2.ความอับอาย

1946 Words
เซดี้ลืมตาขึ้นมาก็พบว่า สตรีที่นั่งรถม้ามากับเธอยังคงอ่านหนังสืออยู่ นางอ่านหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่รถม้าพึ่งจะออกเดินทางจนตอนนี้จวนจะถึงค่ายทหารอยู่แล้วนางก็ยังคงอ่านมันอยู่ "เหตุใดเจ้าถึงไม่นอนล่ะอลิซ" "ข้าเป็นคนที่เวลาตั้งใจทำอะไรแล้วมันจะต้องออกมาดี" "ตำรา สมุนไพรและการรักษาโรคเนี่ยนะ" อลิซมองไปด้านนอกที่ตอนนี้มีหิมะตกลงมาจนขาวโพลน "ก็เพราะว่าข้ามิได้มีพลังสักดิ์สิทธิ์ จึงต้องพยายามให้มากหน่อย" เซดี้ส่งยิ้มให้อลิซพร้อมกับกระชับผ้าคลุมไหล่เพราะเธอสัมผัสได้ถึงอากาศด้านนอกที่แสนจะหนาวเย็น "นักบุญชั้นต่ำเช่นพวกเรา ไม่มีใครที่มีพลังศักด์สิทธิ์หรอกนะ ผู้มีพลังคือนักบุญระดับสูงเท่านั้น และที่กองทัพต้องการให้นักบุญเช่นเรามาที่นี่ก็เพราะว่าพวกเขาอยากได้สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ในสนามรบที่ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ หากว่ามีนักบุญที่รอส่งพวกเขาให้ถึงหัตถ์ของพระเจ้า อย่างน้อยความหวาดกลัวในจิตใจของพวกเขาก็จะน้อยลง" "แต่ถ้าเรารักษาพวกเขาได้..." เซดี้ส่งเสื้อคลุมสีขาวให้อลิซ "ข้าไม่ห้ามเจ้าหรอกนะ ทำสิ่งที่เจ้าคิดว่าจะช่วยพวกทหารให้ได้มากที่สุดก็พอ เราเป็นนักบุญที่อาสามาเพื่อช่วยอยู่แล้ว" ที่จริง...อลิซมิได้อยากจะมาช่วย เธออ่านหนังสือพวกนี้ก็เผื่อจะมีความรู้เท่านั้น และเพื่อไม่ให้คนสงสัยเธอก็พอ "เมืองนอห์ร่าตั้งอยู่บนภูเขา อีกทั้งสภาพอากาศยังเลวร้ายถึงขั้นสุด" "แล้วเหตุใดพวกเขาถึงได้รบกันไม่จบไม่สิ้นเพื่อแย่งดินแดนนี้ล่ะ ทำการเกษตรก็ไม่ได้ อยู่อาศัยก็ลำบาก" อลิซกล่าวถามอย่างสงสัย "ก็เพราะว่าเมืองนอห์ร่ามีความลับนะสิ ในตำนานกล่าวเอาไว้ว่าที่ใต้ปราสาทมีปีศาจร่างยักษ์ถูกแช่แข็งเอาไว้ รอเพียงผู้ที่จะมาปลดผนึกมัน อีกทั้งที่ภูเขาด้านหลังกำแพงเมืองขุดเจอเพชรจำนวนมาก ผู้คนก็เลยคาดคะเนว่าในเมืองนี้จะต้องเต็มไปด้วยเพชร...." อ่า เหตุใดหัวใจถึงเต้นแรงกับคำว่าในเมืองเต็มไปด้วยเพชรกันนะ... บางทีที่นอห์ร่าอาจจะมีขุมทรัพย์มหาศาลก็เป็นได้ "มีคนเคยกล่าวหรือไม่ว่าใบหน้าของเจ้าช่างงดงาม" อลิซตกใจเล็กน้อยกับคำชมของเซดี้ "ไม่มีหรอก หน้าตาของข้าก็ธรรมดา ทั่วๆ ไป พี่สาวของข้างดงามกว่านี้อีก" เซดี้ถึงกับเลิกคิ้วมองอลิซ หากใบหน้าเช่นนั้นเรียกว่าธรรมดา แล้วใบหน้าของเธอจะเรียกว่าอย่างไร เธอไม่เคยเจอใครน่ารักอย่างอลิซมาก่อนเลย ดวงตากลมโตนั่นรับกับแพรขนตาที่งอนยาว ผิวขาวราวกับหิมะ จมูกโด่งเป็นสันรับริมฝีปากอมชมพู ใบหน้าที่ขาวนวลของนางกำลังเป็นสีแดงระเรื่อเพราะอากาศที่หนาวเย็น อลิซมองเห็นกำแพงเมืองสูงชันที่ล้อมรอบเมืองเอาไว้ มันสูงจนเธอมองไม่เห็นยอดของกำแพงด้วยซ้ำ "พี่ชายข้าเคยเขียนในจดหมายว่าเขาไม่เคยเห็นกำแพงเมืองที่สูงชันขนาดกำแพงเมืองของนอห์ร่ามาก่อน ในตอนที่ข้าอ่านจดหมายข้าก็ยังเดาไม่ออก แต่พอได้มาเห็นด้วยตาตัวเองเช่นนี้มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ" "นั่นนะสิ สาบานเลยว่าข้าก็พึ่งเคยเห็นสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้" เธอเคยอ่านประวัติคร่าวๆ ของเมืองนอห์ร่า ที่กำแพงเมืองต้องสูงชันเช่นนี้ก็เพราะว่าเพื่อป้องกันทั้งข้าศึกและปีศาจ.... อ่า เธอจะมีชีวิตรอดไปหาไดน่าอยู่ใช่ไหม? หิมะโปรยปรายลงมาจางๆ อลิซและเซดี้ลงจากรถม้ามา ก็พบกับทหารที่ยืนรอต้อนรับพวกเราอยู่ พวกเขายืนตากหิมะเพื่อรอคอยขบวนของนักบุญ เหตุใดไม่ไปนั่งรอในบ้านก่อน มายืนตากหิมะรอทำไมกัน? ท่าทางว่าแม่ทัพของทหารพวกนี้คงจะเป็นพวกบ้าอำนาจสินะ "ยินดีต้อนรับนักบุญทุกท่าน ที่นี่จะเป็นเมืองร้างก็ไม่เชิง ในเมืองมิได้มีชาวบ้านมากมายนัก อีกทั้งที่โบสถ์ก็อยู่สภาพทรุดโทรม ข้าอยากให้ทุกท่านไปพักที่ค่ายทหารก่อน ถึงจะเรียกว่าค่ายทหารแค่ที่นั่นคือคฤหาสน์ของท่านดยุคคริสเตียน รีบมากันเถิด เรามีงานเลี้ยงต้อนรับเล็กๆ ให้พวกท่านด้วย" มีทหารผู้หนึ่งกล่าวพร้อมทั้งเดินนำขบวนไป เซดี้กำลังสวมผ้าคลุมผมให้เธอ "เราจะต้องเข้าพบท่านดยุคแอรอนและท่านดยุคคริสเตียน พยายามอย่าไปสบตาพวกเขานะ เท่าที่ข้ามองที่เมืองนี้ไม่มีสตรีเลย ยิ่งใบหน้าของเจ้าโดดเด่นเช่นนี้คลุมผ้านี่เอาไว้ น่าจะเป็นการดีที่สุด" อลิซส่งยิ้มให้เซดี้ ที่จริงมองจากภายนอกดูเหมือนเซดี้จะอายุน้อยกว่าเธอ แต่จริงๆ แล้วเซดี้อายุยี่สิบแล้ว นี่ราวกับว่าเธอมีพี่สาวอีกคนเลยแฮะ พวกเราเดินมาไม่นานก็ถึงหน้าคฤหาสน์สีดำที่ดูน่ากลัวเล็กน้อย พอเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ ก็พบห้องโถงจัดเลี่ยงขนาดใหญ่ มีทหารนั่งอยู่หลายร้อยชีวิตและสายตาของทุกคู่ก็มองมาที่เธอและเซดี้ อาจจะเป็นเพราะในห้องนี้ไม่มีสตรีอยู่เลย และเธอกับเซดี้เดินเข้ามาทีหลังสุด ก็เลยกลายเป็นจุดเด่น "อ่า นักบุญหญิงที่งดงามทั้งสองเชิญมานั่งด้านหน้าได้เลยครับ" ทำไม จะต้องไปนั่งโต๊ะด้านหน้าด้วยนะ... "เกรงใจเกินไปแล้วค่ะ ให้เราทั้งสองนั่นรวมกับนักบุญตรงนี้ก็ได้..." เซดี้กล่าวพร้อมทั้งส่งยิ้มให้นายทหารที่เดินนำหน้า "ไม่ได้หรอกครับ นานๆ จะมีนักบุญหญิงมาที่นอห์ร่าสักที เชิญด้านหน้าดีกว่า..." "แค่เสียงพูดยังไพเราะเลยครับ หันมามองทางข้าหน่อยเถิด ท่านนักบุญหญิง!!" หลังจากนั้นก็มีเสียงของทหารที่ทั้งผิวปากและถามชื่อเธอ เซดี้ก็เลยตัดปัญหาด้วยการพาอลิซไปนั่งโต๊ะหน้าสุด หลังจากที่เรานั่งลงก็มีทหารลุกจากโต๊ะมาถามชื่อของเธอกับเซดี้ เกิดเป็นความวุ่นวายเล็กๆ ขึ้นมา "เซดี้ ข้าปวดฉี่" อลิซกล่าวพร้อมทั้งมองตาของเซดี้อย่างน่าสงสาร "ขอโทษนะคะท่านเซอร์ มิทราบว่าห้องน้ำไปทางไหน" "ข้าจะพาไปเองครับ เชิญท่านนักบุญหญิงตามข้ามาก็พอ" เซดี้จับมือของอลิซเพื่อจะพาลุกขึ้นแต่เซอร์เจสันรีบกล่าวดักเอาไว้ "นักบุญหญิงเซดี้อยู่ที่นี่เถอะครับ ข้าจะพานักบุญหญิงอลิซไปเอง ท่านดยุคทั้งสองกำลังมาไว้ใจข้าได้เลยครับ" เซดี้มิสามารถกล่าวคำปฏิเสธได้ เธอจึงยอมให้อลิซไปกับเซอร์เจสัน อลิซเดินมาเรื่อยๆ ก็พบทุ่งดอกคอสมอสขนาดใหญ่ หลังทุ่งดอกไม้ก็คือห้องน้ำ.... สภาพห้องน้ำมันทำให้อลิซตกใจ เธอหันมองหน้าของเซอร์เจสันช้าๆ เพราะมันมีที่นั่งฉี่วางเรียงราย แต่ไม่มีผนังกั้นแม้แต่นิดเดียว นี่ยังเรียกห้องน้ำได้งั้นเรอะ!! เธอหันไปมองหน้าของเจสัน ด้วยดวงตาที่ดูน่าสงสาร "ข้าไม่กล้าเข้าห้องน้ำเช่นนี้หรอกค่ะ!! ข้า...กลัว และมันก็ไม่ปลอดภัย..." เจสันชะงัก เขาลืมไปได้อย่างไรว่านี่คือห้องน้ำของทหาร และนักบุญหญิงเป็นสตรี "คะ คือว่าห้องน้ำด้านในคฤหาสน์จะสามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อท่านดยุคอนุญาตเท่านั้นครับ" อ่า ปวดฉี่จนจะราดอยู่แล้ว ให้ตายเถอะ!! "เข้าป่าก็ได้ค่ะ ข้าสามารถไปฉี่ในทุ่งดอกไม้นี้ได้ไหมคะ ข้าอั้นไม่ไหวแล้ว" ทุ่งดอกคอสมอสนี้ท่านดยุคคริสเตียนหวงมาซะด้วยสิ แต่ด้วยใบหน้าของท่านนักบุญหญิงที่กำลังทรมานนั้นมันทำให้เขากล่าวคำปฏิเสธไม่ออก "ครับ ข้าจะเฝ้าด้านนอกให้เอง" อลิซถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอรีบวิ่งเข้าไปที่ทุ่งดอกคอสมอสอย่างรวดเร็ว พอมาถึงตรงกลางที่เธอมั่นใจว่าไม่น่าจะมีใครเห็น อลิซถกกระโปรงขึ้นพร้อมกับนั่งลงเพื่อจะฉี่ อ่า อดกลั้นเอาไว้เกือบตาย ในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยสักที ทว่าดอกคอสมอสด้านหน้าของเธอมันกำลังถูกแหวกออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามา "...ข้ายังไม่เสร็จนะคะท่านเจสัน อย่าพึ่งเข้า....มา" ไม่ทันแล้ว ตอนนี้ดอกคอสมอสที่ปิดบังตัวเธอเอาไว้ถูกแหวกออก....พร้อมกับใบหน้าของบุรุษผู้หนึ่งที่ไม่ใช่ท่านเจสัน..... ใบหน้าของเขาหล่อเหลาจนเธอแทบจะหยุดหายใจ เราทั้งสองสบตากันท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา ราวกับว่านี่คือฉากของนิยายโรแมนติก ทุกองค์ประกอบดีหมด ติดอย่างเดียวตรงที่เธอกำลังนั่งฉี่อยู่.... เป็นครั้งแรกที่อลิซรู้สึกอับอายมากที่สุดในชีวิต เธออยากจะลุกหนีตอนนี้แต่ก็ลุกไม่ได้เพราะยังฉี่ไม่สุด เขายกมือขึ้นมาปิดตาเอาไว้พร้อมกับหันหลังให้เธออย่างรวดเร็ว "บอกข้าที ว่าเจ้าเป็นใครและเข้ามาทำอะไรในสวนดอกไม้ของข้า!!" เขาก็เห็นไม่ใช่เรอะ!! ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ แล้วจะถามให้เธออับอายไปอีกทำไม!! อลิซรีบลุกขึ้นพร้อมกับใส่กางเกงซับในอย่างรวดเร็ว เธอหันหลังเพื่อเตรียมจะวิ่งหนี แต่เขาไว้กว่า เขาคว้าผ้าคลุมผมของเธอเอาไว้และดึงมันออก ตามด้วยจับข้อมือของเธออย่างรวดเร็ว เนื่องจากที่พื้นมีหิมะทับถมอยู่ มันทำให้เธอลื่นล้ม และเขาเองก็ล้มตามเธอมาติดๆ "ปล่อยข้านะ!! ท่านจะทำอะไร!! "แล้วเจ้าจะหนีไปไหน!! ข้ายังถามเจ้าไม่จบเลย บังอาจยิ่งนัก" เซอร์เจสันได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเขาจึงรีบวิ่งเข้ามา ก็ต้องตกใจที่ท่านดยุคกำลังนอนทับนักบุญหญิงอยู่ "ใจเย็นก่อนนะครับท่านดยุค ข้าจะอธิบายให้ท่านฟังเอง" คริสเตียนลุกขึ้นพร้อมทั้งมองไปที่อลิซพอมองดูดีๆ เธอสวมชุดนักบุญหญิงนี่นา หรือว่าจะเป็นนักบุญหญิงที่มากับขบวนวันนี้ "ลุกไหวไหมครับท่านนักบุญหญิงอลิซ" อลิซมองที่เซอร์เจสัน ก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมา เธอร้องไห้อย่างหนักจนเซอร์เจสันและคริสเตียนตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขาทั้งสองคนล้วนแล้วแต่ทำอะไรไม่ถูก "...เจ็บตรงไหนงั้นหรือครับ" อลิซยกมือขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้ เธอไม่ได้เจ็บ แต่ตอนที่เธอล้ม เธอดันล้มทับตรงที่ตัวเองฉี่เอาไว้ และกระโปรงของเธอมันก็กำลังเปียกชุ่มไปด้วยฉี่ของเธอเอง... แล้วเธอจะยังมีหน้าบอกบุรุษทั้งสองคนนี้ยังไงเล่า!!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD