อลธกาลในเงาใจ

3009 Words
ในม่านหมอกเลือนสลัว สรรพสิ่งล้วนปกคลุมด้วยไอยะเยือกเป็นสายละอองบางสีขาวขุ่น รูปเงาแปลกประหลาดเดินฝ่าม่านยะเยือกเย็นเงียบกริบ หนึ่งชายหนุ่มที่แบกชายร่างเล็กไว้บนหลัง เห็นเป็นเงาสูงใหญ่ผิดรูปผิดร่างพิสดารนัก เพิ่มเติมความประหลาดพิกล เมื่อยังมีเด็กสาวแต่งกายเป็นบุรุษเดินเคียงข้างพวกมัน นางสะพายห่อผ้าใบใหญ่ของชายชุดเขียว มือหนึ่งถือกังหันลมเด็กเล่น อีกมือกำด้ามกริชไว้แน่น " เจ้าไม่กลัวภยัตรายหรือไร เหตุใดยังตามพวกข้าพเจ้ามา ? " ชายหนุ่มถามเสียงแผ่ว โดยไม่ได้หันหน้าไปมองนางด้วยซ้ำ " ชิ !...เจ้าก็พูดเป็นพวกเล่นปาหี่ไปได้ เจ้าพาข้าลงเหวมาเป็นสิบลี้ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วข้าจะหาทางกลับบ้านได้อย่างไรล่ะ ! " " ฮิ ฮิ ฮิ …ให้ข้าผิวปากเรียกนกกระเรียนบินไปส่งท่านดีหรือไม่ ? "... " ยังจะมาล้อเล่นอีก เจ้าไม่รักษาคำพูดว่าจะไปส่งข้า ซ้ำยังมาลักขโมยเรียกชื่อข้าโดยไม่ขออนุญาติด้วยซ้ำ เจ้านับเป็นคนโฉดน้อยโดยแท้ ! " เด็กสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซน ประกายตาวับวาวราวได้หยอกเย้ากับสหายสนิท " อ้อ !...ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าสมควรกระทำเช่นใด จึงจะหลุดพ้นการเป็นคนโฉดเล่า ? " ชายหนุ่มกล่าวระรื่น รู้สึกแช่มชื่นขึ้นอักโขเมื่อได้พูดคุยกับนาง " อย่างแรก…เริ่มจากชื่อเจ้าก่อน หากเจ้าตายไปข้าจะได้เขียนชื่อหน้าหลุมศพให้ " " เพียงแค่นี้ก็เป็นคนดีแล้วรึ ง่ายดายยิ่ง !..." ชายหนุ่มแย้มยิ้มพริ้มพรายตอบด้วยความสุขยิ่ง " อาจารย์พบเจอข้าในหมู่บ้านที่ถูกไฟสงครามเผามอดไหม้ มีเพียงข้าที่รอดอยู่ในซากปรักหักพัง ท่านว่าข้าเป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิหลังฤดูใบไม้ร่วงผ่านพ้น ท่านเลยเรียกข้าว่า ชุนชิว ( ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง ) ตั้งแซ่ให้ว่า ฮุ้น..(เมฆ ).." " เชอะ !...ง่ายไปมั้งเจ้าเมฆสองฤดู มีอีกสิ่งเจ้าต้องตอบข้าก่อน จึงจะนับเป็นคนดีได้ "...นางกล่าวพลางยื่นกังหันลมในมือชูขึ้น " เจ้าโตป่านนี้แล้ว ยังจะพกพากังหันเด็กเล่นไปให้ผู้ใด หรือเจ้าแอบซุกซ่อนบุตรตัวน้อยไว้ ? " " ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ทารกทุกคนล้วนชื่นชอบของเล่น เหตุใดต้องให้เฉพาะบุตรตนเองเล่า ? ….หากเจ้าชื่นชอบข้ามอบให้ท่านไว้เล่นดีหรือไม่ " " เอะ !...นี่เจ้าเห็นข้าเป็นทารกหรือไร ? " นางหยุดยืนเท้าสะเอว เขม่นมองตาขวาง เป็นอากัปกิริยาที่ดูเป็นเด็กน้อย ไม่ต่างจากคำนางเลย แม้แต่นักพรตร่างเล็กที่อยู่บนหลังฮุ้นชุนชิวยังลอบระบายยิ้ม รู้สึกเอ็นดูนางไม่น้อย " แค๊ก แค๊ก แค๊ก…พวกเจ้าสองคนระวังตัวไว้ พวกมันอยู่ใกล้เรามากแล้ว " นักพรตเตี้ยเรียกสติทั้งคู่ กลับสู่สภาพแวดล้อมรอบตัวอีกครั้ง เบื้องหน้าพวกมันได้ยินเสียงน้ำตกอยู่ไม่ไกล ทั้งหมดจึงเร่งฝีเท้าไปหลบมอบอยู่โขดหินใหญ่ ก่อนจะชะโงกหน้าเหลือบมองไปยังธารน้ำตก ที่อยู่ห่างไปเกือบครึ่งลี้ ที่เชิงผาอันมีน้ำตกหลากไหลเป็นสาย เบื้องล่างเป็นแหล่งน้ำเย็นใสที่สะท้อนเงาผู้คนหลายสิบชีวิต ที่เรียงรายอยู่บนเนินดิน โดยมีชายชุดดำคลุมหน้าตากุมอาวุธคมกริบ คอยยืนกระจายคุมเชิงอยู่ทั่วทั้งบริเวณ พวกมันมีรวมสามสิบคน มีอยู่ห้าหกคนที่ยืนคุมเชิงหน้าปากถ้ำ มีสิบกว่าคนยืนรายล้อมกลุ่มนักพรต ที่ถูกมัดมือไขว่หลังนั่งอยู่อย่างท้อแท้ทอดอาลัย เหล่านักพรตที่ถูกพันธนาการ มีอยู่ห้าคนสวมชุดเทาเหมือนนักพรตเตี้ยที่บาดเจ็บ พวกมันล้วนเป็นนักพรตจากขุนเขาซงซาน มีเซียนคฤธรศักดิ์สิทธิ์เป็นปรมาจารย์จ้าวลัทธิ ส่วนนักพรตอีกสี่คนที่ถูกมัดอยู่ข้างๆ สวมชุดขาวราวหิมะ พวกมันเป็นศิษย์ของเซียนมัจฉาหยกขาว ผู้ปราดเปรื่องแห่งไท้ซาน โดยนักพรตที่มีจำนวนมากที่สุดอยู่ในชุดสีครามหม่นๆ จำนวนสิบกว่าคน ล้วนเป็นศิษย์ของเซียนกวางเนตรทอง อันมีชุมชนพรตอยู่แถบขุนเขาฮัวซาน ที่ขาดอยู่เพียงศิษย์ของเซียนกระเรียนมรกต ซึ่งทั่วหล้าล้วนล่วงรู้ว่าเซียนวิเศษผู้นี้ลี้ลับพิสดาร ไม่เคยรับศิษย์คนใดในรอบห้าสิบปี จวบจนมันอายุได้เก้าสิบจึงได้รับฮุ้นชุนชิวเป็นศิษย์คนเดียวในชีวิต แม้แต่เซียนวิเศษยังปราถนามีผู้สืบทอดวิชาเมื่อถึงยามไม้ใกล้ฝั่ง ทั้งสี่เซียนล้วนเห็นค่าของวิชาวิเศษเฉกเช่นเดียวกัน จึงได้เกิดทำเนียมการชุมนุมแลกเปลี่ยนวิชากันในทุกสิบปี ผ่านการชุมนุมวิจารณ์วิชามาสามครั้ง ทั้งสี่เซียนดูจะยิ่งเพิ่มสติปัญญาเหนือล้ำเกินขีดจำกัด ตราบกระทั้งเกิดเหตุแปรปรวน จากการคุกคามของกลุ่มคนลึกลับลอบวางยาพิษ จนทั้งสี่เซียนต้องเตลิดหนีเข้าถ้ำม่านน้ำ โดยเหล่าศิษย์ของพวกมันต่างถูกพันธนาการไว้หน้าถ้ำ เพื่อบีบคั้นให้ทั้งสี่เซียนยินยอมจำนน " เป็นพวกมันศิษย์เขาไท้ซานนั้นเอง ที่กระทำการชั่วช้านี้ แค๊ก แค๊ก แค๊ก…" นักพรตเตี้ยชักสีหน้าขุ่นเคือง กระชากเสียงแหบพร่ามองข้ามโขดหินไปยังกลุ่มชายชุดดำที่หน้าถ้ำ " เอะ !...ทำไมท่านว่าเช่นนักเล่าท่านพี่ ? " ฮุ้นชุนชิวกระซิบกระซาบถามด้วยความสงสัย " เจ้าดูนั้นซิ !..." นักพรตเตี้ยชี้นิ้วไปยังแผ่นหินหนาข้างน้ำตก ซึ่งมีเกร็ดสีขาววิบๆวับ ๆ โดยมีแปดคนชุดดำผสานมือถ่ายเทพลังไปยังแท่งหินประหลาดนั้น สิ่งที่ปรากฏคือไอสีขาวลอยเป็นใยละล่องออกจากแท่งหิน " ที่แท้หินนั่นเป็นตัวการสร้างหมอกมายานี่เอง !...ประหลาดจริง !..." เด็กสาวมองตามนักพรตเตี้ย แล้วต้องร้องออกอย่างแปลกประหลาดใจ " ศิลาไอสวรรค์ เป็นธาตุที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า สี่สิบปีก่อนเซียนมัจฉาหยกขาวได้ค้นพบศิลานี้ในแดนหุยเป่ย ต่อมาจึงให้กำเนิดวิชาหมอกมายา จากการแผ่พลังวัตรให้หินปลดปล่อยไอเย็น…ที่พวกเราประสบคือหมอกมายาพรางตา คนที่ทำเช่นนี้ได้จะมีใครได้อีกเล่า ! " " เอะ !...คนร้ายลงทุนปลอมแปลงเป็นลัทธิมณีกีขนาดนี้ เหตุใดใช้วิชาเฉพาะของสำนักตนให้คนอื่นจับได้ มันออกจะขัดแย้งไปหน่อยนะ " ฮุ้นชุนชิวคิดตามไปกับสิ่งที่เด็กสาวกล่าว รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของสิ่งที่เห็น แตกต่างจากนักพรตเตี้ย ที่ขมวดคิ้วขุ่น รู้สึกไม่พอใจเด็กสาวออกนอกหน้าชัด " เด็กน้อย !...สถานการณ์เป็นตายเช่นนี้ ไม่ควรให้เด็กน้อยมาล้อเล่นหรอกนะ เจ้าอย่าได้กล่าวเลื่อนลอยไป ! "...นักพรตเตี้ยดุเสียงเขียว ทว่าเด็กสาวกลับหัวเราะคิกๆ คักๆ ตอบโต้ไปด้วยแววตาวาวโรจณ์ " ข้าหาได้ล้อเล่นนะท่านนักพรต ที่ท่านไม่เห็นสิ่งใดชัดเจน เพราะเมฆหมอกมันบดบังตาท่านอยู่กระมั้ง หากข้าพเจ้าสามารถทำให้หมอกสลายไปในพริบตา ท่านจะยินยอมเชื่อถือข้าพเจ้าหรือไม่ ! "... " เด็กน้อยเจ้าอย่าได้คะนองวาจาไป วิชาหมอกไอสวรรค์ไม่ใช่ของเด็กเล่นหรอกนะ เจ้าจะทำลายมันได้อย่างไร ? " " ไม่เพียงสลายหมอกมายา ข้าพเจ้าจะเผยโฉมหน้าคนทรยศให้ท่านเห็น หากพี่ชุนชิวให้ความร่วมมือสักเล็กน้อยเท่านั้น " ทั้งคู่หันมองหน้าฮุ้นชุนชิว โดยมีสีหน้าที่แตกต่างไปคนละทาง นักพรตเตี้ยมองมันด้วยแววตาดุดัน ส่วนเด็กสาวโปรยยิ้มหวานไปด้วยแววตาซุกซนยิ่ง " นี่พวกท่านถามความสมัครใจข้ารึยัง ว่าอยากกระทำตามพวกท่านหรือไม่ ? " " เรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้ ท่านจะใจจืดใจดำไม่แก้ไขสถานการณ์เลยรึ ?..." อู่จ้าวกล่าวเสียงยานคาง ใส่จริตเกินอายุไปหลายขวบปี " น้องชายแซ่ฮุ้นท่านกระทำตามมันบอกเถิด ข้าอยากรู้นักว่าเด็กน้อยไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างมัน จะมีวิธีใดต่อกรกับเซียนมัจฉาหยกขาว " " แหม !...พวกท่านพูดกันสักขนาดนี้ ผู้น้อยจะกล้ากล่าวปฏิเสธได้อีกหรือ ! " " คิก คิก คิก …พี่ชายจะได้เจอเรื่องสนุกสุดคาดเดาเชียวล่ะ ข้ารับรองได้ " ดรุณีน้อยหัวเราะคิกๆคักๆ ก่อนจะกระซิบกระซาบที่ข้างหู ด้วยแววตาซุกซนปนเจ้าเล่ห์ ราวจิ้งจอกน้อยหยอกเย้าเหยื่อเล่น…. ….ในบรรยากาศอันเยียบเย็น พลันบังเกิดสายลมร้อนผ่าววูบไหวในอากาศ ไอร้อนแผ่สยายแหวกม่านหมอกออกเป็นสาย แผ่กระจายวงกว้างขึ้น กว้างขึ้น ไอร้อนอบอ้าวพวยพุ่งมาทุกทิศทุกทาง จนสายหมอกเจือจางเป็นใยบาง เปลวไฟอันร้อนเร่ากำลังขับไล่ไอยะเยือกไปไว ดั่งราตรีหวาดกลัวแสงอาทิตย์ก็ไม่ปาน " เกิดไฟป่าขึ้นหรือไร ?...พวกเจ้ารีบออกไปดูโดยไว ! " ชายชุดดำร่างกำยำที่ยืนอยู่หน้าปากถ้ำ รีบตะโกนสั่งเหล่าพวกพ้องทันทีที่เห็นเหตุเปลี่ยนแปลง ทำให้หกชายชุดดำวิ่งตะบึงไปตามแสงไฟ ที่โพลงสว่างทางทิศเหนือ แต่แล้วพวกมันกลับต้องตื่นตระหนกตกใจกว่าเก่า เมื่อเห็นแสงไฟสว่างโล่มาทุกทิศทาง " พวกเจ้ารีบกระจายไปดับไฟโดยไว ! "... คำสั่งกร้าวเร่งเร้าเข้าไปในใจเหล่าชายฉกรรจ์ชุดดำ ให้วิ่งแยกย้ายไปหลายทิศทาง … สี่ชายชุดดำที่ตะบึงวิ่งไปทางทิศใต้ ต้องแตกตื่นเมื่อพบว่ามีไฟเผาล่นต้นไม้ใหญ่ ก่อเกิดเป็นต้นไม้เพลิงอันตื่นตา " นี่ไม่ใช้ไฟป่า มีคนจงใจก่อกวนพวกเรา "...หนึ่งชายชุดดำตะโกนลั่น พร้อมเพรียงกับคว้ากิ่งไม้ที่มีใบไม้ปรกหนาตรงเข้าฟาดดับไฟ ทั้งสี่รีบเร่งฟาดดับไฟ ทว่าพวกมันพลันต้องหยุดชะงักแข็งค้าง เมื่อปรากฏรูปเงาเขียวขจีโลดละลิ่วเข้ามา ตรงเข้าสกัดจุดพวกมันรวดเร็วดั่งสายลมโชย วิชาดัชนีอันแฝงไว้ด้วยพลังวัตรกล้าแกร่ง ได้เลื่อนไหลเข้ามาจี้สกัดทางเดินชีพจร จนทั้งสี่ชายชุดดำนิ่งสนิทเหมือนก้อนหินใหญ่ไร้ชีวิตชีวา " ต้องล่วงเกินแล้ว ….พวกท่านสงบใจอย่าได้ก่อกรรมทำเข็ญอีกเลย " ฮุ้นชุนชิวผสานมือคารวะ พลางแหงนหน้าไปยังแสงไฟรอบบริเวณ ในใจคิดชื่นชมเด็กน้อยแซ่อู่ขึ้นมาทันทีทันใด การใช้ความร้อนสลายม่านหมอกนับว่าหมดจรดงดงามนัก ที่ประเสริฐกว่าคือการแบ่งแยกชายชุดดำ แล้วโจมตีเป็นกลุ่มย่อยๆ ศัตรูย่อมลดจำนวนน้อยลง นับเป็นการยิงทีเดียวได้นกสองตัวโดยแท้ " เจ้าเด็กน้อยแซ่อู่นับเป็นอัจฉริยะปีศาจโดยแท้ ถ้าทำให้มันโกรธเคือง. เกรงว่าเราจะเดือดร้อนแล้ว " ฮุ้นชุนชิวยิ้มกรุ่มกริ่มกับตัวเอง ขณะโลดแล่นไปตามแสงไฟ …มันยังเหลือผู้คนอีกหลายคนที่ต้องสยบไว้… เช่นเดียวกับนักพรตเตี้ยกับอู่จ้าว ที่มีภาระสำคัญไม่ยิ่งย่อนไปกว่าฮุ้นชุนชิวนัก เมื่อคนทั้งคู่พบว่าเหล่าชายชุดดำเริ่มลดจำนวน จนเหลือเพียงหกคนหน้าปากถ้ำ มีสี่คนนั่งประกบฝ่ามือกับศิลาไอสวรรค์ นั้นหมายความว่ายังเหลือเพียงสองคนที่นักพรตเตี้ยต้องปะทะด้วย " เจ้าเด็กน้อย เดี๋ยวข้าพเจ้าจะไปถ่วงเวลาไอ้สองคนนั้น เจ้าเร่งรีบไปแก้มัดให้พวกพ้องข้าเถิด " " คิก คืก คิก…ท่านรักษาชีวิตไว้ดีๆเล่าท่านนักพรต ข้ายังไม่ได้รับรางวัลในการคิดแผนการณ์เลยนะ " " เหอะ !...เจ้าเด็กละโมบ !...รีบเร่งเข้าเถิด !..." ซุ่มเสียงแหบแห้งสุดท้าย จางหายไปกับร่างเล็กสันทัดที่โผผินลงจากเชิงผา พร้อมกับกระบี่ที่กวัดแกว่งในมือ ตรงเข้าหาสองชายชุดดำ พลันนั้นหนึ่งกระบี่สองห่วงคมตรงเข้าปะทะหักหาญ จนประกายไฟแลบแปลบจากปลายอาวุธ มากับเสียงโลหะกระทบดัง เชิ้ยง เชิ้ยง… ท่วงท่าของนักพรตเตี้ยแม้จะเชื่องช้าเทอะทะ แต่พลังวัตรเปี่ยมล้นที่ปกคลุมกาย พอจะต้านทานสองอาวุธของชายฉกรรจ์ได้โดยไม่เพลี่ยงพล้ำ ซึ่งพอจะถ่วงเวลามากพอ ที่จะให้ดรุณีน้อยปีนลงจากเชิงผาด้วยความลำบากยากเย็น กระทั้งลงมายังเนินดินเบื้องล่าง จึงรีบชักกริชออกจากฝัก แล้วตรงเข้าตัดเชือกมัดมือให้นักพรตในชุดครามทั้งห้า " เด็กน้อย !...เหตุใดเจ้าไม่ปลดปล่อยพวกพ้องข้าก่อน ! " นักพรตเตี้ยตะโกนลั่น เมื่อเห็นผู้ที่พ้นพันธนาการล้วนเป็นนักพรตจากเขาฮัวซานทั้งสิ้น " อ้อ..อ้อ…ต้องปล่อยพวกพ้องท่านก่อนซินะ " นางยังพูดซุกซนพร้อมกับวิ่งไปตัดเชือกให้นักพรตชุดขาวอย่างว่องไว ทำเอานักพรตเต้ยตื่นตะลึงกว่าเก่า เพราะพวกพ้องมันล้วนสวมชุดเทา เหตุใดนางจึงไม่เหลือบแล ทว่านักพรตเตี้ยไม่ทันได้ร่ำร้องถาม เหล่านักพรตชุดครามกลับเร่งรุดกระโจนเข้าใส่นักพรตเตี้ยกับสองชายชุดดำ อย่างเกรื้ยวกราดดุดัน " นักพรตโฉดคิดจะใช้กลร้ายอันใดอีก ? "...หนึ่งในนักพรตชุดครามป่าวร้อง พร้อมถาโถมฝ่ามือใส่ ทำให้นักพรตเตี้ยกลับวกกระบี่เข้าต่อต้านโดยพลัน " คิก คิก คิก…ท่านเป็นคนร้ายจริงๆด้วยนักพรตเตี้ย ข้าพเจ้าคาดเดาไม่ผิดจริงๆ " เด็กสาวหัวเราะเสียงใส ขณะเร่งมือตัดเชือกให้เหล่านักพรตที่เหลือ " เจ้าเด็กปีศาจ เจ้าหลอกลวงข้างั้นรึ ! " นักพรตเตี้ยตวาดกร้าว เคล้าเข้ากับเพลงกระบี่กรีดเฉือนผ่านนักพรตชุดคราม ทะยานโลดแล่นเข้าหาเด็กสาว แต่นักพรตชุดขาวที่เพิ่งเป็นอิสระ ได้เข้าปะทะขวางหน้า พร้อมเพรียงกับเหล่านักพรตชุดเทาที่ถูกมัดอยู่ ได้กระโจนขึ้นจากพื้นทั้งสิบคน แล้วตรงเข้าตะลุมบอลวาดมือเตะเท้า กับนักพรตค่ายอื่นเป็นพัลวัล " แผนแกล้งบาดเจ็บแบบนี้ข้าเล่นมาตั้งแต่8ขวบแล้ว ยิ่งแผนใส่ร้ายผู้อื่นนี่ข้าเปิดโปงแม่บ้านคนเก่าของบ้านข้ามาตั้งแต่สิบขวบ เจ้ามาเล่นลูกไม้ผิดคนแล้วนักพรตเตี้ย "...เด็กสาวกล่าวปากกล้า ทั้งที่ถอยตัวห่างการประลองโดยกำกริชไว้ด้วยมือสั่นระริก หากยังสั่นระรัวไม่เทาคมกระบี่ในมือนักพรตเตี้ย ที่เริงร่ายกระบวนท่าด้วยโทสะพวยพุ่ง ยิ่งได้ยินคำเหยียดหยันเสียดแทงใจ มันยิ่งกระหน่ำเพลงกระบี่ไปกับพลังวัตรอันคับแค้นแน่นอก ในใจมันเดือดดาลกับเหตุเปลี่ยนแปลง ที่เด็กสอดแทรกมา แผนกลลวงที่มันคิดคร่ากุมตัวฮุ้นชุนชิวกลับแปรเปลี่ยน จนสถานการณ์พลิกผลันไป ล่วงรู้กันทั้งสี่ขุนเขา ว่าศิษย์ของเซียนกระเรียนมรกตจัดเป็นอัจฉริยะวิชากระบี่มาตั้งแต่วัยเยาว์ นักพรตเตี้ยเคยพบฮุ้นชุนชิวเมื่อครั้ง10ขวบ ยังพบว่ามันใช้เพลงกระบี่ได้พิสดารลึกล้ำ เกินนักพรตหลายเท่าตัว ฮุ้นชุนชิวเป็นที่ครั่นคร้ามกว่าผู้ใดในบรรดาศิษย์สี่ขุนเขา จนนักพรตเตี้ยสู่อุตส่าห์วางแผนล่อลวงจับกุมมันอย่างแยบยล คิดไม่ถึงเด็กน้อยแซ่อู่ จะมาฉีกกระชากกลอุบายมันสิ้น มีรึนักพรตเตี้ยจะไม่ร้อนเร่า เร่งกระบวนท่าฆ่าฟันตรงเข้าหาดรุณีน้อยราวพายุเพลิงโหมกระพือ มันสะบัดกระบี่บาดเฉือนสองนักพรตชุดขาวจนเลี่ยงหลบทาง ก่อนจะพวยพุ่งทะยานเข้าใส่อู่จ้าวโดยไร้ปรานี " แย่แล้ว…แย่แล้ว…! "... ดรุณีน้อยแตกตื่นกับประกายกระบี่ที่วิบวับเข้าใส่ นางทั้งถอยหนีทั้งยกกริชขึ้นขวางสะเปะสะปะ สุดหวาดหวั่น… เพียงเสี้ยวอีดใจก่อนกระบี่จะกรายกล้ำถึงตัว วงแขนนางพลันปรากฏพลังวัตรแปลกประหลาดสอดแทรก ผลักส่งให้นางยกกริชขี้นปะทะคมกระบี่กร้าว กริชในมือนางปัดป่ายไปสามกระบวนท่าตามติด ก่อนนางจะพบว่าที่ข้อมือนางมีอุ้งมืออบอุ่นเข้าคว้ากุม แล้วบังคับให้แกว่งไกวรับทุกท่วงท่าคมอาวุธร้าย ดั่งมัจฉาเวียนว่ายในสายน้ำ " พี่ชุนชิว ! " นางอุทานปลาบปลื้ม แววตาพราวน้ำใสเอ่อคลอมองใบหน้าคมสัน ด้วยใจที่เต้นระทึกโครมคราม " เจ้าจะจ้องหน้าข้าให้ละลายไปเลยหรือไรน้องชาย ! "... ฮุ้นชุนชิวกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส พร้อมกับกุมมือนางให้ตวัดกริชร่ายรำเพลงกระบี่อย่างผ่อนคลาย ไร้ความกังวล หากผ่านเพียงลัดนิ้วมือ ชายหนุ่มกลับประกบร่างเข้าใกล้ ใช้มือโอบเอวบาง แล้วพานางทะยานไปในกระบวนรุกไล่ จนนักพรตเตี้ยมือไม้ปั่นป่วน วกกระบี่ตั้งรับอย่างหวาดหวั่น แต่แล้วกริชสั้นในมือนางพลันเริงร่ายคล่องแคล้ว สะบัดกริชเบี่ยงทิศ ก่อนจะส่งพลังแทงตรงเข้าหัวไหล่นักพรตเตี้ยจ่มลึกเข้าไปครึ่งด้าม " อ๊ า ก ก ก ก…! " นักพรตเตี้ยร้องร่ำเจ็บปวด พลางกระโดดล่าถอยลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้น พร้อมเพรียงกับเหล่าชายชุดดำกับนักพรตชุดเทาได้ดาหน้า เข้าหาคู่หนุ่มสาวเตรียมตัวกุมรุม " น้องชาย เจ้าไม่อาจรวมเล่นได้อีกแล้ว !... ข้าคงต้องหยิบยืมกริชเจ้าสักครู่ ท่าทางพี่ชายพวกนี้จะเล่นกันดุดันไม่น้อย " ฮุ้นชุนชิวกล่าวพลางดึงกริชออกจากมือนาง แล้วจับไหล่ให้อู่จ้าวเคลื่อนขยับไปด้านหลัง โดยมันยังไม่วายประสานมือคารวะ กับเหล่าชายเหี้ยมหาญที่กระเหี้ยนกระหือรือเตรียมโรมรัน " ยังจะมากมารยาทอีกพี่ชุนชิว รีบลงมือเถิด ประเดี๋ยวได้ตายกันหมดหรอก ! "...เด็กสาวร้องเร่าๆ ส่วนชายหนุ่มยังแย้มยิ้มตอบรับ ไร้แววกังวลใดในแววตา " ทุกชีวิตต้องตกตายอยู่แล้วน้องชาย หากแต่ไม่ใช้วันนี้หรอก ! " เสียงมันพุ่งผ่านไปกับรูปเงาเขียวอ่อน ทะยานใส่ชายเหี้ยมหาญราวลูกศรหลุดจากแหล่ง…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD