ตอนที่ 1 ความประทับใจแรก

2295 Words
เสียงดัง เหมือนกิ่งไม้หัก ที่ดังมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ ที่อยู่ข้าง ๆ ตึก ทำให้ชายฉกรรจ์ชาวต่างชาติ 4-5 คน ที่เดินอยู่แถวนั้นหันมองหาที่มาของเสียง “เสียงมาจากไหนวะ “เสียงของหนึ่งในชายฉกรรจ์พูดขึ้น และพากันมองรอบ ๆ อย่างสงสัย “บ้าจริ ง ทำไมคนสวยต้องลำบากอย่างนี้ด้วยนะ “มะลิ หรือมัลลิกา เอ่ยในขณะที่ตอนนี้ มือยังจับอยู่ที่กิ่งไม้ห้อยต่องแต่งอยู่ ยังกับค้างคาว เมื่อชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวเดินมาหยุดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ที่ตอนนี้ สาวน้อยมะลิ ห้อยต่องแต่งอยู่ เธอได้แต่กลั้นหายใจ จะเอาอย่างไรดี ถ้าเกิดพวกนี้แหงนหน้าขึ้นมามอง ละก็ จบเห่แน่ ๆ และดูเหมือนความคิดของเธอจะเป็นความจริงซะแล้ว เมื่อ หนึ่งในกลุ่ม ค่อยเงยหน้าขึ้นมองด้านบนต้นไม้ “นั่นอะไรวะนั่น”เสียงของชายคนดังกล่าวเอ่ยขึ้นทำให้พวกที่เหลือ แหงนมองตาม และทุกคนก็ได้แต่อ้าปาก เพราะสิ่งที่พวกมันเห็นก็คือ สาวน้อยหน้าหวานที่กำลังส่งยิ้มมาให้พวกเขาอยู่ในตอนนี้ โดยที่ไม่ทันได้คาดคิด มัลลิกา ก็เหวี่ยงตัวเองลงจาก ต้นไม้ แล้วลงไปยืนห่างจากชายฉกรรจ์ ประมาณ 3 เมตร ได้พร้อมกับหันมาส่งยิ้ม ให้กับพวกมันที่ตอนนี้ได้ยืนตกตะลึงกับสาวน้อยตรงหน้า จากนั้นเธอก้าวเท้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ไปตามตรอกซอกซอย อย่างคล่องแคล่วว่องไว โดยมีชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าววิ่งตามไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน “จะไปไหนหยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ “หนึ่งในนั้นตะโกนตามหลังเธอมา แต่มีหรือที่มัลลิกาจะหยุดให้โง่ เพราะถ้าขืนหยุดมีหวัง เละ แน่ ๆ “เฮ้อ หยุดก็บ้าแล้ว ไปละนะ มิสเตอร์ทั้งหลาย บ้าย บาย “มัลลิกาตะโกนเป็นภาษอังกฤษ พร้อมกับโบกมือให้แล้วก็วิ่งหายไปในความมืด อย่างไร้ร่องรอย “บ้าเอ่ย หนีไปทางไหนแล้ววะ “ “หายไปแล้วลูกพี่ “ “บ้าจริง” จากนั้นชานฉกรรจ์ทั้งหมดก็หันหลังเดินกลับไปทางเดิมอย่างอารมณ์เสีย ................................................ มัลลิกา กลับมาถึงห้อง ก็ทิ้งตัวลงนอน อย่าง หมดแรง พร้อมกับ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่หนี ฝรั่งตัวโต ๆ 4-5 คนมาได้อย่างหวุดหวิด เธอนอนนิ่งอยู่สักครู่ ก็มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้า แต่เธอก็ยังไม่รับสาย ยังคงปล่อยให้มันดังอยู่แบบนั้นนั่นเอง และดูเหมือนว่าคนปลายสายก็จะรู้ จึงยังคงกระหน่ำกดโทรศัพท์ไม่หยุดเช่นกัน เหมือนกับว่ากำลังทดสอบว่าใครจะเป็นฝ่ายทนไม่ได้ก่อนกัน และในที่สุดคนที่ทนไม่ได้ก็คือ มัลลิกานั่นเอง เธอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เครื่องจิ๋วแล้วก็รับสาย “ฮัลโหล คนสวยพูดค่ะ “เสียงมัลลิกาเอ่ยตามสายไป “เอ่อ รู้แล้ว แล้วทำไมคนสวยรับสายช้าอย่างนี้ละ ห๊า”เสียงตะโกนจากปลายทำให้มัลลิกาต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูโดยด่วน “โอ้ย พี่ราม จะตะโกนทำไมเนี๊ยะ หูจะแตกแล้ว”มัลลิกาเอ่ยต่อว่า เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทที่สุดด้วยเสียงดังเช่นกัน “ แล้วทำอะไรอยูทำไมไม่รับสายละ “รามเอ่ยถามตามสายมา “นอน วิ่งมาเหนื่อย ๆ ก็นอนพักสิ ว่าแต่พี่รามเมื่อไหร่จะกลับจากทะเลทรายซะที “มัลลิกาถามรุ่นพี่ “ทำ ไม คิดถึงพี่หรือไง “รามถามเสียงเย้า “อือ คิดถึงและเหงาด้วย “มัลลิกาบอกพี่ชายเสียงเนือย ๆ เหมือนจะหลับ “เอ่อเดี๋ยวก็กลับแล้ว ละ งานใกล้จะเสร็จแล้ว อยากได้อะไรไหม เดี๋ยวจะซื้อไปฝาก “รามเอ่ยถาม “อือ ทะเลทรายแบบนั้นจะมีอะไรที่กินได้ไหมละ ถ้ามีก็เอามาฝากด้วย “มัลลิกาบอกรุ่นพี่ ทำให้เธอได้ยินแต่เสียงต่อว่าตามสายมา “ทรายดีไหม มาทะเลทรายก็เอาทรายก็แล้วกัน “รามเอ่ยประชดทันที “อือ ถ้าอร่อยก็เอามา”มัลลิกาบอกเสียงเรียบ “ไอ้บ้า กินได้แม้กระทั่งทรายเนี๊ยะนะ ตะกละมากไปแล้ว “รามได้แต่เอ่ยประชดน้องสาว และนั้นจึงได้ยินเสียงหัวเราะสดใสตามสายมา “ไม่เอาละแค่นี้นะพี่ราม ง่วงแล้ว จะนอน แล้วเจอกันคะ”มัลลิกาเอ่ยบอกรุ่นพี่ เสียงงัวเงีย “อือไม่กวนแล้ว ระวังตัวด้วยนะ แค่นี่แหละบาย “รามกดวางสายจากน้องสาว เมื่อวางสายแล้ว มัลลิกาหรือมะลิก็นอนคิดอะไรเพลิน ๆ รวมถึงคิดถึง ราม รณฤทธิ์ เพื่อนรุ่นพี่ ที่สนิทที่สุด ทั้งคู่รู้จักกันในบ้านเด็กกำพร้าที่เมืองไทย นั่นเอง ใช่ที่เมืองไทย เพราะตอนนี้ เธอและราม อยู่ที่ ชิคาโก้ นั่น เอง หลังจากออกจากบ้านเด็กกำพร้า ทั้งคู่ ออกทำงาน หาเงินทุกอย่างเพื่อเลี้ยงตัวเอง และ มัลลิกาตัดสินใจออกจากบ้านเด็กพร้ามาพร้อมกับราม เธอรักเขาเหมือนกับพี่ชายแท้ ๆ คนหนึ่งเช่นเดียวกับรามเองก็รักมัลลิกาเหมือนน้องแท้ ๆ เช่นกัน แต่ใช่ว่าจะมีแต่ รามและมัลลิกาที่ออกมาท่องโลกกว้างแห่ง นี้ ยังมีอีกหนึ่งหนุ่ม ที่ มาด้วยกัน นั้นก็คือ เพชร นั่นเอง เรียกได้ ว่า รามคือพี่ใหญ่ เพชรคือพี่รอง และมัลลิกาคือน้องเล็กนั่นเอง ทั้งสามคนมาอยู่ที่ชิคาโก้ได้ เกือบ 3 ปีแล้ว โดยทั้งสามมาที่นี่ด้วยเงินเก็บทั้งหมดที่หาได้ และเมื่อมาถึงที่นี่ ก็เช่าห้องพัก และทำงาน พาร์ทาม ทุกอย่างที่ได้เงิน จากนั้นรามจึงได้ตัดสินใจ ตั้งบริษัทนักสืบขึ้น โดยมีหุ้นส่วน 3 คน นั้นก็คือ ราม เพชร และมัลลิกา ที่สำคัญ มัลลิกา เป็นน้องสาวที่พี่ชายสองคนห่วงและหวงดั่งไข่ในหินทีเดียว แต่ เจ้าตัวเองก็แสบใช่ย่อยเช่นกัน ฝีไม้ลายมือ ในการเป็นนักสืบไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย และตอนนี้ ราม ก็ไปทำงาน ที่ประเทศแถบทะเลทรายตามที่ผู้ว่าจ้างร้องขอ และเพชร เอง ก็กำลังทำงานเช่นกัน ทำให้ มัลลิกาอยู่ที่ห้องพัก ใจกลางเมืองชิคาโก้ แต่เพียงผู้เดียว และเธอเองก็เพิ่งกลับจากการสืบหาข้อมูลสำคัญที่ถูกว่าจ้างจากลูกค้า ที่เธอไม่เคยเห็นหน้า โดยการสืบเรื่องนี้ ผ่านมาทางคนกลางอีกทีนั่นเอง และเงินค่าจ้าง ที่พวกเขาและเธอหาได้ ก็จะถูกส่งไปที่ประเทศไทย เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กกำพร้า ในสถานที่รับเลี้ยงเด็กำพร้า พวกเขาจะมอบทุนแบบนี้ตลอดรวมถึงค่าใช้จ่าย ต่าง ๆ ของ บ้านเด็กกำพร้าเกือบจะ 10 แห่ง ก็ว่าได้ และนี่คือความสุขของพวกเธอ ถึงพวกเธอและพี่ชายจะอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ในความฝัน อนาคต เธอและพี่ก็อยากกลับไปอยู่ที่ประเทศไทย แน่นนอน มัลลิกาเดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยชุดนอนเสื้อกล้ามลายสตอเบอรี่ตัวโปรดกับกางเกงขาสั้นที่สั้นจริง ๆ มัลลิกา เป็นสาวสวย วัย 22 ปี หน้าตาน่ารัก และเซ็กซี่ในคราเดียวกัน เรียกได้ว่า ทำให้เซ็กซี่ก็เซ็กซี่ ทำแบบน่ารัก ก็น่ารักไม่น้อยกว่าใคร เธอสูง 168 เซนติเมตร เรียกได้ขายาวหุ่นดี ผิวขาว ผมยาว ล้อมรอบใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต เวลามองสบตากับใครบอกได้คำเดียว เหมือนดั่งต้องมนต์สะกด ยิ่งริมฝีปากอิ่มย้อยนั่นด้วย มันเชิญชวนให้หนุ่ม ๆ คิดอะไร ถึงและอยากสัมผัส และเพราะเหตุนี้ทำให้ มัลลิกาเป็นดั่งไข่ในหินของพี่ ๆ ถ้ามีหนุ่ม ๆ ทั้งไทย ทั้งฝรั่งที่คิดจะเข้ามาจีบเธอ ต่างก็ต้อง แตกกระเจอเมื่อเจอ พี่ชายสุดโหดของเธอ มัลลิกานั่งอ่านข้อมูลที่เธอได้จาก ทีมงานอีกคนของเธออย่างตั้งใจ เธอต้องการรู้ ว่าคนที่ว่าจ้างให้เธอสืบหาข้อมูลของนักธุรกิจชื่อดัง ของชิคาโก้คือใคร เพราะรู้สึกว่าเธอกำลังถูกยืมมือทำอะไรบ้าง และเธอก็ไม่ชอบที่แบบนี้ เพราะเหมือนกับว่าเธอกำลังถูกปั่นหัวแบบนี้ เมื่อเธออ่านรายละเอียดจนครบแล้ว มัลลิกาก็เซฟเก็บไว้อีกที่หนึ่ง และอีกชุดหนึ่งให้ผู้ว่าจ้างเธอเพื่อกันพลาด เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นหลักฐานทุกอย่าง จะช่วยเธอได้เป็นการป้องกันตัวเอง อีกชั้นหนึ่งด้วย ............................................ มัลลิกา มาถึงร้านอาหาร ที่เธอได้นัด กับคนที่ติดต่อเรื่องนี้ กับผู้ว่าจ้างเธออีกที เธอเดินเข้าไปในร้าน ที่เป็นที่ประจำของเธอเพราะที่นี่ถือว่าเป็นส่วนตัวพอสมควรที่จะคุยเรื่องงานได้ และตอนนี้ก็มี ชายชาวต่างชาติ ที่มีผมสีทอง ดวงตา คมกล้า นั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว “Hi แซม รอนานไหมคะ “มัลลิกาเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่กำลังมองมาที่เธอ “สักพักแล้ว แล้วข้อมูลที่ให้สืบได้ไหม จัสมิน “แซมเอ่ยเรียกอีกชื่อของ มัลลิกา “โห แซม ถามเรื่องงานเลยหรือไง ทานอะไรก่อนได้ไหม หิวแล้ว “มัลลิกาเอ่ยบอกแซม “ก็ได้ สั่งไปแล้ว ทานไปด้วยคุยไปด้วยก็แล้วกัน จัสมิน”แซมเอ่ยบอกเธอ “โอเค ว่าแต่แซม โทรศัพท์เป็นอะไร ทำไมติดต่อไม่ได้ ฉันก็เป็นห่วง “ มัลลิกาถามแซมด้วยความสงสัยเพราะเมื่อวานเธอ ติดต่อไปหลายรอบแต่เป็นสายไม่ว่างเลย “เมื่อวาน โทรศัพท์เสียอยู่ที่ร้านซ่อม นะแต่ตอนนี้ใช้ได้แล้ว “ แซมตอบหญิงสาวจากนั้นอาหารก็มาเสิร์ฟพอดี “เหรอ ฉันก็นึกว่า คุณถูก จับซะแล้ว “มัลลิกาบอกเสียงเบาทำให้แซมหันมาส่งสายให้เธอ “ทำไม เป็นห่วงฉันหรือไง จัสมิน” แซมถามอีกฝ่ายยิ้ม ๆ ด้วยความเอ็นดู “อือกลัวคุณซัดทอดฉัน “มัลลิกาบอกชายวัยกลางคน ทำให้ เธอได้รับ สายตาพิฆาตมาให้ทันที “นึกว่าห่วง “แซมตัดพ้อ “แหม แซม ฉันก็ห่วงคุณด้วย เอานี้ ข้อมูลอยู่ในนี้ แต่ฉันดูแล้ว นายจ้างคนนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่นะคะแซม คุณระวังตัวด้วยนะ และถ้ามีอะไร ก็โทรมาด่วนนะแซม”มัลลิกาเอ่ยกับชายวัยกลางคน และลงมือทานอาหารที่สั่งมา และเมื่อทานจนอิ่มแล้ว ทั้งสองคนก็แยกย้าย เมื่อออกมาด้านนอกมัลลิกาเดินดูงานแสดง พาเหรดที่จัดขึ้นตามท้องถนน ตามถนนเส้นหลักภายในตัวเมืองชิคาโก้ และผู้คนก็พลุกพล่าน พอสมควร และตอนนี้ของในมือของมัลลิกาก็เต็มทั้งสองข้าง ส่วนมากจะเป็นของกินซะมากกว่าในขณะที่เดินดูของเพลิน ๆ อยู่นั้น มัลลิการู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ เหมือนกับว่ามีใครกำลังตามเธอ เธอจึงพยายามเดินแทรกตัวเข้าสู่บริเวณที่มีคนมาก ๆ แต่แค่เดินไปได้สักพัก ก็เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่าง จี้อยู่ที่เอวบางของเธอและมัลลิกากำลังจะหันไปมอง แต่ก็ถูกเสียงดุเอ่ยบอก “เดินไปข้างหน้า อย่าหยุด ตรงไป ที่น้ำพุด้านหน้า เร็วเข้า” ชายคนดังกล่าวเอ่ยบอกเธอ และบังคับให้เธอเดินไป และมัลลิกาก็เดินไปแต่โดยดี และเมื่อมาถึงตรงบริเวณน้ำพุ ที่มีคนน้อยไม่ค่อยจะพลุกพล่าน เธอก็หยุดเดิน “ไม่น่าเชื่อว่าสาวเอเชียตัวเล็กแค่นี้ จะมีพิษสงอะไรกัน ทำไม เจ้านายต้องให้ปิดปากด้วยวะ “เสียงของชายที่เอาอาวุธจี้อยู่ที่เอวของเธอ คุยกับเพื่อนด้วยภาษาอังกฤษ “อือ ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ เสียดาย สาวเอเชียซะด้วย เสปคฉันเลยวะ”ชายอีกคนเอ่ย และในขณะที่คนร้ายทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้น มัลลิกาก็ถือโอกาสนั้น สะบัดตัวให้หลุดจากมือหนาที่ตอนแรกจับที่ท่อนแขนเธอให้หลุด แล้วก็หันมาใช้เท้าถีบไปที่ชายผิวดำ โดยที่มันไม่ได้ตั้งตัว ทำให้เซถอยหลังไปชนกับ เพื่อนอีกคน และมัลลิกาก็โอกาสนี้ วิ่งหนีไปอีกทาง เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มัลลิกาวิ่งเข้าหากลุ่มคน ที่กำลังเดินพลุกพล่านทำให้คนร้ายทั้งสองคนเล็งอาวุธไปที่เธอไม่ถนัดนัก จึงได้แต่ วิ่งตามหญิงสาวและตามพวกให้มาสมทบด้วยมัลลิกาวิ่ง ไปที่ตรงจุดที่มีการแสดง และเมื่อเธอ เห็นว่ามีคนยืนอยู่ เต็มไปหมด เธอจึงค่อยแฝงตัว เดินเข้าไปรวมกลุ่มคน และมือก็กดเบอร์โทรหา รามไปด้วย เธอรอสายอยู่สักพัก ปลายสายก็รับสายจากเธอ “ว่าไงมะลิ พี่มาถึงห้องแล้วนะ กำลังจะอาบน้ำนอนพักสักหน่อย”รามเอ่ยบอกน้องสาว “พี่รามอย่าเพิ่งนอน ตอนนี้มะลิกำลังถูกคนตาม ช่วยหน่อย”มัลลิกาบอกพี่ชายและก็เดินไปเรื่อย ๆ มองซ้ายมองขวาไปด้วย “ตอนนี้อยู่ไหน รอพี่ที่นั่น พยายามอยู่ตรงที่คนเยอะ ๆ พี่กำลังไปเปิดตำแหน่งไว้ด้วย พี่จะได้หาเราเจอ”รามบอกเสียงเข้มและก็วางสายจากมัลลิกา และก็คว้าอาวุธคู่กายแล้วก็เปิดประตูออกไป ช่วยน้องสาวโดยเร็ว ******************************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD