครั้งก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง   ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม นี่แสดงว่านางไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ หญิงสาวพยายามทบทวนความทรงจำ นางจำได้ว่าก่อนที่นางจะหมดสติไปในครั้งนี้นั้นนางกำลังเก็บผักป่าอยู่ที่ชายป่าท้ายหมู่บ้าน จู่ๆก็มีชายชุดดำสี่ห้าคนมาช่วยกันจับตัวนาง คนหนึ่งจับแขนนางไพล่หลังก่อนจะใช้ผ้ามัดแขนทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน อีกคนพยายามแบกนางขึ้นบ่า อี้เหม่ยหรงพยายามต่อสู้ดิ้นรนสุดกำลัง ทั้งพยายามกระแทกเจ้าคนที่แบกนางอยู่ ทั้งเตะ ทั้งถีบคนที่พยายามจับขานางเอาไว้ หญิงสาวจำไม่ได้ว่านางใช้เวลานานเท่าใดในการต่อสู้กับบุรุษชุดดำหลายคนนั้นเมื่อจู่ๆสติสัมปชัญญะของนางก็ดับวูบลง   นางโดนผงสลบ แต่เป็นผงสลบแบบที่มีฤทธิ์อ่อนๆนะ เพราะหากว่าที่มารดาแห่งแผ่นดินแคว้นฉางเป็นอันใดไป เหล่าองครักษ์ทั้งหลายที่ได้รับคำสั่งให้มาจับตัวนางคงหนีไม่พ้นอาญาสูงสุดเป็นแน่   “ถวายพระพรฮองเฮา ที่นี่คือพระตำหนักเหมยกุ้ย ที่ประทับของประมุขแห่งวังหลัง ยินดีต้อนรับอี้ฮองเฮา มารดาแผ่นดินแห่งแคว้นฉางพะย่ะค่ะ” เสียงนั้นมิใช่เสียงสตรี คล้ายๆเป็นเสียงบุรุษ หากแต่มิใช่เป็นบุรุษที่กล้าแกร่ง   อี้เหม่ยหรงหันขวับไปตามที่มาของเสียง บุรุษเลยวัยกลางคนแต่ยังไม่ถึงกับเข้าสู่วัยชรายืนอยู่ด้านหน้า ในมือของเขาถือแส้หางจามรีสีขาว เบื้องหลังของเขามีบุรุษหนุ่มน้อยจำนวนสิบเอ็ดคน และหญิงสาวสวมอาภรณ์แบบเดียวกันสีเดียวกันจำนวนสิบคนยืนก้มหน้าอย่างสำรวม   “ทะ…ท่าน ท่านว่าอะไรนะ ผู้ใดคือฮองเฮา และ…แล้ว….แล้วที่นี่ที่ไหน? ขะ…ข้า…ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”อี้เหม่ยหรงถามเสียงสั่นๆ   “ทูลฮองเฮา ที่นี่คือวังหลวง พระตำหนักนี้คือพระตำหนักเหมยกุ้ยที่ประทับของฮองเฮาแห่งแคว้นฉาง และพวกเราก็คือเหล่าขันทีและนางกำนัลที่จะคอยรับใช้ฮองเฮาที่นี่พะย่ะค่ะ” ขันทีที่ดูอาวุโสและมีคุณวุฒิที่สุดกล่าว ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วเขาน่าจะเป็นหัวหน้าเหล่าขันทีที่ยืนอยู่ด้านหลัง   “อะ…อะไรนะ นี่มันเรื่องบ้าอันใด เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว” อี้เหม่ยหรงรู้สึกหวาดระแวง หญิงสาวรู้สึกว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับนาง คนแปลกหน้าเหล่านี้บอกว่าพวกเขาคือนางกำนัลและขันทีที่จะดูแลรับใช้ฮองเฮาเช่นนั้นหรือ แล้วชายชุดดำพวกนั้นอีกล่ะ   “ทูลฮองเฮา หม่อมฉันชื่อเป๋าเจียงเหมย เป็นหัวหน้านางกำนัลของพระตำหนักเหมยกุ้ยแห่งนี้ หม่อมฉันขอบังอาจกราบทูลเชิญฮองเฮาไปที่ห้องสรงเพื่อชำระร่างกายและผลัดเปลี่ยนเครื่องทรงของฮองเฮาเสียใหม่ก่อนจะดีกว่าเพคะ อีกไม่นานฝ่าบาทคงจะเสด็จมาแล้ว”   “ดะ…เดี๋ยว เดี๋ยวนะ ฝ่าบาท?....ฝ่าบาทนี่ใคร? แล้วจะเสด็จมาทำไม แล้วมันเกี่ยวอันใดกับข้า ข้าจะกลับบ้าน นี่ข้างงไปหมดแล้วว่าเหตุใดข้าจึงมาโผล่ที่นี่ได้ จริงสิ พวกชายชุดดำ คนพวกนั้นที่จับตัวข้ามา พวกมันอยู่แถวนี้หรือไม่?” อี้เหม่ยหรงสอดส่ายสายตามองหาอย่างระแวง เหล่านางกำนัลและขันทีต่างแอบอมยิ้มขบขันในกิริยาอันใสซื่อของสตรีที่อยู่เบื้องหน้า ดรุณีน้อยผู้นี้คือสตรีบ้านนอก สตรีที่มาจากชนชั้นต่ำ แต่ต่อจากนี้นางจะเป็นสตรีที่มีเกียรติยศและฐานะสูงยิ่งกว่าสตรีใดๆในแผ่นดินแคว้นฉาง   “พวกเจ้าขำอันใดกัน?” อี้เหม่ยหรงถามเสียงแข็ง สายตาของนางเล็งไปที่ประตูทางออกก่อนที่จะตัดสินใจพุ่งตรงไปที่ประตู ฝีเท้าของอี้เหม่ยหรงถือว่าไม่เป็นสองรองผู้ใด เพราะนางเข้าป่าไปหาล่าไก่ป่าและกระต่ายอยู่เป็นนิจ ฉะนั้นนางต้องพัฒนาฝีเท้าให้ไวพอที่จะวิ่งไล่จับสัตว์ป่าพวกนั้นให้ทัน   ทว่า…เมื่ออี้เหม่ยหรงกำลังจะวิ่งพ้นประตู นางก็ถูกองครักษ์สองนายที่เฝ้าด้านหน้าพระตำหนักจับตัวไว้ได้ก่อนในขณะที่บรรดานางกำนัลและขันทีต่างยืนตัวแข็งเป็นหิน ตะลึงกับการกระทำของสตรีแปลกหน้าผู้นี้   “ปล่อย…ปล่อยข้านะ พวกเจ้าจับข้ามาทำไมกัน ปล่อยนะไอ้พวกบ้า ไอ้พวกรังแกสตรี เป็นบุรุษเสียเปล่า ช่างไม่อายฟ้าดิน ปล่อยนะ” อี้เหม่ยหรงพยายามต่อสู้สุดกำลัง ในที่สุดนางก็ตัดสินใจกัดเข้าไปที่แขนของหนึ่งในองครักษ์   “อ๊า!” ชายหนุ่มแหกปากร้องดังลั่นพลางปล่อยมือจากนาง “จับนางมัดไว้ก่อน รอฝ่าบาทเสด็จมาแล้วค่อยให้พระองค์ทรงตัดสินว่าจะทำเช่นไรต่อไปดี” หัวหน้าขันทีร้องตะโกนข้ามหัวอี้เหม่ยหรงมา   “ช่วยด้วยๆ ช่วยข้าด้วย พวกนี้มันจะจับข้าไปขายหอนางโลม ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที ข้าไม่อยากเป็นหญิงคณิกา ช่วยด้วยๆๆๆ” อี้เหม่ยหรงตะโกนออกมาดังลั่น ทำให้บรรดาผู้คนจากตำหนักใกล้เคียงแตกตื่นมามุงดูด้านหน้าพระตำหนักเหมยกุ้ยเต็มไปหมด   ภายในพระตำหนักเหมยกุ้ย   บรรดานางกำนัลและขันทีต่างวิ่งไล่จับอี้เหม่ยหรงกันชุลมุนเนื่องจากองครักษ์ไม่อาจจะแตะต้องพระวรกายของฮองเฮาได้เกินความจำเป็น ดังนั้นเรื่องการพันธนาการนางจึงเป็นหน้าที่ของเหล่านางกำนัลและขันที ในยามนี้คือ…ยี่สิบสองรุมหนึ่ง   ในที่สุดหญิงสาวก็หมดฤทธิ์ ตอนนี้นางถูกจับมัดมือไพล่หลังและมัดด้วยผ้า ส่วนขาก็ถูกมัดติดกันไว้ทั้งสองข้าง อี้เหม่ยหรงถูกจับให้นอนนิ่งๆบนเตียงไม้หวางฮวาหลีโบราณตัวใหญ่แกะสลักลวดลายหงส์อย่างงดงามวิจิตร หญิงสาวรู้ว่าตอนนี้นางคงหนีไปไหนไม่รอด อี้เหม่ยหรงพยายามสงบสติอารมณ์และสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ “ขอฮองเฮาได้ทรงโปรดอยู่อย่างสงบสักระยะหนึ่งด้วยเถิดพะย่ะค่ะ กระหม่อมและคนอื่นๆต้องขอพระราชทานอภัยที่ต้องปฏิบัติกับฮองเฮาเยี่ยงนี้ หากฮองเฮาทรงหายไป โทษทัณฑ์ที่พวกกระหม่อมจะได้รับคงไม่พ้นประหาร พะ…พะย่ะค่ะ” หัวหน้าขันทีผู้นั้นพูดเสียงสั่นๆเหมือนกำลังจะร้องไห้   “ทะ…ท่าน ท่านขันที ข้าขอถามหน่อยเถอะ พวกท่านจับข้ามาทำไมกัน แล้วที่นี่อยู่ไกลจากหมู่บ้านหลีกู้ในเมืองซ่งจุนมากเพียงไร?” อี้เหม่ยหรงพยายามพูดด้วยเสียงเบาๆ   “ทูลฮองเฮา กระหม่อมเองก็ไม่แน่ใจว่าเมืองซ่งจุนที่ฮองเฮาทรงกล่าวถึงนั้นอยู่ห่างจากเมืองเป่าไฉมากเพียงไร ส่วนเรื่องที่ว่า เอ่อ…จับตัวฮองเฮามาทำไมกันนั้น เรื่องนี้ฝ่าบาทจะเป็นผู้ไขข้อส งสัยได้ดีที่สุดพะย่ะค่ะ”   “ฝ่าบาท? ฝ่าบาทอีกแล้วหรือ แล้วฝ่าบาทนี่คือผู้ใดกัน?”   “ฝ่าบาทก็คือ เอ่อ…ฮ่องเต้ พะ…พะย่ะค่ะ”   “หา! ฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ?”   “พะย่ะค่ะ”   “ข้าไม่ยักรู้นะเนี่ย ว่าฮ่องเต้ข้องเกี่ยวกับหอนางโลมด้วย เออ…แล้วพวกนางสนมทั้งหลายนั่นล่ะ พวกนางเป็นหญิงคณิกาด้วยหรือไม่?”   “พูดจาเหลวไหลอันใดกัน” เสียงที่ก้องกังวานของผู้มาใหม่พลอยทำให้เหล่านางกำนัลขันทีพากันอกสั่นขวัญแขวน ต่างพากันคุกเข่าก้มหน้านิ่งอย่างพร้อมเพรียงกัน   “ฝะ…ฝ่าบาท” คราวนี้เสียงหัวหน้าขันทีประจำพระตำหนักเหมยกุ้ยสั่นยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า  

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.3K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.6K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.7K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
39.4K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.1K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook