ระหว่างทางขับรถลงเขาเพื่อไปซื้อสีสำหรับทาอาคารเรียนมาเพิ่ม ธารารู้สึกถึงการจ้องมองจากใครบางคนตลอดเวลา และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเด็กสาวเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้ม
“พี่” คะนิ้งเป็นผู้ทำลายความเงียบ สายตาของเธอยังคงจับจ้องเสี้ยวหน้าหล่อเหลาเช่นเดิม
“เรียกแล้วไม่พูดล่ะ” คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่ออีกฝ่ายไม่พูดอะไรต่อ เป็นธาราเองที่ต้องถามออกไป
“เอ้า ก็พี่ไม่ขานรับ หนูก็นึกว่าไม่อยากคุยด้วย”
“แล้วเรียกทำไม”
“พี่มีแฟนยัง” คะนิ้งถามออกไปตามตรงในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ เธอเคยเข้าไปส่องใน Facebook Instagram ของเขา แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าเขาจะขึ้นสถานะอะไร ไม่เคยถ่ายรูปคู่กับใคร ส่วนมากก็จะเป็นรูปครอบครัวหรือไม่ก็สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และแน่นอนว่าเธอไม่ได้เป็นเพื่อนกับเขาในสื่อโซเชียล แต่เธอแอบดูในโทรศัพท์มือถือของพี่ชาย เคยใช้ของตัวเองส่องแล้ว แต่เขาตั้งค่าเป็นส่วนตัวไว้ ในรูปว่าหล่อแล้วนะ พอมาเจอตัวจริงหล่อยิ่งกว่า หล่อจนใจสั่น
“นี่คือคำถามของคนที่เจอกันครั้งแรก”
“เราไม่ได้เจอกันครั้งแรก พี่ลืมเหรอ หรือความจำสั้น แต่พี่ยังบอกกับพี่ต้นน้ำอยู่เลยว่าจำหนูได้”
“อืม จำได้”
“แล้วตกลงพี่มีแฟนยัง”
“เป็นเด็กเป็นเล็กจะรู้ไปทำไม”
“หนูไม่เด็กแล้วนะ เห็นหนูตัวเล็กๆ น่าทะนุถนอมแบบนี้ แต่นมหนูใหญ่นะ พี่อยากพิสูจน์ไหม” คะนิ้งพูดออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติที่สามารถคุยได้อย่างเปิดเผย
“ไม่ต้องเชื้อเชิญ …ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งจะฟาดให้” ธาราว่าเสียงดุ และพึมพำกับตัวเองในประโยคถัดมา แต่เขามั่นใจว่าคะนิ้งก็ได้ยิน เพราะยื่นหน้ายื่นตามาใกล้เขาเสียเหลือเกิน
“อย่าใจร้ายกับหนูสิ แล้วพี่จะตอบหนูได้ยัง”
“จะอยากรู้ไปทำไม”
“ก็หนูอยากรู้ พี่ก็แค่บอกหนู เผื่อว่าคำตอบของพี่จะทำให้หนูมีความหวังบ้าง”
“…”
“ไม่ตอบ งั้นหนูถือว่าพี่ยังไม่มีแฟน ถ้าพี่โสดมาเป็นแฟนกับหนูนะ หนูก็โสด”
“แก่แดด ผู้หญิงที่ไหนเขาขอผู้ชายเป็นแฟนก่อน”
“ก็หนูนี่ไง พี่ไม่ชอบผู้หญิงที่พูดตรงๆ หรือไง แบบว่าปากตรงกับใจ ชอบก็บอกว่าชอบ รักก็บอกว่ารัก ไม่รู้แหละหนูเป็นแฟนพี่แล้ว พี่ก็ต้องเป็นแฟนหนู” คะนิ้งทึกทักเอาเอง
“นี่ต้นน้ำมันรู้ไหม ว่าน้องสาวมันแก่แดดมาขอผู้ชายเป็นแฟน” ธาราไม่เข้าใจว่าทำไมคะนิ้งถึงมามัดมือชกให้เขาเป็นแฟนด้วย แต่ก็ไม่อยากอะไรมาก และไม่อยากคิดอะไร เพราะคำว่าน้องสาวเพื่อนนี่ละ แล้วคะนิ้งก็ยังเด็ก อย่างน้อยก็เด็กกว่าเขาตั้ง 15 ปี
“คำก็แก่แดด สองคำก็แก่แดด ไม่รู้แหละ ยังไงตอนนี้พี่ก็เป็นแฟนหนูแล้ว” คะนิ้งยังคงทึกทักเอาเอง
“พี่ว่านะ เอาสมองที่คิดเรื่องนี้กลับไปตั้งใจเรียนจะดีกว่า ไร้สาระ”
“เรื่องเรียนหนูก็ตั้งใจ ได้ 4.00 ทุกเทอมเลยนะ หนูเรียนเก่งแบบนี้ หนูพอจะเป็นเด็กดีของพี่ได้ยัง”
“อยู่ๆ ก็ปวดหัวเว้ย”
“หนูช่วยดูแลพี่ได้นะ โอ๊ยพี่ จะเบรคก็ให้สุ้มให้เสียงกันบ้างสิ” ธาราเหยียบเบรคกะทันหัน จนคะนึ้งหน้าเกือบโขกกับคอลโซนรถ ดีที่ใช้มือยันไว้ได้ทัน
“ช่วยนั่งเฉยๆ แล้วก็เงียบปากด้วย ถ้าไม่อยากรถตกเขาตาย”
“…” คะนิ้งหน้าเง้า จ้องคนปากร้ายเขม็ง
“แล้วก็ไม่ต้องมาทำหน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลอง นั่งเฉยๆ เลยนะ” คะนิ้งอ้าปากจะเถียง แต่ก็ถูกธาราดักคอไว้เสียก่อน เด็กสาวกัดเม้มริมฝีปากล่างตัวเองอย่างแสนงอน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสงบปากสงบคำ เขาจึงขับเคลื่อนรถไปต่อ
“เมื่อยชะมัด” ลงจากรถได้ คะนิ้งก็ยืดเส้นยืดสายขับไล่ความเมื่อยล้า ขึ้นไปถึงที่หมายไม่ทันได้นั่งพัก ก็ไปเล่นสนุกกับเด็กๆ แล้วยังกระโดดขึ้นรถมากับเพื่อนพี่ชายอีก
“แล้วใครให้ตามมา” คะนิ้งหันไปมองเจ้าของเสียงห้วนแข็ง ยังนึกขุ่นเคืองที่เขามาว่าเธอเป็นปลาทูแม่กลอง
“ก็อยากมากับแฟน” คะนิ้งสลัดความขุ่นเคืองไปอย่างง่ายดาย เข้าสวมกอดท่อนแขนแข็งแรงหน้าระรื่น
“ความแก่แดดให้มันน้อยๆ หน่อย แล้วพี่ก็ไม่ใช่แฟนเธอ”
“รีบไปซื้อสีกันเถอะ จะได้รีบกลับ” คะนิ้งใช้ความหน้ามึนแทนการตอบโต้ด้วยคารม ฉุดดึงคนตัวโตเข้าไปในร้านขายวัสดุก่อสร้างที่ใกล้ที่สุด แต่ก็ใช้เวลาเดินทางร่วมชั่วโมง ธาราส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แต่ก็ก้าวขาไปตามแรงดึงอันน้อยนิดนั้น
“สีพวกนี้จะซื้อไปทำไม” ธาราถือกระเป๋าสตางค์เตรียมจ่ายเงินค่าสีทาผนัง มองสีน้ำอะครีลิคสำหรับผนังถึง 12 สี ที่คะนิ้งหยิบมาวางรอคิดเงิน
“เดี๋ยวหนูจ่ายเงินเอง” คะนิ้งหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองออกมา
“พี่ถามว่าจะซื้อสีพวกนี้ไปทำไม”
“หนูวาดรูปเก่งนะ”
“เฮ้อ รีบคิดเงินเลยครับ” ยิ่งคุยกับคะนิ้ง ธาราก็ยิ่งรู้สึกว่าเส้นเลือดตรงขมับมันเต้นตุบๆ เขาถอนหายใจให้กับความปวดประสาทนี้ เร่งทางร้านให้คิดเงิน จะได้รีบกลับไปที่โรงเรียน แล้วคงต้องหายาพารากินสักกำมือ