แกร็ก!
เสียงฝีเท้าเดินไปทั่วทั้งบริเวณบ้านทำให้ร่างบางกำมือแน่นกลัวว่าสองคนที่อยู่นอกตัวบ้านจะรับรู้ถึงการมีอยู่เธอ
“กูว่าไม่ใช่หลังนี้หรอกกลับเถอะ”
“เอางั้นหรอ เจอวันหลังค่อยทักทาย”
“เออ”
เสียงพูดคุยกันอยู่หน้าประตูบ้านเงียบลงก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังไกลออกไปเรื่อยๆ ร่างบางแง้มผ้าม่านดูเห็นว่าพวกเขาออกไปนอกบริเวณบ้านแล้วถึงทรุดตัวลงนั่งและถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ น่ากลัวจัง”
ทั้งที่เป็นหมู่บ้านจัดสรรมีเวรยามดูแลตลอดแต่มันก็ไม่ได้ปลอดภัยเสมอแล้วแบบนี้จะทำยังไงดีติดต่อที่บ้านก็ไม่ได้มีแค่กำชับเรื่องเรียนเอาไว้ให้เท่านั้นส่วนเงิน..
ฉันเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาก่อนจะเปิดเข้าแอปฯธนาคารยอดเงินตรงหน้าทำให้เธอกำโทรศัพท์แน่นอย่างอุ่นใจอย่างน้อยก็มีเงินเก็บส่วนอีกบัญชีที่คุณพ่อโอนเข้าให้ทุกเดือนเงียบกริบ
คุณพ่ออาจจะยุ่งจนลืมโอนก็ได้
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ความกังวลต่างๆ นานา ก็ไม่สามารถฝังกลบลงไปจนหมดได้ตลอดทั้งคืนฉันไม่สามารถข่มตาหลับได้เลยทั้งแปลกที่ทั้งระแวงคนข้างนอกไหนจะเรื่องวาโยอีกฉันจะทำยังไงดี
“แล้วต้องแบบไหนหรือเธอจะทิ้งฉันไว้ที่นี่งั้นหรอ”
คำพูดของเขาผุดเข้ามาในหัวขึ้นมาทันทีจะทำยังไงกับเขาดีนะตอนนี้ฉันกับเขาถูกทิ้งเหมือนกันไม่มีผิดแต่มันติดที่เขาเป็นผู้ชายฉันเป็นผู้หญิงจะอยู่ร่วมบ้านกันได้ยังได้ไง
เอ๊ะ!แต่ถ้ามีวาโยบางทีคนพวกนั้นอาจจะไม่มายุ่งกับฉันอีกก็ได้นะแต่ฉันก็ยังไม่รู้จักเขาดีเลยจะมั่นใจได้ยังไงหรือจะลองทำข้อตกลงกันดีเพราะยังไงเขาก็คงต้องพึ่งฉัน
เดียน่าคิดทบทวนผลได้ผลเสียอยู่หลายรอบจึงลงความเห็นกับตัวเองเรียบร้อยก็ผล็อยหลับไปจนกระทั่งสายของอีกวันเธอถึงรีบตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวไปโรงพยาบาลตามสัญญา
ก๊อก ก๊อก
“มาแล้ว นายเป็นยังไงบ้าง” ฉันเอ่ยทักวาโยที่นั่งกอดอกหน้าบึ้งอยู่บนเตียงเหมือนคนไม่สบอารมณ์
“เธอมาช้า”
“เอ่อ ขอโทษนะตื่นสายน่ะ..กินอะไรรึยังฉันซื้อผลไม้มาด้วยนะ” ไม่พูดเปล่ามือบางยังโชว์ถึงแอปเปิลสีแดงสดให้คนป่วยดูด้วย
เพียงแค่เห็นสีแดงนัยน์ตาคมก็จ้องเขม็งอย่างไม่ชอบใจไม่รู้ทำไมแค่เห็นสีแดงสดแบบนี้ก็รู้สึกเกลียดแล้ว
“เอาออกไปฉันไม่กิน!” ร่างสูงตวาดเสียงดังอย่างไม่ชอบใจพร้อมกับแสดงออกถึงความเกลียดชังอย่างเห็นชัด
“ไม่กินก็ไม่กินสิตวาดทำไม..”ฉันบ่นอุบอิบคนเดียวไม่เข้าใจคนเจ้าอารมณ์เลยแอปเปิลผิดอะไร
“ทิ้งลงถังขยะไปเลย..แล้วเธอมานี่”วาโยกวักมือเรียกอย่างเอาแต่ใจเดียน่าไม่อยากเถียงด้วยเลยเดินเข้าไปใกล้
“อะไรอะ..” เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นเขาชี้ไปที่ข้าวต้ม
“กิน”
“ฉันไม่ชอบข้าวต้ม”เธอส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ใช่ให้เธอกิน”วาโยถอนหายใจเมื่อเห็นท่าทางซื่อบื้อของเธอ
“อ้าวหรอ..”
“ป้อนฉัน”
“ทะ..ทำไมต้องป้อนด้วยกินเองสิ” ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะมองสบตาเขาเธอไม่เข้าใจทำไมต้องป้อนด้วย
“มือฉันเป็นแบบนี้..เธอจะให้ฉันกินยังไง”เขาพูดพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างที่มีผ้าพันแผลพันไว้
“แล้วพยาบาล”
“เธอมาแล้วจะให้เรียกพยาบาลทำไม”
“แต่ฉันไม่ใช่พยาบาลจะป้อนได้ยังไงมันไม่ใช่หน้าที่ฉัน”
“ยัยโง่..พยาบาลมีงานให้ทำเยอะแยะเธอจะเรียกเขามาทำไมเธอว่างเธอก็ทำสิ”ร่างสูงเสียงเข้มขึ้นตอนนี้เขาหิวจะตายอยู่แล้ว
“แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่เร็วๆ”
ถ้าไม่ให้พยาบาลดูแลแล้วเธอจะเสียเงินค่าดูแลและห้องพิเศษให้เขาทำไมกัน!
“ก็ได้..” ร่างบางเดินไปวางของไว้ที่โต๊ะโดยไม่รู้ว่าคนเอาแต่ใจบนเตียงลอบยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ฉันตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าก่อนจะยื่นช้อนไปตรงริมฝีปากเขาวาโยอ้าปากกินแต่สายตากลับช้อนมองฉันไม่วางตาเหมือนเขากำลังกลืนกินฉันแทนข้าวต้ม
ตึก ตัก
“รีบกินสิจะมองทำไม” ฉันเอ่ยขัดขึ้นมาเพราะเขามัวแต่ละเลียดกินไม่ยอมกินให้เสร็จสักที
“เธอจะรีบไปไหน”
“ฉันมีธุระจะคุยด้วย”
“งั้นก็รอก่อน” พูดจบเขาก็กินข้าวต้มที่ฉันตักให้จนหมดก่อนจะดื่มน้ำและยาที่พยาบาลเตรียมไว้ให้
เขาคงไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ต้องป้อนข้าวต้มเขาฉันต้องพยายามไม่ให้มือสั่นมากแค่ไหนโดยเฉพาะใบหน้าเห่อร้อนเมื่อโดนนัยน์ตาคมของเขาจ้องมอง
“ว่าธุระของเธอมา” วาโยเอนหลังลงกับเตียงด้วยท่าทางสบายๆ ในใจเขามั่นใจว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ดีต่อตัวเขา
“ฉันจะยอมให้นายมาอยู่ด้วยก็ได้เพราะยังไงเราก็เรียนที่เดียวกันเผื่อนายจะฟื้นความทรงจำได้..” ฉันพยายามยกเหตุผลมาก่อนแต่เหมือนเขาจะรู้ทัน
“เธอพูดเหมือนกับว่าอยากช่วยฉันมาก..ไหนลองพูดความต้องการจริงๆ มาหน่อย”
“ก็…ฉันอยากให้นายช่วยคุ้มครองความปลอดภัยให้หน่อย”
“ฉันที่ความจำเสื่อมเนี่ยนะ”วาโยชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“อืม..คือแถวบ้านฉันมันน่ากลัวฉันอยู่คนเดียวมันไม่ปลอดภัย” ฉันบอกความต้องการจริงๆ วาโยดูร้ายกาจแต่เขาคงไม่ทำอะไรฉันหรอกใช่ไหมเพราะฉันเป็นคนช่วยชีวิตเขา
“แล้วฉันดูปลอดภัยสำหรับเธอหรอ” วาโยเหยียดยิ้มถามพลางสบตาฉัน
สิ้นคำถามของเขาทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบทันทีฉันก็ไม่ได้อยากจะเอาเขามาอยู่ด้วยหรอกแต่มันไม่มีวิธีอื่นแล้วจะย้ายตอนนี้ก็คงทำไม่ได้
“ก็ฉันช่วยนายอ๊ะ!”
ฉันพูดยังไม่จบก็โดนเขากระชากร่างเข้าหาตัวอีกแล้วพร้อมกับใบหน้าหล่อติดร้ายกาจโน้มลงมาจนใบหน้าแทบชิด
“ไม่มีอะไรรับประกันหรอกนะว่าเธอจะปลอดภัย..ดังนั้นอย่าไว้ใจคนง่ายๆ แบบนี้อีก” ฉันกะพริบตาปริบๆ เมื่อวาโยถอนใบหน้าออกไป
“แต่ก็เอาเถอะฉันรับข้อเสนอเธอยังไงฉันก็ไม่มีที่ไปแล้วยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายฉันอีกอยู่กับเธอก็ดี”
“จริงหรอ” ร่างบางผุดลุกด้วยความตื่นเต้นทั้งที่ในหัวคิดไว้ว่าตัวเองจะต้องเป็นคนเสนอและให้เขารับข้อเสนอเพราะเขาต้องพึ่งเธอแต่เปล่าเลยตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นฝ่ายพึ่งพิงเขามากกว่า
“อืม งั้นพรุ่งนี้เธอก็มารับฉันเลย”
“หมอให้ออกแล้วหรอ”
“ไม่รู้แต่จะออก..อยู่ไปก็เบื่อ”
“แต่ฉันว่า..”
“ไม่มีแต่พรุ่งนี้มารับด้วย!” วาโยปิดบทสนทนาด้วยการล้มตัวลงนอนและหันหลังให้กับฉัน ท่าทางเอาแต่ใจแบบนี้เห็นแล้วอดเบะปากไม่ได้
ชิ!
“งั้นฉันกลับแล้วนะ”
“...”
ไม่มีเสียงตอบรับฉันเลยหันหลังจะเปิดประตูแต่คนที่เงียบอยู่นานก็รั้งไว้
“เปลี่ยนใจแล้ว..”
“หืม”
“เธอนอนนี่” ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยพูดแกมบังคับ
“ทำไมต้องนอนที่นี่”
“กลับไปคนเดียวเธอไม่กลัวหรอ”
“ก็กลัวอยู่แต่ฉันไม่เคยนอนเฝ้าคนป่วย”
“ก็แค่นอนเปลี่ยนที่นอนจะไปยากอะไร”
“ก็ได้แต่เรื่องเสื้อผ้า”
“ก็ไปซื้อสิไม่ก็ใส่ตัวเดิม”
“ไม่เอา” ชิ้นนอกไม่เท่าไหร่แต่ชั้นในนี่สิ
“หรือจะไม่ใส่ก็ได้นะแล้วแต่เธอ”วาโยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“นี่ใครเขาจะไม่ใส่!” ฉันถลึงตาใส่เขาทันที
“ก็เห็นงอแงเรื่องเสื้อผ้า”
“ช่างเถอะ ฉันจะออกไปหาซื้อชุดแถวนี้นายก็นอนได้แล้วเดี๋ยวฉันกลับมา”
“อืม ก็แค่นี้”
ท่าทางเหนื่อยหน่ายของเขาทำให้ฉันอดหมั่นไส้ไม่ได้ เขาไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะไปเข้าใจอะไรว่าแล้วก็ไปหาซื้อชุดก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะค่ำซะก่อน
ปึง!
ท่าทางเบะปากไม่พอใจของเดียน่าตกอยู่ในสายตาคมตลอดแต่ใบหน้ากลับนิ่งสงบไม่ไหวติงพอพ้นหลังเธอแล้วมุมปากกลับยกยิ้มพลางคิดไปว่าความจำเสื่อมก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ถ้ามียัยซื่อบื้ออยู่ด้วย
มีอย่างที่ไหนชวนผู้ชายไปอยู่ด้วยทั้งที่ไม่รู้จักกันแต่กลับไว้ใจเขาทั้งที่ตัวเขายังไม่อยากจะไว้ใจตัวเองเลย..ก็เธอน่ารักน้อยซะที่ไหนล่ะ