บทที่6

1457 Words
“โถอ้ายจ๋า นะครับพูดอีกทีนะ ยืนยันให้พี่หน่อยว่าพี่ไม่ได้เบลอยาจนหูเพี้ยนไปเอง” เพราะเฝ้ารอคำๆ นี้มาตลอดเขาจึงออดอ้อนเต็มกำลัง ต่างจากอีกคนที่อายจนไม่รู้จะอายยังไงที่ต้องบอกรักเขาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะพูดออกไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น “อ้ายรักพี่หนึ่งค่ะ รักๆๆ ได้ยินรึยังคะ” คนถูกบอกรักแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ เธอจะรู้ไหมว่าคำๆ นี้มันมีความหมายกับเขาแค่ไหน “พี่ก็รักอ้ายครับ รักมาก รักๆๆ รักที่สุดในโลกเลย” คำว่ารักของเขายังคงมีผลต่อหัวใจเธอเสมอ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ตอนไหนก็ตาม ส่วนเรื่องอนาคตนั้น ไว้ค่อยคิดอีกทีก็แล้วกัน… เวลายังคงทำหน้าที่ของมันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสิ้นสุดการฝึกงานและได้เข้ารับปริญญาบัตรในที่สุด มธุรสไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวังเมื่อเธอสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับสองมาครอบครองได้สำเร็จ ส่วนอันดับหนึ่งนั้นคงต้องยกให้เพื่อนรักที่ตอนนี้บินไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวที่ญี่ปุ่นก่อนที่จะกลับมาเข้าทำงานในบริษัทตัวเองต่อไป คงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่ยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับอนาคตของตัวเองต่อ ไหนจะเรื่องความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเธอกับวัชระนั่นอีก เพราะความกลัวทำให้เธอขอร้องให้เขาเก็บเรื่องการคบหากันไว้เป็นความลับไปก่อน แม้ตอนแรกอีกคนจะคัดค้านแต่พอได้ฟังเหตุผลของเธอไปเขาก็ยอมที่จะเห็นด้วยในที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะปิดบังเรื่องนี้กับคนในบ้านไปได้อีกนานสักแค่ไหน ยิ่งหมู่นี้สายตาของแม่กับคุณท่านที่จ้องมองกันนั้นก็ดูแปลกๆ ไม่เหมือนเคย มันทำให้เธอกลัวจนไม่กล้าสบตาพวกท่านตอบ “เย็นนี้คุณย่าจะให้พี่ไปดูตัว” คนฟังเพียงแต่พยักหน้ารับรู้ ไม่ได้แสดงท่าทีอื่นใดออกมาให้เห็น นั่นยิ่งทำให้ใจคนมองร้อนรนราวกับไฟสุม เขาหลงคิดว่าจะได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดของเธอแต่ก็เปล่าเลย “ดูอ้ายไม่ตกใจเลยสักนิด หรืออยากให้พี่แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น” นั่นเขาคิดเองเออเองทั้งนั้น ไม่เคยมีสักครั้งที่จะมีความคิดแบบนั้นอยู่ในหัวของเธอ แต่ที่ไม่พูดเพราะเธอรู้สถานะของตัวเองดี ยิ่งเรื่องที่ย่าของเขาอยากจะให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านหามาให้นั้นเธอเองก็รับรู้มาโดยตลอด แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อลองผู้มีพระคุณได้ตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้ว จะไม่มีใครมาเปลี่ยนใจท่านได้ “อ้ายไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตใครหรอกค่ะ อีกอย่างเรื่องระหว่างเราสุดท้ายแล้วมันจะจบลงแบบไหนคุณหนึ่งก็น่าจะรู้” รัก…ที่ไม่เหมาะสม สุดท้ายแล้วจะลงเอยแบบไหนก็ยังไม่อาจรู้ แล้วจะให้เธอคาดหวังสิ่งใด เมื่อสุดท้ายแล้วก็คงต้องแบกรับต่อความผิดหวังอยู่ดี “บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้เรียกคุณ!” “อ้ายขอโทษค่ะ” “ฟังพี่นะอ้าย! ไม่ว่าใครจะว่ายังไงสำหรับพี่แล้วอ้ายของพี่คือที่หนึ่งเสมอ ถ้าพี่คิดจะรักหรือใช้ชีวิตคู่กับใครพี่จะเป็นคนเลือกเอง และตอนนี้พี่ก็เลือกแล้วว่าอ้ายคือคนๆ นั้น” วัชระย้ำชัดถึงความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยน สำหรับเขาแล้วต้องเป็นผู้หญิงคนนี้เท่านั้นที่เขาจะรัก ส่วนคนอื่น ต่อให้เพียบพร้อมหรือเหมาะสมสักแค่ไหนเขาก็ไม่สน เพราะเขาเลือกแล้วที่จะให้เป็นเธอ! ตลอดช่วงเย็นมธุรสไม่เป็นอันทำอะไร เธอรู้มาจากคนอื่นๆ อีกทีว่าสถานที่นัดดูตัวของวัชระกับผู้หญิงที่ย่าของเขาเลือกมาให้นั้นเป็นร้านอาหารในโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง แต่ถึงรู้ก็ไม่คิดจะตามไปทำลายงานสำคัญในวันนี้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์มากพอที่จะทำ กระทั่งเมื่อเห็นรถอีกฝ่ายขับเข้ามาในบ้านตอนสามทุ่มพร้อมๆ กับเสียงข้อความที่ถูกส่งมาเธอจึงแอบออกมาจากห้องนอน สถานที่คือหลังบ้าน ใต้ต้นการเวกใหญ่ที่นัดประจำของเธอกับเขา “คุณมิ้มคนนั้น เธอ…สวยมากไหมคะ” สุดท้ายแล้วความอยากรู้ก็เอาชนะทุกสิ่ง มันทำให้มธุรสเผลอถามคำถามที่ไม่ควรถามออกไป อาจเพราะอีกคนที่เอาแต่ยืนเงียบไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ทำให้เธอทนรับกับความเงียบของเขาต่อไปไม่ไหว “สวย สวยมากด้วย” คำตอบนั้นสะเทือนใจคนฟังอย่างหนัก แต่กลับสร้างความยินดีแก่วัชระไม่น้อย เพราะเขาแทบไม่เคยเห็นคนรักในรูปแบบนี้มาก่อน น้อยครั้งมากที่เธอจะกล้าแสดงความรู้สึกให้เห็น ที่จริงพิชวดีก็สวยอยู่หรอก แม้จะมีบางมุมที่ทำให้รู้สึกคล้ายคลึงกับคนรัก แต่ไม่ว่ายังไงสำหรับเขามธุรสเท่านั้นที่เขาจะรัก “แต่ถึงสวยแค่ไหนก็ไม่ได้อยู่ในสายตาพี่อยู่ดี เพราะสำหรับพี่ผู้หญิงคนไหนก็สวยสู่อ้ายของพี่ไม่ได้สักคน พี่ดีใจนะที่อ้ายหวงพี่ อย่ากลัวไปเลยครับ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่พี่จะรักก็มีแค่อ้ายคนเดียวเท่านั้น” คำปลอบนั้นมาพร้อมจูบเบาๆ ที่ข้างแก้มเรียกความอายแก่อีกคนไม่น้อย เขาก็เป็นเสียแบบนี้ ชอบทำให้เธออายอยู่เรื่อย “พี่หนึ่ง อื้อ! พอค่ะเดี๋ยวมีใครมาเห็น” วัชระไม่คิดหยุดง่ายๆ ตามคำขอ เพราะกว่าเขาจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้คนรักนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่างน้อยๆ ตอนนี้เขาก็อยากที่จะเก็บเกี่ยวกับเธอให้ได้นานที่สุด ก่อนที่จะต้องจับมือร่วมฝ่าฟันปัญหาใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น… “นังอ้าย!” จูบที่กำลังดำเนินไปอยู่นั้นจะต้องหยุดชะงักเมื่อจู่ๆเสียงเรียกของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง และก็เป็นมธุรสเองที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบกับมารดาของตัวเอง “แม่!” “นังลูกไม่รักดี! แกกล้าทำอย่างนี้ได้ยังไงห๊ะ! แกอยากกลายเป็นคนเนรคุณนักรึไง!” ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนวัชระตั้งรับไม่ทัน ดวงมณีที่เข้ามากระชากบุตรสาวออกจากอ้อมกอดของหลานชายผู้มีพระคุณระดมทุบตีลูกอย่างแรงให้สาสมกับความผิดที่อีกฝ่ายนั้นได้ก่อขึ้น แต่ไม่นานร่างบอบช้ำก็ถูกกระชากกลับคืนไป “พอเถอะครับคุณน้า!” วัชระที่เพิ่งได้สติเอ่ยขึ้นพร้อมดันคนน่าสงสารไปไว้ด้านหลังตัวเอง การกระทำนั้นของเขายิ่งทำให้ดวงมณีโกรธจัด ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเรื่องที่ภาวนาไม่ให้เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นจริงๆ “ถอยไปค่ะคุณหนึ่ง น้าจะสั่งสอนนังลูกไม่รักดีให้มันรู้สำนึก!” “ไม่ครับ ถ้าคุณน้าจะตีอ้ายต้องตีผมด้วย เพราะผมเป็นคนเริ่มไม่ใช่อ้าย!” วัชระเดินหน้าปกป้องคนรัก เขาใช้ตัวเองเป็นเกราะบังให้กับคนน่าสงสารให้คนน่าสงสาร พอกันเสียทีสำหรับความอดทน! “คะ…คุณหนึ่ง!” “ผมไม่เข้าใจว่าการที่ผมกับอ้ายจะรักกันมันผิดตรงไหน!” สำหรับเขาแล้วความรักไม่ใช่เรื่องเลวร้าย มธุรสเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง และเขาก็รักเธอมาก มากเกินกว่าจะยอมปล่อยให้ความสัมพันธ์ของเขากับเธอถูกเก็บเป็นความลับอีกต่อไป ยังไงซะความจริงก็ความจริง ปิดให้ตายยังไง สักวันมันก็ต้องถูกเปิดเผยออกมาอยู่วันยังค่ำ “มันไม่ผิดหรอกค่ะถ้าคุณกับมันเกิดและเติบโตมาในสังคมเดียวกัน แต่นี่มันไม่ใช่!” คำตอบของผู้เป็นแม่ทำให้มธุรสสะอื้นหนัก เธอลืมคิดไปว่ามารดานั้นทั้งรักและเทิดทูนคุณท่านแค่ไหน จากที่เคยคิดว่าท่านจะเป็นคนที่เข้าใจเธอที่สุดตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่คิด แต่เธอก็ไม่นึกโกรธ เพราะรู้ดีว่ายังไงเรื่องระหว่างเธอกับวัชระคงไม่เป็นที่ยอมรับ ต่อให้เธอกับเขาจะรักกันมากแค่ไหนก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD