หนึ่ง
ศักดิ์ศรีขององค์หญิง
ณ ตำหนักเซี่ยงรื่อ
ทันทีที่องค์หญิงกู่หลันอิงเสด็จกลับถึงตำหนัก ก็ทรงมีรับสั่งให้นางกำนัลถอยไปให้หมด กระทั่งอี้หลานยังถูกไล่ออกไปนอกห้องบรรทม
เด็กหญิงวัยเจ็ดขวบขังตนเองอยู่ในห้องตามลำพังมานานกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว นางกำนัลคนสนิทแสนร้อนรน เดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูไม่หยุด
นางไม่กล้าส่งเสียงเรียกผู้ที่อยู่ด้านใน แต่ในขณะเดียวกันก็มิอาจปล่อยวางหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวลนี้ได้อยู่ดี
อี้หลานไม่เคยเห็นกู่หลันอิงเป็นเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงรับมือกับสถานการณ์เยี่ยงนี้ไม่ถูก
“อิงอิง”
เสียงเรียกจากหน้าตำหนักดังนำมาแต่ไกล อี้หลานประดุจพบแสงสว่างแห่งความหวัง
“ถวายบังคมองค์ชายรอง” นางหันไปทำความเคารพชายหนุ่มวัยสิบหกในชุดเสื้อเกราะ คาดว่าอีกฝ่ายเพิ่งกลับมาจากค่ายทหาร
“อี้หลาน” กู่เลี่ยง รองแม่ทัพหนุ่ม ผู้ควบตำแหน่งองค์ชายรองแห่งแคว้นเว่ยเห็นเพียงร่างของนางกำนัลก็เลิกคิ้วประหลาดใจ “อิงอิงเล่า”
“ทูลองค์ชาย” หญิงสาวคุกเข่าลงบนพื้น “องค์หญิงทรงขังตนเองอยู่ในห้องบรรทมมานานกว่าหนึ่งชั่วยามแล้วเพคะ”
“อะไรนะ!” สีหน้าของผู้ฟังแปรเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง ดวงตาคมกริบหรี่มองข้ารับใช้คนสนิทของน้องสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือเจ้าทูตแห่งแคว้นลี่เสียมารยาทกับนาง?”
ในเมื่อถูกถามอย่างตรงประเด็นเช่นนี้ บ่าวผู้ภักดีก็ไม่คิดปิดบังอีกต่อไป “องค์ชายรอง เป็นเช่นนี้เพคะ...”
หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังแล้ว ใบหน้าของกู่เลี่ยงก็พลันดำคล้ำ
“กำแหงเหิมเกริม! ข้าไม่สนหรอกว่าเขาจะเป็นองค์ชายหรือเทพเซียนเทวดาที่ไหน ในเมื่อกล้าดูถูกเหยียดหยามอิงอิง ข้าจะไปลากคอมันมาขอขมาน้องสาวของข้าให้จงได้!”
รองแม่ทัพอายุน้อยโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เตรียมสาวเท้าเดินปึงปังไปทำในสิ่งที่ตนลั่นวาจา
นึกไม่ถึงว่าจะมีคนร้องห้าม...
“อย่านะ!”
เสียงอู้อี้ดังออกมาจากด้านในห้องบรรทม เป็นเสียงของกู่หลันอิงไม่ผิดแน่
“อิงอิง...” ใจของผู้เป็นพี่ชายพลันอ่อนยวบ เสียงที่แหบพร่าบ่งบอกชัดเจนว่าอีกฝ่ายเพิ่งผ่านการร้องไห้ เขารู้สึกเป็นห่วงนางอย่างยิ่ง “พี่ขอเข้าไปดูหน้าเจ้าหน่อย ได้หรือไม่”
“องค์หญิง” อี้หลานซึ่งยังคงคุกเข่าอยู่ด้านนอกก้มหน้ามองต่ำ “เป็นข้าน้อยที่ไม่ดีเอง ข้าน้อยไม่สามารถปกป้ององค์หญิง ขอองค์หญิงทรงลงโทษข้าน้อยด้วยเพคะ!”
“ให้พี่รองเข้ามาคนเดียว” เจ้าของตำหนักแจ้งความประสงค์ของตน
“ได้” กู่เลี่ยงพยักหน้าถี่ๆ หันมามองหน้านางกำนัลที่นั่งก้มหน้าสำนึกผิดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปด้านใน
“ปิดประตู...”
ร่างเล็กที่อยู่บนเตียงเตือนให้กู่เลี่ยงปิดประตู นางไม่ต้องการให้ใครคนอื่นเห็นตนเองในสภาพนี้ แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นอี้หลาน นางกำนัลที่ดูแลนางมาตั้งแต่เด็กก็ตาม
กู่เลี่ยงได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาก็ปรับสีหน้าและท่าทางของตนเองเสียใหม่ นางเป็นสตรีที่เข้มแข็งมาตั้งแต่เด็ก เขาเคยเห็นกู่หลันอิงร้องไห้นับครั้งได้
“เจ้าโกรธอี้หลานมากเลยหรือ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน หวังปลอบประโลมเด็กน้อยให้หายโศกเศร้าเสียใจ
อีกฝ่ายส่ายหน้า ดวงตาเรียวที่แดงก่ำจากการร้องไห้ช้อนมองคนที่เดินมาหายังเตียง
“ข้าเจ็บใจคนผู้นั้น” นางสูดหายใจเข้าออกช้าๆ “เขามีสิทธิ์อันใดมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น”
การที่นางเป็นหมูอัปลักษณ์ถือว่าผิดมากเชียวหรือ การที่นางมีรูปลักษณ์เช่นนี้ได้ทำร้ายเขาตรงไหนกัน
“ใช่แล้ว องค์ชายนั่นมีสมองเท่าเม็ดถั่ว” ชายหนุ่มทิ้งร่างลงบนเตียงข้างคนตัวเล็กกว่า “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าแต่งงานกับคนที่ทำให้อิงอิงของข้าต้องร้องไห้เป็นอันขาด”
“ข้า... ฮึก!” เด็กหญิงร่างท้วมขยำผ้านวมที่ห่อร่างจนยับยู่ยี่ “ข้าไม่ได้ร้องไห้ต่อหน้าเขา”
กู่เลี่ยงทอดสายตามองนางอย่างอ่อนโยน การเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ช่างเป็นภาพที่สร้างความเจ็บปวด ไม่ต่างจากคนเอามีดกรีดลงที่ดวงใจ
ฟ่านอู๋เฉียว นามนี้ ข้าจะจำให้ขึ้นใจ!
ดวงตาของพี่ชายคนรองเปล่งประกายน่ากลัวขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อร่างกลมในผ้านวมขยับเข้ามาหาเขา
“อิงอิง เจ้าอดทนได้ดีมาก” ชายหนุ่มวัยสิบหกลูบศีรษะของน้องสาวเพียงคนเดียว กลุ่มผมของนางเล็กและนุ่ม ละเอียดเสียยิ่งกว่าแพรไหมล้ำค่า
คำชื่นชมจากปากของพี่ชาย ส่งผลให้กู่หลันอิงยกมืออูมๆ ขึ้นมาปาดน้ำตา ใบหน้ากลมมนเชิดขึ้นน้อยๆ “ข้าจะไม่ยอมให้แคว้นเว่ยถูกเขาดูถูกโดยเด็ดขาด!”
“เข้าใจแล้ว อิงอิง วันนี้เจ้าเหนื่อยมามาก รีบเข้านอนก่อนเถิด” กู่เลี่ยงลุกขึ้นจากเตียง เตรียมเปิดทางให้อีกฝ่ายได้พักผ่อน
ทว่ามืออวบกลับคว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้
“พี่รอง”
ครั้นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องหน้าเขาตรงๆ กู่เลี่ยงกลับเบือนสายตาหนีนางเสียอย่างนั้น
“หืม...” กระทั่งเสียงยังสูงกว่าปกติราวกับผู้มีความผิดติดตัว
“อย่าทำร้ายเขา” คำพูดที่เอ่ยดักได้อย่างแม่นยำราวกับมานั่งอยู่กลางใจ ส่งผลให้รองแม่ทัพหนุ่มส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจ
กระทั่งยามร้องไห้เสียใจ น้องสาวของเขาก็ยังเฉียบแหลมไม่เปลี่ยน
กู่เลี่ยงทิ้งตัวลงบนเตียงตามเดิม “อิงอิง เขากล้าทำร้ายน้ำใจเจ้าขนาดนี้ ข้าจะปล่อยเขาให้เดินออกจากวังของเราเฉยๆ ได้อย่างไร”
“หากพี่รองทำร้ายเขา จากเดิมที่แคว้นเว่ยเป็นผู้เสียหาย ก็จะกลายเป็นว่าเลิกแล้วต่อกัน” กู่หลันอิงที่หยุดร้องไห้แล้วกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าต้องการให้แคว้นลี่ชดใช้ในครั้งนี้ รวมถึง...ข้าต้องการให้เขาละอายต่อการกระทำของตนเองด้วย”
“หึ” พี่ชายคนรองยกมือกอดอก “เกรงว่าคนปัญญาทึบคงไม่มีสามัญสำนึกมากพอที่จะละอายได้”
กู่หลันอิงคลายมือที่กำชายเสื้อของกู่เลี่ยงอย่างเชื่องช้า “ต่อให้บุตรไม่ละอาย บิดาก็ย่อมต้องละอาย เรื่องในวันนี้มีพยานรู้เห็นมากมาย คาดว่าอีกไม่นานคงแพร่กระจายไปยังแคว้นอื่น”
รองแม่ทัพหนุ่มถอนหายใจยาว เขาเข้าใจดีว่าน้องสาวปรารถนาจะทำสิ่งใด
องค์ชายแห่งแคว้นลี่ด่าทอองค์หญิงแห่งแคว้นเว่ยที่ไร้ความผิด คุณสมบัติที่ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษเยี่ยงนี้คงเป็นที่หัวเราะเหยียดหยามของแคว้นอื่น เรื่องนี้หากฮ่องเต้แห่งแคว้นลี่ไม่ทำโทษบุตรชาย ก็เท่ากับยอมรับว่าแคว้นลี่เป็นพวกป่าเถื่อนที่ไม่น่าเคารพ ไม่เหมาะที่ผู้ใดจะคบหาด้วย
ทว่าในขณะเดียวกัน เรื่องที่กู่หลันอิงถูกเรียกว่า ‘หมูอัปลักษณ์’ ก็จะถูกลือไปทั่ว ไม่แน่ว่านางอาจกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของคนทั้งยุทธภพ
“อิงอิง แล้วชื่อเสียงของเจ้า...”
น้องสาวของเขางดงามน่ารักเพียงนี้ยังกล้าเรียกว่าอัปลักษณ์ เจ้าคนพวกนั้นมีตาหามีแววไม่ สมควรจับมาควักลูกตาล้างน้ำเสียให้หมด!
“เรื่องนั้นพี่รองไม่ต้องเป็นห่วง” กู่หลันอิงเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ สีหน้าเด็ดเดี่ยวไม่หลงเหลือเค้าของเด็กน้อยที่ร้องไห้เมื่อครู่เปลี่ยนไป ราวกับเป็นคนละคน “ข้าเตรียมแผนการรองรับไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมให้แคว้นเว่ยของเราต้องขายหน้าเป็นอันขาด”
------------