บทที่ 5 ไม่คุ้นเคย

1585 Words
โรงพยาบาล N เวลา 20.00 “มัวทำอะไรอยู่รีบออกมาเร็วๆ จะได้นอน”วาโยตะโกนเสียงดังเข้ามาทำให้ฉันที่ยืนส่องกระจกในห้องน้ำอยู่นิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดบางทีฉันอาจตัดสินใจผิดก็ได้ที่เลือกช่วยเขาและคิดจะให้เขามาอยู่ด้วยนี่อยู่กับเขามาสามชั่วโมงฉันก็จะเป็นประสาทอยู่แล้ว จะนอนก็นอนไปสิ! “เดียน่าออกมาได้แล้ว..เธอตกส้วมตายแล้วหรอวะ” ไอ้คนปากเสีย!ที่ฉันยังไม่ออกไปก็กะจะให้เขานอนก่อนไงฉันไม่คุ้นกับการนอนกับคนแปลกหน้าถึงจะนอนเตียงเล็กสำหรับญาติผู้ป่วยก็เถอะ! “ง่วงก็นอนไปสิ” ฉันจะโกนบอกเขาจริงๆ ท้วงเวลาไม่อยากออกไปตอนนี้ “ถ้าไม่ออกมาฉันพังประตูเข้าไปแน่” เขายังไม่ยอมหยุดทำให้ฉันต้องรีบเปิดประตูออกไปท่าทางอันธพาลแบบเขาเกิดพังเข้ามาจริงคนซวยมันฉันแน่นอน “ออกแล้วๆ” ฉันรีบออกมาจากห้องน้ำอย่างไวก่อนจะมองแรงเขาไปหนึ่งทีแต่เขากลับยกยิ้มให้แปลกๆ “โอ๊ะ ชุดนอนสีชมพูลายหมีน้อยของเธอนี่มันอะไรกัน..โตขนาดนี้แล้วยังใส่เหมือนเด็กอีก” “นายสิเด็กคนที่โตแล้วเขาไม่มาล้อเลียนเสื้อผ้าคนอื่นหรอก” ฉันพูดพลางนั่งลงบนเตียงนอนของตัวเองสายตาจับจ้องมองตอบเขาอย่างไม่ชอบใจ “ล้อเลียนที่ไหนแค่จะบอกว่า..เธอใส่ชุดนี้ก็เร้าใจเหมือนกันนะโอ๊ย!” “ไอ้บ้าจะนอนก็รีบนอนไป!” สาบานเลยว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโกรธใครเท่าเขาเลยนะคำพูดคำจาลามกที่สุดรับไม่ได้! “ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นใครเขาจะคิดอกุศลแบบนั้นกัน” “ก็นายไม่ใช่หรอที่พูดเมื่อกี้น่ะ” “งั้นขอถอนคำพูดแล้วกัน” เขาหัวเราะชอบใจก่อนจะล้มตัวลงนอน “เฮอะ!” ฉันเบะปากใส่ก่อนจะเดินไปปิดไฟและล้มตัวลงนอนบนเตียงซึ่งวางขนานกันกับเตียงของเขาเลยพอวาโยนอนลงบนเตียงและหันหน้ามาทางฉันทำให้เราสองคนสบตากันอย่างเลี่ยงไม่ได้ นัยน์ตาคมเรียวดูร้ายกาจมองฉันไม่วางตาจนฉันต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาและพลิกตัวหันหลังให้เขาไปพร้อมกับหัวใจเจ้ากรรมที่เต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ ตั้งแต่เด็กจนโตมาอายุ 21 ปี ยังไม่เคยมีใครสั่นคลอนหัวใจฉันได้มากขนาดนี้มาก่อนเลยอยู่กับเสือก็ต้องระแวงบ้างละยิ่งเขาร้ายกาจแบบนี้ฉันคงต้องระวังหัวใจตัวเอง “ฝันดี” เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางความมืดทำให้ฉันที่กำลังข่มตาต้องเบิกตากว้างและตอบกลับไป “อืม ฝันดีนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนตอบกลับมาทำให้ร่างสูงที่นอนเหงาคนเดียวมาสองสามคืนเผลอยกยิ้มมุมปากสายตาทอดมองแผ่นหลังเล็กเนิ่นนานก่อนจะข่มตาให้หลับตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาวันนั้นและไร้ความทรงจำเขาสาบานเลยว่าทุกอย่างมันมืดมนไปหมดจนกระทั่งการมาถึงของเธอและหมอบอกว่าเธอช่วยชีวิตเขาถึงจะระแวงแต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่อย่างน้อยก็มีเธอเข้ามาในชีวิตมืดมนไร้หนทางของเขา เวลา 9.00 ใบหน้าบึ้งตึงของคนป่วยทำให้หมอและพยาบาลถอนหายใจทุกครั้งที่เข้ามาตรวจวาโยชายหนุ่มไม่เคยให้ความร่วมมืออะไรเลยถามคำก็ตอบคำแต่วันนี้ดีหน่อยเพราะเขากำลังจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว “เดี๋ยวหมอจะจ่ายยาให้ทานควบคู่ไปด้วยนะครับ แนะนำให้พาคนป่วยไปใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ จะช่วยให้รื้อฟื้นความทรงจำได้ครับ” “ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ” ฉันยกมือไหว้และขอบคุณคุณหมอก่อนจะออกมานั่งรอรับยาระหว่างนั้นเลยหันไปมองวาโยที่เอาแต่เงียบ “นาย..วาโย..เป็นอะไร” “ฉันแค่กำลังคิดว่า..ถ้าเกิดความทรงจำของฉันไม่กลับมาล่ะ” วาโยพูดขึ้นมาแผ่วเบาก่อนจะเลื่อนสายตามาสบกับดวงตากวางของเธอ “แต่ฉันมั่นใจว่าความทรงจำนายต้องกลับมาแน่”ฉันฉีกยิ้มอย่างให้กำลังใจ “เธอมั่นใจขนาดนั้น” วาโยเลิกคิ้วถาม “แน่นอนสิพอนายไปเรียน..นายอาจจะจำเรื่องราวเหล่านั้นได้ฉันจะช่วยนายเอง” “หึ เชื่อเธอก็ได้” “อืม” ฉันมองรอยยิ้มมุมปากของเขาแล้วอดชื่นชมในใจไม่ได้ถึงแม้รอยยิ้มจะดูร้ายไปหน่อยแต่ก็ไม่สามารถบดบังความหล่อของเขาได้เลย คนมันหล่อเนอะ ไม่ว่าจะทำยังไงก็หล่อ! “นั่งรอตรงนี้นะ ฉันจะไปจ่ายเงินก่อน” “อืมรีบไปรีบมา!” เนี่ยลูกผู้ชายตัวจริงไม่มีพูดสักคำว่าเดี๋ยวคืนให้หรือขอยืมก่อนนอกจากออกคำสั่งแล้วก็ออกคำสั่ง! ท่าทางฮึดฮัดของเดียน่าตกอยู่ในสายตาของเขาตลอดจะให้ทำยังไงก็เขาไม่อยากอยู่คนเดียวนานๆ นี่ส่วนเรื่องเงินแน่นอนถ้ากลับคืนสถานะได้เขาจะคืนให้เธอเป็นพันเท่าเลยละ “เสร็จแล้วเดี๋ยวแวะห้างก่อนนะ” ฉันเดินกลับมาหาเขาก่อนจะเดินนำออกจากโรงพยาบาล “ห้าง?” “อือ ก็ซื้อเสื้อผ้าและของใช้ของนายไง..นายคงไม่ใส่ชุดนี้ทุกวันหรอกถูกไหม” ฉันไล่สายตามองเสื้อยืดสีดำแขนสั้นกับกางเกงยีนสีเข้มเป็นชุดที่เขาใส่ในวันที่อุบัติเหตุ..อ๋อ!ยังมีเสื้อช็อปสีดำของเขาในกระเป๋าของฉันด้วย “อืม งั้นไปกัน” พวกเราใช้เวลาเดินทางมาที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ใกล้บ้านและฉันเคยมาเดินแล้วสมัยเรียนมัธยมก็มาเรียนพิเศษเสาร์อาทิตย์ที่กรุงเทพฯบ่อยๆ เลยคุ้นเคยบ้าง ห้างขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าร่างสูงจ้องมองอยู่เนิ่นนานพยายามค้นในความทรงจำว่าเขาเคยมาสถานที่นี้ไหมแต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า เวรล่ะ! ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เดียน่าพูดจ้อให้ฟังไม่หยุดว่าใครก็ต้องเคยมากลับปรากฏอยู่ในความทรงจำของเขาเลยหรือว่าจริงๆ แล้วฐานะทางบ้านเขาคงจนมากสินะแม้แต่ห้างยังไม่เคยมา “เหม่ออะไร” เธอยื่นหน้าเขามาใกล้จนเขาเผลอถอยหลังไป “ตกใจหรอ….ขอโทษนะเห็นนายเอาแต่เหม่อหรือว่านายรู้สึกคุ้นเคยหรอ” เดียน่าเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะตื่นเต้นดีใจเมื่อคิดว่าเขาคุ้นเคยกับที่นี่ “เปล่า..” “อ้าว..” “แค่พยายามคิด” “แล้วเป็นยังไง” ร่างบางถามอย่างมีความหวังนัยน์ตากวางเปล่งประกายเจิดจ้าจนเขาอดยกมุมปากไม่ได้มือหนาวางบนศีรษะเล็กแล้วส่ายหน้า “ไม่เจออะไรเลย” “อ่า ไม่เป็นไรนะยังมีเวลาอีกเยอะ” “อืม” นัยน์ตาดำมืดมองสบนัยน์ตากวางนิ่งเธอเปล่งประกายเหมือนพระอาทิตย์ไม่มีผิดมอบแสงสว่างและความอบอุ่นให้กับเขาเสมอชั่ววูบหนึ่งเขาคิดว่าถ้ามีแค่เขาที่เธอจะมอบทุกอย่างให้มันคงจะดี “เราไปหาอะไรกินกันไหม” ร่างบางเอ่ยปากชวนแต่เห็นเขาเอาแต่จ้องมองใบหน้าเธอไม่วางตาอยู่ดีๆ ความร้อนก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งใบหน้าจนคนน่ารักยกมือขึ้นมาเกาแก้มแก้เขิน จะไม่ให้เขินได้อย่างไง เขาเล่นมองเธอตาไม่กะพริบใครเจอแบบนี้ก็เขินด้วยกันทั้งนั้น “อืมเอาสิเธอชอบอะไร” วาโยละสายตาออกก่อนจะยกยิ้ม “ก็ชอบทุกอย่างที่อร่อย” “ทุกอย่างเลยงั้นหรอ” วาโยเลิกคิ้วถามหยั่งเชิงคนใสซื่อกลับพยักหน้าให้ “อืม” “งั้นถ้าฉันอร่อยก็แปลว่าเธอ..ชอบฉันสิ” “....” เดียน่าอ้าปากเหวอเธอไม่เคยเจอใครรุกแรงเท่าเขาเลยนี่ความจำเสื่อมจริงไหมทำไมดูเจ้าเล่ห์แบบนี้ “หึ ดูหน้าเธอสิตลกชะมัดอ้าปากกว้างจนแมลงเข้าไปไข่ใส่ได้แล้วน่ะ” “ไอ้คนปากเสีย!” “ฮ่า ฮ่า ก็จริงนี่” “ไปได้แล้วยืนอยู่นี่ร้อนจะตาย” ร่างบางสะบัดหน้าหนีก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้างทั้งเขินทั้งอายทุกอย่างเพราะวาโยคนเดียวเลย เมื่อเห็นร่างบางเดินนำเข้าไปแล้วเขาจึงสาวเท้าตามเข้าไปในห้างโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนบังเอิญเจอเขาแต่เพราะเห็นแค่แผ่นหลังเลยไม่แน่ใจว่าใช่คนที่ตามหาอยู่ไหม “ใช่พี่วาโยไหมว่ะ” ร่างสูงสบถเบาๆ ก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมากดหาลูกพี่อีกคนหนึ่งว่าเห็นคนที่คุ้นตาแถวห้างสรรพสินค้า “เหมือนเจอพี่วาโยแถวห้าง..” [ไม่ใช่หรอกพี่แกไม่ชอบไปห้าง] “อ๋อหรอ แต่เหมือนมากเลยพี่เปรม” [กูอยู่กับลูกพี่มานานไม่ใช่ก็คือไม่ใช่] “ครับๆ พี่ งั้นผมจะได้ไม่ตาม” [เออ] มือหนากดวางสายก่อนจะยืนเกาหัวและเหลือบตามองเข้าไปในห้างอย่างไม่เข้าใจเขาคงจะตาฝาดไปจริงๆ ก่อนที่จะเดินหนีไปอีกทาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD