เพลงกระบี่เฉวียน9ชั้นเวียนวนดั่งสายลมหวล เคลื่อนคล้อยราวปุยเมฆบางเบา แปรเปลี่ยนร้อยพันจนระยิบระยับคล้ายไร้รูปไร้เงา…
แม้มีเพียงกริชสั้นร่ายไหว เข้าโรมรันกับสิบสี่ชายฉกรรจ์ที่ฟาดฟันไม่ยั้งมือ แต่วิชากระบี่ของฮุ้นชุนชิวยังคงครอบคลุมรุกไล่ ท่วงท่ามันพิสดารลึกล้ำ ทั้งงดงามทั้งอันตราย พราวพรายจนอู่จ้าวที่ไม่รู้วิชายุทธยังตื่นตาตื่นใจ
เพียงพริบตากริชในมือมันพลันกรีดเฉือนข้อมือชายชุดดำ จนปล่อยอาวุธร่วงหลุด แล้วเพียงครู่ฮุ้นชุนชิวพลันพลิกกระบวนท่า หมุนตัวสะบัดกริชฟันหน้าอกสามนักพรตชุดเทาจนล่าถอยไป
" กริชของซินแซผู้นั้นมีคุณประโยชน์จริงๆ ถ้าเจอมันอีกคร่า ต้องตบรางวัลให้มันสักหลายตำลึงแล้ว ! " นางรำพึงในใจ โดยนัยน์ตายังเพลิดเพลินกับเพลงยุทธชายหนุ่ม ยิ่งกว่าเห็นนางรำงามสะคราญด้วยซ้ำ
ท่ามกลางความเพลินตาเพลินใจ นางไม่ทันระวังว่าจะถูกร่างเล็กสันทัดโจนเข้ามาคร่ากุมตัวไว้
" โอ้ย !...โอ้ย !...นักพรตเจ้าเล่ห์ เจ้าคิดลอบกัดอย่างนั้นรึ ? " นางกรีดร้องตกใจ เมื่อมีมือแข็งกระด้างมากุมต้นคอไว้ ส่วนข้อแขนก็ถูกอีกมือมันจับพับมาไว้ด้านหลัง
" เด็กน้อย !...เจ้ายังไม่รีบบอกให้ฮุ้นชุนชิวหยุดมือ มิเช่นนั้นคอเจ้าต้องขาดสะบั่นแล้ว ! " นักพรตเตี้ยสั่งเหี้ยมเกรียมมากับลมหายใจร้อนผ่าว
ทว่าเด็กสาวไม่ทันได้ตอบโต้กลับ เสียงฮุ้นชุนชิวพลันเสียดแทรกเข้ามาตอบรับแทน
" ไม่ต้องไปบังคับน้องชายหรอกพี่ชาย ข้าพเจ้าหยุดมือแล้ว "
คำกล่าวมันกระตุ้นให้เลือดลมในกายนักพรตเตี้ยเดือดพล่าน เพราะสิ่งที่เห็นคือชายชุดเขียวยืนตระหง่านอยู่เหนือร่างโชกเลือดสิบกว่าร่างที่นอนแน่นิ่งกับพื้น หน่ำซ้ำยังมีนักพรตชุดขาวกับนักพรตชุดครามสามสี่คน เดินกะโผลกกะเผลกเข้ามารวมตัวกับชายหนุ่ม
" นักพรตโฉดเจ้ายังไม่รีบมอบตัว หรือคิดจะตกตายไปพร้อมพวกพ้องเจ้า ! " หนึ่งในนักพรตชุดครามกล่าวกร้าว ทั้งที่ยังใช้มือกุมไหล่ที่มีเลือดไหลซึม
" อย่าได้เข้ามาใกล้กว่านี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าเด็กนี่มอดม้วยแน่ ! " มันร้องปรามเสียงห้าว พลางลอยตัวเผ่นพลิ้วเตะโขดหิน แล้วพุ่งพรวดทะลุม่านน้ำตกล่วงล้ำเข้าไปภายในโพรงถ้ำอันลึกลับ
สองรูปเงาจางหายไปในถ้ำดำมืด หลงเหลือเพียงเสียงกรีดร้องของเด็กสาวที่แผดก้องมา
" ผิดท่าแล้ว !...ภายในถ้ำมี4ปรมาจารย์กำลังเปรียบเทียบวิชายุทธ หากผลีผลามเข้าไปจะเป็นอันตรายได้ " นักพรตชุดครามคนเดิมร้องไล่หลัง ก่อให้ทุกผู้คนหวาดหวั่นไปกับสิ่งที่เห็น
แตกต่างจากฮุ้นชุนชิวที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย พลางก้าวลงไปหยิบกังหันลมที่อู่จ้าวทำหล่นไว้ ก่อนจะยกยิ้มบางๆแล้วกระโจนร่างไล่ติดตามเข้าไปในโพรงถ้ำ โดยมันส่งเสียงกู่ร้องไล่ระบายตามหลังมา
" ฝากพวกท่านดูแลสถานที่ภายนอกด้วยพี่ชาย เรื่องราวภายในถ้ำปล่อยให้ผู้น้องไปสำรวจตรวจดูเองเถิด หากยังไม่ตาย คงได้พบกันอีกครา "....
…." นักพรตเจ้าเล่ห์ เจ้ายังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือไม่ รังแกผู้เยาว์รุ่นหลังเช่นนี้ นับเป็นผู้กล้าอันใด ! "
ดรุณีน้อยร่ำร้องในความมืด ขณะร่างนางถูกพาลอยละลิ่วไปตามผนังหินโฉบฉิ่วเข้าสู่โพรงมืดดำไร้ที่สิ้นสุด
" นางเด็กปีศาจยังจะปากดีอีก เจ้าก็ล่อลวงฮุ้นชุนชิวว่าเป็นผู้ชาย คิดว่าตบตาข้าได้รึ ! "..นักพรตเตี้ยกล่าวกร้าว ราวภูตผีร่ายมนต์ร้าย ขณะโลดละลิ่วลงจากผนังหินมายังลานกว้าง จากนั้นจึงปลดปล่อยร่างเด็กสาวลงไปกระแทกพื้นดัง โครม !...
"โอ๊ย !...นักพรตเจ้าเล่ห์ เมื่อรู้ว่าข้าเป็นอิสตรียังกระทำรุนแรงกับข้าอีก ! "...นางกรีดร้องทั้งที่ยังนั่งก้นจ้ำเบ้าแนบลานหินกว้าง
โดยมีนักพรตเตี้ยยืนทะมึนค้ำหัว สองมือกางเกร็งกรงเล็บด้วยพลังโทสะคุกกรุ่น แม้แขนซ้ายมันจะเนืองนองไปด้วยโลหิตจากแผลที่ไหล่ แต่ความมุ่งมาดหมายร้ายยังคงอบอวลทั่วทั้งกาย
"ฮึ ฮึ ฮึ…นางจิ้งจอกน้อย เจ้าคงหลงใหลชายรูปงามอย่างฮุ้นชุนชิวซินะ ถึงได้ตามติดมันไม่ห่าง ยังไงให้ข้าเป็นเจ้าภาพสู่ขอให้ดีหรือไม่ ฮึ ฮึ ฮึ…"
น้ำเสียงที่น่าหวาดกลัว ยังไม่เท่าเนื้อหาถ้อยคำของมัน ที่กระตุ้นเร้าใจนางจนสันหลังเย็นวาบ
" เชอะ !...นักพรตวิตถาร เจ้ามีความสามารถใดมาเป็นเจ้าภาพให้ข้า เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ! "...
" ฮึ ฮึ ฮึ…เจ้าไม่ชอบคนหนุ่มแน่น มาวิวาห์กับคนแก่เฒ่าดีหรือไม่ ! "... มันกล่าวเสียงยะเยือก พลางกางมือย่างขยับมาด้วยรอยยิ้มร้าย
" ว้าย !....นักพรตลามกอย่าทำอะไรบ้าๆนะ !..."
นางร่นตัวหนีด้วยความขยะแขยง ร้องแตกตื่นราวเผขิญปีศาจราคะมากเพทุบาย
ความหวาดหวั่นของนางพลันเตลิดเป็นเท่าทวี เมื่อมีเสียงหัวเราะกัมปนาทก้องกระจายไปทั่วทั้งโพรงถ้ำ
" ฮ่า า..ฮ่า า…ฮ่า า…"
พลันนั้นนักพรตเตี้ยยังชะงักค้าง หันมองไปหาต้นตอของเสียงทรงอำนาจ
" ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์…นี่ศิษย์เองท่านอาจารย์ ! "...
เงาทะมึนลอยวูบวาบไปตามผนังถ้ำ เคล้าคลอเข้ากับเสียงร่ำร้องชราที่แผดมาในอากาศ
" ท่านปรมาจารย์ เซียนคฤธรศักดิ์สิทธิ์ ปราดเปรื่องเรืองฤทธิ์ไร้ผู้เทียมทาน "...
นักพรตเตี้ยกู่ร้องสรรเสริฐ เหม่อมองชายผู้เผ่นพลิ้วลงมาเหยียบบนไหล่มัน อย่างเทิดทูล ประหนึ่งพบเจอเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ปาน
แต่ในสายตาของเด็กสาว กลับเห็นมันเป็นปีศาจสุดอัปลักษณ์ทึ่สุดที่เคยพบพาน
เพราะมันมีรูปลักษณ์ดั่งซากศพเดินได้ ร่างผอมสูงแทบจะเป็นหนังหุ้มกระดูก เบ้าตาลึก ในตาดำขลับแข็งกระด้างคล้ายสัตว์ร้ายมากกว่าเป็นมนุษย์ ผสานรวมเข้ากับจมูกง้องุ้ม โครงหน้าซูบเซียว หัวล้านเลี่ยน โดยมีผมหยิกหยองยาวออกตรงท้ายท้อย ซ้ำมีหนวดเคราปกคลุมใต้ปากและคางรกครึ้ม ยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่ามันเหมือนอีแร้งร่างยักษ์ ที่สวมใส่อาภรณ์สีดำขาดกระรุ่งกระริ่ง
" เซียนคฤธรอย่างนั้นรึ ?...ช่างตั้งฉายาได้เหมาะสมยิ่ง ดูไปคล้ายมนุษย์ครึ่งอีแร้ง เหมือนปีศาจมากกว่าเซียนเป็นไหนๆ ! " เด็กสาวเผลอร่ำร้องขณะตะลึงมองปรมาจารย์แห่งยุคบนไหล่ศิษย์มัน
ความหวาดหวั่นเร่งกระตุ้นให้นางนึกคิดได้ถึงอาวุธป้องกันตัว "ใช่แล้ว !.. ชาร์แครม ที่เก็บอยู่ในอกเสื้อ "
อย่างน้อยคงต้องพึ่งพาอาวุธศัตรูในยามคับขันนี้แล้ว…
" ศิษย์ข้าอย่าได้ขยับเขยือนร่างกาย เภทภัยร้ายกรายกล้ำมาแล้ว ! " เซียนคฤธรกล่าวกึกก้องกัมปนาท พร้อมกับกางฝ่ามือแห้งกรังวางทาบไว้บนศรีษะนักพรตเตี้ย อีกแขนกางกว้างตระเตรียมโรมรันยุทธ
โดยนักพรตเตี้ยได้แต่ยืนแข็งทื่อ เหมือนจะล่วงรู้ว่าเสียงแผ่วๆที่ลอยมา แฝงเร้นพลังวัตรกดดันมาไม่น้อย
เสียงที่แว่วมาหวีดหวิวคล้ายเสียงเครื่องดนตรีสีสาย ยิ่งใกล้เข้ามาหัวใจอู่จ้าวยิ่งเต้นรัวเร้าไม่เป็นศัพธ์ แม้นางจะไม่เคยร่ำเรียนวิชายุทธ ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ถาโถมมา
" ท่านพี่ต๊กโกสงบใจเถิด มาให้พวกเรารักษาท่านดีกว่า หากธาตุไฟในกายท่านกำเริบไปมากกว่านี้ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้นะท่านพี่ "
เสียงสงบเยียบเย็นเคลื่อนคล้อยมากับเงาร่างสีขาวนวลตา มันทอดท่าร่างเผ่นพลิ้วลงมายืนอยู่เบื้องหน้าสองศิษย์อาจารย์ ดั่งเซียนวิเศษในตำนาน
เด็กสาวเหม่อมองอย่างเคลิบเคลิ้ม นึกว้าตนหลับฝันไป ถึงได้เห็นเซียนในชุดขาวหมดจรด ผมเผ้าหนวดเคราสีดอกเลา ในมือมันถือแส้ปัดขนม้าเป็นเงาวาว ดวงตาที่เปี่ยมเมตตาทอดมองเซียนอีแร้งอย่างห่วงใย
" เจ้าคิดหลอกลวงข้าหรือไรนักพรตปลาน้อย วิชาเอกอุที่ข้าบัญญัติเป็นหนึ่งในใต้หล้า ไหนเลยจะมีพิษภัยกับข้าได้ เจ้าคิดล่อลวงเอาวิชาของข้าเสียละมั้ง ! "..
เซียนคฤธรกระยิ่มยิ้มเหี้ยมเกรียม ขณะเอ่ยวาจาทรงพลัง เคล้าคลอเข้าทำนองเพลงจากเครื่องสายที่กรีดพลังรายล้อมเข้ามาเลื่อยๆ
ขณะที่เซียนชุดขาวได้แต่ยืนสะบัดแส้ปัด ส่ายศรีษะไปมาอย่างอับจนปัญญา
ดรุณีน้อยสังเกตเห็นว่าที่ชายเสื้อแขนกว้างของเซียนชุดขาว มีด้ายเงินปักเป็นรูปปลาแวกว่ายในสายน้ำ ท่านคงเป็นเซียนมัจฉาหยกขาวไม่ผิดเพี้ยนแน่
" ไม่ต้องไปเสียเวลาสนทนากับคนหยาบช้าหรอกท่านพี่หวง พวกเรามาร่วมมือกำจัดมารให้สิ้นซากเถิด "
น้ำเสียงแกร่งกร้าวอีกสายมากับนักพรตชุดคราม ที่ถือไม้เท้าสีทองอล่าม โดยตรงปลายไม้มีรูปหัวกวางเขายาวแยกเป็นหลายแฉก
" เซียนกวางเนตรทองซินะ " อู่จ้าวกล่าวในใจ ขณะเห็นนักพรตสูงใหญ่ในชุดคราม มันยังดูหนุ่มแน่นกว่าทั้งสองเซียน โครงหน้าเหลี่ยม หนวดเคราดำสนิท แววตาเหี้ยมหาญดั่งขุนพลเชี่ยวชาญศึก มากกว่าเป็นชนชั้นเซียน
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ไอ้นักพรตหัวกวางรู้จักแต่ผายลมสุนัขอย่างนั้นเหรอ หากพวกเจ้ายังไม่ลงมือ ข้าพเจ้าจะลงมือก่อนแล้ว "...
สิ้นเสียงดุดัน เซียนคฤธรพลันกู่ร้องยืดยาวราวสัตว์ร้ายคำราม มันปลดปล่อยพลังวัตรนับอนันต์ให้แผ่กระจายไปทั่วโพรงถ้ำ
ทางหนึ่งมันแผ่พุ่งพลังวัตรครอบคลุมข่มขวัญ อีกทางมันถ่ายทอดพลังวัตรลงไปในตัวศิษย์เตี้ย เพื่อปกปักไม่ให้ถูกพลังวัตรของมันเข้าทำร้ายภายใน
จะมีเพียงเด็กสาวที่ถูกพลังวัตรบีบรัดจนดิ้นทุรนทุราย นางรู้สึกถึงความกระอักกระอ่วนไปทั่วทั้งสรรพรางกาย นางลงไปนอนขด มือประกบแนบหูสั่นระริกราวกับร่างจะถูกฉีกกระชากไม่เป็นชิ้นดี
ก่อนนางจะสลายกายเป็นผุยผง พลันปรากฏนักพรตในชุดเขียวมอซอ พุ่งทะยานเข้ามาขวางพลังวัตรอันบัาคลั่งที่รายล้อม ในมือนักพรตมีซอไม้สองสายตั้งขวางกับเข่า อีกมือจับคันชักเสียดสีระบายเสียงหวีดแหลม ให้ครอบคลุมเป็นม่านพลังวัตรสกัดกั้นแรงร้ายที่ถาโถมมา
อู่จ้าวรู้สึกร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น ไม่อึดอัดจนตาหูลายอย่างเมื่อครู่ นางกระหืดกระหอบยันตัวนั่งแหงนมองนักพรตผู้สีซอ' ซีฉิน ' ด้วยนัยน์ตาพร่าเลือน
นักพรตผู้นี้คือเซียนกระเรียนมรกตอย่างไม่ต้องสงสัย มันมีรูปร่างสูงระหง ใบหน้าผ่องใสเปี่ยมเมตตา แววตามันสุกสกาวบริสุทธิ์ดั่งทารกไร้เดียงสา แม้จะอยู่ในวัยชราหนวดเคราขาวโพลน แต่ท่วงท่ายังดูเปี่ยมพลังดั่งคนวัยเยาว์
" เด็กน้อย !..เจ้ารีบนั่งโคจรลมปราณโดยไว พลังวัตรของเฒ่าคฤธรแกร่งกล้านัก " เซียนกระเรียนกล่าวเยียบเย็น ทั้งที่ยังสีคันชักกำเนิดท่วงทำนองเพลงหวีดแหลมไม่หยุดยั้ง
" โคจรลมปราณอันใด ข้าพเจ้าไม่รู้จัก ! "
" ห๊ะ !...นี่เจ้าไม่เคยฝึกวรยุทธอย่างนั้นรึ ! "
ทันทีที่เสียงตกใจหลุดไหลจากปาก ดรุณีน้อยพลันสำลักโลหิตทะลักจากปาก ออกมาเปรอะเปื้อนทั่วพื้น
" ผิดท่าแล้ว !..." เซียนกระเรียนร้องลั่น พลางหันตัวมาสกัดจุด หยุดการเคลื่อนไหวชีพจรของนางทั้งสามสิบสองจุด จนอู่จ้าวนั่งสงบแน่นิ่ง
ทว่าเหตุการณ์กลับรุกรานรุนแรง เมื่อมันหันกลับไปหาเงาร่างทมึนของเซียนคฤธร จึงได้พบว่าปรมาจารย์ชุดครามเริ่มเปิดศึกลงมือ …
… มันควงพลองทองด้วยท่วงท่าดุดันบ้าคลั่ง
พลองทองกวัดแกว่งไปตามผนังถ้ำ ปลดปล่อยพลังวัตรกรูเกรียว ผลักส่งพลังคลุ้มคลั่งเข้าปะทะหักหาญกับพลังเสียงกึกก้องของเซียนแร้ง จนเกิดแรงกระทบเบี่ยงเบนใส่ผนังหินให้แตกเป็นสาย
พร้อมเพรียงกับที่เซียนมัจฉาหยกขาว ได้สะบัดแส้ปัดสีเงินยวง เลื่อนไล่ไปตามพื้น ดั่งกระแสน้ำสีเงินวาววับ เคลื่อนพลังให้พื้นสะเทือนเลือนลั่น
สองพลังรุกไล่โรมรัน ผสานแกร่งกร้าวกับอ่อนหยุ่น ครอบคลุมทั้งบนล่างไว้อย่างแน่นหนา
หากเซียนคฤธรหาได้หวาดหวั่นกับการผสานโจมตีของทั้งคู่แม้แต่น้อย มันกระหยิ่มยิ้มเหี้ยม ก่อนจะสะบัดสองมือถ่ายเทพลังวัตรด้วยวิชาผนึกเดือนตะวัน…เข้าควบคุมให้ผนังหินด้านข้างเคลื่อนขยับ ดั่งถูกมือยักษ์โยกคอน
ฉับพลันที่มันขยับแขนโบกมือตรงไปข้างหน้า แผ่นหินได้ฉีกแยกจากผนังออกเป็นก้อนใหญ่น้อยนับร้อยนับพัน ได้พวยพุ่งเข้าใส่สองเซียนดั่งพายุหินสาดใส่
พลองกวางทองพลันต้องพลิกผันมาต้านรับ สะบัดเข้าปะทะหินน้อยใหญ่ที่ถาโถมมา สอดสัมพันธ์ไปกับแส้ปัดสีเงินยวง ที่เลื่อนไหลสกัดแรงก้อนหินเป็นกำแพงพลังวัตรสุดแน่นหนา
ทว่าหาใช่เพียงหินแข็งกระด้างไร้ชีวิตที่รุกไล่พวกมัน เซียนคฤธรได้เผ่นโผนจากไหล่ศิษย์ ทะยานเข้าใส่เซียนผู้สะบัดพลองทอง ด้วยฝ่ามืออันอำมหิตเปี่ยมปริมพลังร้าย
นักพรตพลองทองได้แต่ต้องวกพลองกลับมาต้านรับ พร้อมกับเสือกส่งหนึ่งฝ่ามือทรงพลังวัตร เข้าหักล้างกับชายคลุ้มคลั่งให้แตกหักในคราเดียว
สองฝ่ามือยังไม่ทันผสานสัมผัส พลังวัตรไร้รูปของสองปรมาจารย์ได้ตรงเข้าปะทะ จนเกิดคลื่นกระแทกหวั่นไหว อากาศปั่นป่วนดั่งมีพายุโหมกระพือ ก่อให้ฝุ่นหินเล็กๆลอยคลุ้งในโพรงถ้ำ
" อ๊ า ก ก ก…"
เซียนกวางเนตรทองร้องร่ำสุดเจ็บปวด ไปกับเลือดที่ไหลทะลักจากปาก พร้อมกับร่างมันลอยละลิ่วกลับหลัง เมื่อถูกพลังมวลมหาศาลกระแทกใส่
เช่นเดียวกับเซียนคฤธรที่ม้วนตัวกลับหลัง สลายแรงผลักไส แล้วส่งแรงดีดกับผนังหินพวยพุ่งร่างไปคว้าไหล่ศิษย์ร่างเตี้ย ให้ทะยานตัวเข้าใส่เซียนมัจฉาที่กวัดแกว่งแส้ปัดตั้งรับ
แต่ครานี้กับมีการพุ่งโจมตีมาสองทาง ทั้งนักพรตเตี้ยที่วิ่งตรงมาตามพื้น และเซียนคฤธรที่ทะยานมาตามผนังถ้ำราวกับอีแร้งยักษ์กระพือปีกโจมตี
เซียนชุดขาวเลือกที่จะแกว่งแส้ปัดเป็นวงกลม สร้างเป็นม่านพลังป้องกันการโจมตีทั้งสองทาง
ทว่าเซียนคฤธรเจ้าเล่ห์เจ้ากลเกินกว่าการคาดเดา มันพลันยื่นมือเข้ากับผนังหิน ถ่ายเทพลังวัตรเข้าสู่ถ้ำหิน ควบคุมให้หินน้อยใหญ่พวยพุ่งจากด้านหลังเซียนมัจฉา โดยไม่ทันระวังตัว
" ชั่วช้านัก ใช้วิธีสกปรกเช่นนี้นับเป็นปรมาจารย์อันใด ! "...เซียนมัจฉาร่ำร้องในใจ ขณะเคลื่อนขยับหลบเลี่ยงเศษหิน แล้วผลักส่งหนึ่งฝ่ามือตรงเข้าใส่นักพรตเตี้ย ที่วิ่งฝ่าม่านพลังเข้ามาพร้อมกระบวนท่าจู่โจมเหี้ยมโหด
" โ ค ร ม !...."
สองพลังฝ่ามือตรงเข้าปะทะคราเดียว นักพรตเตี้ยมีอันต้องปลิวกระเด้นไป
หากเซียนมัจฉาไม่ทันได้ผนึกพลังคืนกลับ ก็ต้องเผชิญกับการรุกลานของเงาทมึนดำที่ถาโถมมาจากเบื้องบน
" ท่านพี่ระวังด้านบนไว้ ! "...
เซียนกระเรียนมรกตร้องเตือนลั่น พร้อมกับโลดแล่นเข้าหาคนทั้งคู่ ที่กำลังส่งกระแสพลังเข้าหักหาญ
แต่เซียนมัจฉาทุ่มเทพลังวัตรไปก่อนหน้า มันจึงไม่อาจต้านทานพลังฝ่ามือผนึกเดือนตะวันอันทรงพลังมหาศาล
ทันทีที่สองฝ่ามือปะทะใส่ เกิดเป็นเสียงคะนองกึกก้องดังฟ้าร้อง ก่อนร่างเซียนมัจฉาที่เซถอยไปหลายก้าว พร้อมกระอักโลหิตเป็นสายออกจากปาก
ยังดีที่เซียนกระเรียนมรกตโผร่างเข้าไปประคองรีบรับร่าง ช่วยลดทอนแรงกระทำลง มิเช่นนั้นมันคงกระแทกกระทั่นเข้ากับผนังหินจนบาดเจ็บสาหัส
" ท่านพี่ต๊กโก !...เหตุใดลงมืออำมหิตเช่นนี้ เสียแรงเป็นชนชั้นปรมาจารย์ระบือนาม ! " เซียนกระเรียนป่าวร้องลั่น พลางประคองร่างเซียนชุดขาวลงนั่ง เพื่อผสานลมปราณรักษากาย เช่นเดียวกับเซียนพลองทองที่นั่งโคจรพลังอยู่ไม่ไกล
แม้เซียนกระเรียนจะร้องร่ำด้วยโทสะ หากยังอดประหวั่นพรั่นพรึงมิได้ วรยุทธของเซียนคฤธรศักดิ์สิทธิ์บรรลุถึงขั้นไร้รูปทำลายลักษณ์โดยแท้ มันลงมือคราเดียวก็สยบสองปรมาจารย์แห่งยุคได้รวบลัดนัก
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า…เซียนแห่งง้อไบ้หวาดกลัวเสียแล้วรึ ! หากกำลังขวัญอ่อนด้อยก็ออกจากถ้ำไปเถิด ข้าจะละเว้นชีวิตให้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…."
เซียนคฤธรกล่าวก้องกัมปนาท ขณะลอยละล่องกลับไปยืนเคียงข้างศิษย์เตี้ย ที่กำลังโยกคอนจากอาการบาดเจ็บภายใน
โดยเซียนกระเรียนไม่ทันได้ตอบโต้คำใด นักพรตเตี้ยกับถูกผลักส่งตรงเข้าหาเซียนกระเรียนมรกต ราวกระสุนมนุษย์พุ่งทะลวง
" พี่ต๊กโก!...ท่านอำมหิตเกินมนุษย์ไปแล้ว "
เซียนกระเรียนตวาดลั่น พร้อมกับชักกระบี่ออกจากคันซอ แล้วเผ่นโผนไปด้วยเพลงกระบี่ฉวัดเฉวียนอันคมคาย
เพียงเสี้ยวอึดใจ ที่เซียนกระเรียนโฉบผ่านนักพรตเตี้ย
ร่างกายนักพรตเตี้ยแปรสภาพเป็นขาดครึ่งท่อน สองเท้ายังวิ่งไปทั้งที่ลำตัวบนนอนนิ่งกับพื้น…
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า…เพลงกระบี่อันยอดเยี่ยม ! " เซียนอีแร้งกู่ร้องเริงร่า คล้ายไม่แยแสกับชีวิตศิษย์ที่เพิ่งถูกปลิดชีพไปคาตา
ซ้ำมันยังฉายแววตาพึ่งพอใจ เมื่อเห็นเพลงกระบี่พิสดารเลิศล้ำ ก่อนร่างทะมึนจะลอยละล่องไปพร้อมปลดปล่อยพลังฝึกปรือทั้งสิบส่วนที่มี จนทั้งพื้นทั้งผนังหินสั่นสะเทือน ราวเกิดแผ่นดินไหวเลื่อนลั่น
โดยเซียนกระเรียนหาได้ลังเลอันใดอีก มันโลดแล่นไปกับเพลงกระบี่โฉบเฉี่ยว ร่ายไหวเป็นคลื่นพลังไหลละลอก
สองเงาร่างเหินห้าวกลางฟ้า โฉบเฉี่ยวตวัดวาด บ้างผลักไสชนปะทะ บ้างเคลื่อนขยับหลบสภาวะปราณ ราวสองปักษาทรงพลังโรมรัน
ดุจดั่งฟ้าสะเทือนดินสะท้าน ผนังหินแตกร้าวเป็นสาย ไล่เรียงไปทั้งโพรงถ้ำ
จนหินน้อยใหญ่ต่างร่วงหล่นกระทบเข้ากับร่างอรชร ที่กำลังกลัวจนตัวสั่นระริกไหว
ดรุณีน้อยไม่เคยพบประสบกับวรยุทธพิสดารปานนี้ ที่นางเห็นเพียงเงาวูบๆวาบๆ ไหวไปมาในอากาศ โดยไม่อาจมองสองเซียนได้ถนัดชัดตา ที่รู้สึกสัมผัสแจ่มชัด คือแรงลมที่คลาคล่ำ กับเศษกรวดหินที่ปลิวกระเด็นลงมากระทบตัว
กระทั่งนางพบว่ามีแท่งหินก้อนใหญ่บนศรีษะ กำลังปริแตกใกล้ร่วงหล่นใส่นางเต็มที
แต่แล้วเมื่อหินถล่มร่วงลง ร่างนางพลันถูกอุ้มประคองให้ถอยห่างจากการแหลกลาญไปชั่วลัดนิ้วมือ
" พี่ชุนชิว ! "...
นางหวีดร้องสุดเสียง เมื่อพบว่าตนอยู่ในวงแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม ดวงตาสีเทาอ่อนกับรอยยิ้มอบอุ่นที่นางเห็น ดั่งสายน้ำเย็นชื่น รวยรินผ่านร่างให้กระปรี่กระเป่าขึ้นมาทันใด
" ใบหน้าข้ามีอะไรติดอยู่รึ ถึงได้จ้องมองไม่วางตา ? "...มันยังกล่าวเริงเล่น ขณะสะบัดดัชนีคล้ายจุดให้นาง
" ฮีอ ฮีอ ฮีอ….พี่ชุนชิว พี่ชุนชิว !...ข้าหวาดกลัวเหลือเกิน ท่านทอดทิ้งให้ข้าอยู่ลำพังได้อย่างไร…ฮือ ฮือ ฮือ…"
คราวนี้เด็กสาวไม่ต่อปากต่อคำ นางโผเข้ากอดคอ น้ำตาคลอไหลอาบสองแก้ม ร่ำร้องดั่งเด็กน้อยถูกลงทัณฑ์
จะอย่างไรนางยังอายุเยาว์วัย แม้จะมีกำลังขวัญเทียมฟ้า ก็ไม่สามารถรับสภาวะกดดันที่รายล้อมขนาดนี้
ฮุ้นชุนชิวได้แต่ลูบหัวนางแผ่วเบา ไม่คิดยัวเย้าใดๆอีก
แต่แล้วความหวาดกลัวของเด็กสาว พลันเพิ่มเป็นเท่าทวี เมื่อทั้งเพดานถ้ำได้ถล่มทลายลง
ก้อนหินนับร้อยพลันตกเข้าใส่ร่างทั้งคู่ คล้ายกับโลกกำลังพังทลาย
" วั า ย ย !!!!! "...
เด็กสาวร้องเสียงหลง ขณะฮุ้นชุนชิวโอบลัดนางนอนลง ใช้ทั้งร่างปกป้องนางจากหินแข็งกระด้างที่หลากไหลใส่
ทั้งหิน ทราย ผงธุรี กลืนตลบทั่วกายทั้งคู่ จนมีแต่ความมีดมนอลธกาล ไร้สิ้นหนทางออกใดๆ…