"ข้าว่ามันจะต้องออกต่ำแน่นอน...."
ไดน่ากล่าวพร้อมทั้งชี้ไปที่ถ้วยแก้วสีทึบที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะ
อลิซเคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิด
"เราเหลือเหรียญทองอีกกี่เหรียญ?"
ไดน่าเปิดถุงเงินออก สตรีทั้งสองนางกำลังลุ้นว่าจะมีเหรียญทองเหลือกี่เหรียญ
เหรียญเดียวและเหรียญสุดท้าย....
ใบหน้าของอลิซนั่นครุ่นคิด
"ข้าว่าสูง เชื่อใจข้าเถอะไดน่า"
"ก็เพราะข้าเชื่อเจ้า! เหรียญทองของเราถึงเหลืออยู่เหรียญเดียวนี่ไง!!"
อลิซมองที่ไดน่าอย่างรู้สึกผิดเหตุใดวันนี้เธอถึงจะดวงซวยนัก!!
ไดน่าวางเหรียญทองลงในช่องต่ำ
"ข้าจะเปิดแล้วนะ วางเดิมพันกันครบรึยัง!!"
"ได้เวลาภาวนาแล้วอลิซ วันนี้เราจะอดข้าว หรือจะได้ดื่มไวน์!!"
อลิซจับมือกับไดน่าพร้อมทั้งส่งเสียงเชียร์
"ต่ำสิ ต่ำมาเลยลูกแม่!!"
เจ้าของโต๊ะพนันค่อยๆ เปิดถ้วยออกลูกเต๋าสามลูกในถ้วยออกมา ลูกเต๋าทั้งสามลูกล้วนแล้วแต่มีแต้มหกแต้มเหมือนทั้งสามลูก!!!
อลิซและไดน่าเดินคอตกออกจากบ่อนพนัน
"บางทีข้าก็คิดนะว่าทำไมเราไม่เอาเงินค่าจ้างของเราไปซื้อไวน์และเนื้อย่างกิน...."
"พึ่งมาคิดได้อะไรตอนที่ไม่เหลือเงินสักบาทฮะอลิซ เจ้าควรจะคิดก่อนที่จะพาข้าไปที่บ่อนด้วยซ้ำ"
อลิซถอนหายใจ
"แล้วใครกันล่ะที่แทงต่ำ ข้าบอกแล้วว่ามันจะสูง!!"
"เจ้าแทงผิดมาแล้วห้าตา ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าตาที่หกมันจะถูก!!"
สตรีทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
"ให้ตายเถอะ ข้าควรจะเลิกเป็นเพื่อนกับเจ้าซะ บางทีข้าอาจจะรวยกว่านี้"
ไดน่าขมวดคิ้ว ทั้งสองพากันเดินมาจนถึงบ้านหลังน้อยท้ายหมู่บ้าน ก่อนจะพากันเข้าบ้าน อลิซถอดวิกและล้างหน้าที่เธอทาถ่านและติดแผลเป็นปลอมๆ เอาไว้ จากหญิงสาววัยกลางคนกลายเป็นดรุณีน้อยผู้งดงาม
ไดน่าก็เช่นกัน เธอถอดวิกผมออก พร้อมกับถอดฟันปลอมและไฝ
"เจ้าได้อะไรมาบ้าง?"
อลิซถามพร้อมทั้งล้มตัวนอนลงบนโซฟา
"ถุงเงิน แหวนเพชร และสร้อยข้อมือที่น่าจะเป็นทอง"
"อ่า ดีชะงัด ข้าได้ถุงเงินและสร้อยเพชร"
อลิซชูสร้อยเพชรขึ้นมา เพชรสีชมพูเล่นแสงวาววับและงดงาม
"อย่ามัวแต่นอนอยู่ เราควรจะย้ายบ้านได้แล้ว ป่านนี้คนที่บ่อนน่าจะรู้ตัวแล้วว่าของหาย"
อลิซลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดหญิงสาวชาวบ้าน พวกเราเก็บของใส่กระเป๋าเอาไว้เรียบร้อย เพราะเตรียมการที่จะหนีเอาไว้อย่างดีแล้ว
เธอคืออลิซ และเพื่อนของเธอคือไดน่า เราทั้งสองคนเติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้า ที่นั่นเหมือนฝันร้ายเพราะผู้ดูแลที่นั่นชอบทรมานเด็กอย่างพวกเธอที่สุด ไดน่าอายุมากกว่าเธอสองปี เราช่วยกันวางแผนการหนีออกมา
ในตอนนั้นไดน่าสิบขวบ ส่วนเธออายุแปดขวบ ที่จำเป็นต้องหนีเพราะว่าผู้ดูแลสถานกำพร้า เริ่มจะมองไดน่าแปลกๆ ในวันนั้นผู้ดูแลมาหาไดน่าแต่เช้าและใช้ให้นางไปหาเขาตอนเย็น
วันนั้นทั้งสองคนจึงรู้ได้เลยว่าหากไม่หนีออกมาวันนั้นไดน่าจะต้องถูกทรมานแน่นอน ดรุณีน้อยทั้งสองหนีออกมาช่วงพลบค่ำ พวกเธอได้ความช่วยเหลือจากชาร์ลคนส่งอาหาร
ชาล์าแอบพาพวกเราขึ้นรถม้าส่งอาหาร แล้วพาพวกเราออกมาข้างนอก
ชีวิตที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าว่าลำบากแล้ว แต่พอออกมาใช้ชีวิตกันเองยิ่งลำบากกว่าเก่า ไดน่าต้องพาอลิซทาหน้าด้วยดินโคลนตลอดเวลาเพราะใบหน้าที่งดงามของพวกเรามันคืออันตราย แต่ทว่าไม่ใช่กับบ่อน
งานแรกของไดน่าคือเป็นเด็กทำความสะอาด แต่ด้วยใบหน้าที่น่ารักและเป็นเด็กทำให้ผู้คนในบ่อนเอ็นดู และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นมิจฉาชีพครั้งแรกของไดน่า เธอใช้เวลายาวนานหลายปีสอดส่องพฤติกรรมของนักพนันทั้งหลาย
ทุกคนจะสนใจเพียงแค่ไพ่บนโต๊ะเท่านั้น ไม่มีใครคอยระวังทรัพย์สินของตัวเองหรอก เธอพาอลิซเริ่มหลอกลวง ต้มตุ๋น ไปตามที่ต่างๆ จนความเป็นอยู่ของเราสองพี่น้องเริ่มดีขึ้นจึงจะพากันไปอยู่หมู่บ้านทางเหนือที่ไม่มีใครรู้จักเรา
ไปเปิดร้านขายเนื้อย่างและไวน์เล็กๆ อยู่ด้วยกันสองพี่น้อง
อลิสส่งยิ้มให้ไดน่า ก่อนจะเดินนำขึ้นรถม้าไปก่อน ทว่าอยู่ๆ ก็มีชายชุดดำราวห้าคนปรากฏตัวขึ้นมา ดาบที่แหลมคมถูกจ่อไปที่คอของไดน่า เธอมองอลิซที่อยู่ในรถม้าอย่างตกใจ
"ออกมาสิแม่สาวน้อย!!"
อลิซกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอเดินออกมาจากรถม้าพร้อมกับมองที่ไดน่าอย่างเป็นห่วง
"จะมาปล้นกันรึไง?"
อลิซถามพร้อมมองไปที่ชายชุดดำอย่างประเมินสถานการณ์
"เจ้านายของข้าอยากเจอพวกเจ้า รีบตามมาดีๆ เถอะ ข้าไม่อยากทำร้ายสตรี"
ทั้งสองเดินตามชายชุดดำมาไม่นานก็พบกับรถม้าที่หรูหราและใหญ่โต ชายชุดดำสั่งให้เธอเดินขึ้นไป
ไดน่าเลือกจะเดินขึ้นไปก่อน ตามด้วยอลิซ ด้านในรถม้าประดับตกแต่งอย่างหรูหรา มีสตรีชนชั้นสูงนั่งอยู่ ประเมินอายุด้วยสายตาสตรีผู้นี้น่าจะอายุราวสี่สิบถึงห้าสิบปี ใบหน้าที่มีเหี่ยวย่นนั้นยังคงความงดงามและดูน่าเกรงขาม
"ไดน่า และอลิซใช่หรือไม่ รู้ไหมว่าข้าให้คนตามสืบเรื่องของเจ้าสองคนมาเนิ่นนาน จนในที่สุดก็ได้พบตัวพวกเจ้าสักที"
ให้ตายเถอะนี่เธอเคยไปขโมยของยัยป้านี่มาอย่างนั้นเรอะ!!
อลิซมองไปที่สตรีชนชั้นสูงอย่างประหม่า
"ขอเข้าเรื่องเลยนะ ส่งสร้อยเพชรสีชมพูมาให้ข้า"
อ่า ขโมยมาจริงๆ ด้วยสินะ
อลิซเปิดกระเป๋าเดินทางของเธอออกมาพร้อมกับส่งสร้อยเพชรพิงค์ไดม่อนให้สตรีตรงข้าม
"วางใจเถอะข้าจะไม่ทำอันตรายกับเจ้าทั้งสอง และสร้อยนี้ก็มีใช่ของข้า ข้าขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ข้าจะให้เจ้าไปสืบเรื่องราวเกี่ยวกับสามีของข้า"
อลิซและไดน่ามองหน้ากันอย่างตกใจ
"พวกเราไม่คิดจะทำงานให้ท่านหรอกค่ะ ข้าและน้องสาวจะพากันไปอยู่ต่างเมือง"
"ข้าคิดว่าพวกเจ้าทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะสามารถปฏิเสธหรือว่าต่อรองได้ อย่าลืมสิว่าข้าสามารถสั่งให้พวกทหารของข้าจัดการพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย"
นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!!
"อลิซเจ้าต้องปลอมตัวไปกับคณะนักบุญที่จะเดินทางไปยังเมืองนอห์ร่า เพื่อตามสืบข่าวของดยุคแอรอนส่งมาให้ข้า"
"เหตุใดต้องเป็นข้าด้วย"
"เพราะว่าเจ้างดงามยังไงล่ะ ใบหน้าของเจ้าน่ารักน่าเอ็นดู นั่นคือใบหน้าของสตรีในแบบที่สามีข้าชอบ ส่วนไดน่าเจ้าต้องกลับไปอยู่คฤหาสน์กับข้า เพื่อเป็นตัวประกัน"
"นี่มันจะเกินไปแล้วนะ ข้าไม่มีทางยอมให้ไดน่าไปอยู่กับท่านแน่นอน"
"นางจะปลอดภัยอยู่ในคฤหาสน์แอรอนเพื่อรอเจ้ากลับมา สามล้านเหรียญทองสำหรับค่าจ้างทั้งหมด..."
อลิซมองหน้าไดน่าอีกครั้ง
สามล้าน!!
"นั่นคือจำนวนเงินที่มากพอสำหรับใช้ทั้งชาติใช่ไหมล่ะ เจ้าเพียงแค่ไปสืบข่าวสตรีที่อยู่กับสามีของข้ามาก็พอ ข้าจะให้อัศวินของข้าปลอมตัวไปรับจดหมายจากเจ้า และทุกครั้งที่เจ้าพบอัศวินของข้าเจ้าทั้งสองคนก็สามารถส่งจดหมายหากันผ่านทางเขาได้"
ให้ตายเถอะ ตั้งแต่หนีออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเธอไม่เคยแยกกับไดน่าเลย
"และแน่นอน พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"
อลิซมองรถม้าหรูหราที่กำลังเคลื่อนตัวจากไปช้าๆ ไดน่าอยู่ในนั้น ไม่มีเวลาให้เราล่ำลากันด้วยซ้ำ แต่เราทั้งสองก็สามารถเข้าใจกันด้วยการสบตา
และเข้าใจตรงกันเพราะอำนาจของเงินสามล้านเหรียญ
"เหตุใดถึงต้องปลอมเป็นนักบุญด้วย ข้าไม่มีพลังเลย อีกทั้งยังไม่เคยสวดมนต์มาก่อน"
"ไม่มีใครมาฟังเจ้าสวดมนต์หรอกนะ แทนที่จะอ่านหนังสือสวดมนต์ เอานี่ไปอ่านแทนเถอะ"
อลิซรับตำราสมุนไพรมาจากชายหน้าโหดผู้หนึ่ง
"ข้าควรเรียกท่านลุงว่าอะไรคะ?"
"พระเจ้า!! ข้าพึ่งอายุยี่สิบ เรียกข้าว่าเคน ส่วนนี้นีม ที่สำคัญเรียกพี่ก็พอ"
แต่หน้าของชายชุดดำทั้งสองคนนี้ดูแก่กว่าดัชเชสแอรอนอีกนะ
"ค่ะ ท่านพี่เคน และท่านพี่นีม ข้าชื่อว่าอลิซ"
นีมส่งยิ้มมาให้อลิซ
"อลิซงั้นเหรอ น่ารักจังนะ เจ้าอายุเท่าไหร่งั้นหรือ"
พวกเขาพาเธอเดินมาจนถึงหน้าโบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่ง
"สิบเจ็ดค่ะ"
"ไปเถอะอลิซ รีบไปเปลี่ยนชุด ข้าจะเป็นคนไปรับจดหมายจากเจ้าเอง หวังว่าจะได้พบกันในเร็ววัน"
นีมส่งชุดนักบุญหญิงมาให้เธอพร้อมกับดันตัวให้เธอเดินเข้าไปด้านหลังของโบสถ์ อลิซรีบเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดนักบุญทันที เธอหยิบห่อผ้าที่นีมโยนมาให้ติดตัวไปด้วย
"เอาล่ะ ผู้รับใช้ของพระเจ้าทั้งหลาย พวกเรากำลังจะเดินทางไปยังสนามรบที่อันตราย ขอบคุณทุกคนที่เสนอตัวมาร่วมเผยแผ่คำสอนของพระเจ้า ขอให้ทุกคนปลอดภัยและกลับมาที่นี่ด้วยความภาคภูมิใจ"
มีนักบุญราวยี่สิบคนที่อยู่ในขบวน ทุกคนกำลังต่อแถวขึ้นรถม้า มีนักบุญหญิงเพียงสองคนเท่านั้น อลิซได้ขึ้นรถม้าคันสุดท้ายที่เป็นรถม้าบรรทุกสัมภาระ เธอและดรุณีน้อยอีกคนส่งยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร
"ท่านจะนอนก็ได้นะคะ เราต้องเดินทางหนึ่งวันเต็มๆ กว่าจะถึงสนามรบ ข้าชื่อเซดี้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
"ข้าชื่ออลิซ เจ้าดูรู้จักระยะทางดีจังเลยนะ เคยไปแล้วอย่างนั้นเหรอ"
เซดี้ส่ายหน้าเบาๆ
"ไม่ค่ะ ท่านพี่ของข้าเขียนจดหมายมาบอก"
"อ่า พี่เจ้าคงจะเป็นทหารอยู่ที่นั่นสินะ"
"ค่ะ เคยเป็นน่ะ ตอนนี้ท่านพี่ของข้ากลับสู่อ้อมกอดของพระเจ้าแล้ว ที่ข้าอาสาไปที่นั่นก็เพราะว่าข้าอยากจะไปเยี่ยมหลุมศพท่านพี่สักครั้ง"
อลิซชะงักเล็กน้อย เธอมองใบหน้าของเซดี้อย่างตกใจ
อ่า ขึ้นชื่อว่าสงครามย่อมมีความโหดร้ายเป็นธรรมดา สงครามที่เมืองนอห์ร่านั้นกินเวลามาหกปีแล้วยังไม่จบไม่สิ้น ทั้งๆ ที่นำทัพด้วยแม่ทัพที่เก่งกาจอย่างดยุคแอรอน และดยุคคริสเตียน
เพราะไปรบถึงหกปีสินะ ดัชเชสแอรอนถึงได้ให้เธอมาตามสืบเรื่องของสามี....