แม้จะผ่านไปตั้งสองวันแต่อัครวินธ์ก็ยังนึกถึงพนักงานจอมปากดีของตนเองอยู่... วันนั้นเขารู้ว่าหล่อนไม่ได้ชอบเขาเลยอดไม่ได้ที่จะแกล้งกล่าวหาหล่อนว่าหล่อนเรียกร้องความสนใจจากเขา ยิ่งได้เห็นหน้าเหมือนอยากจะตายที่เห็นเขาคิดเช่นนั้นเขาก็ยิ่งหงุดหงิดใจในความถือดีของหล่อน อยากจะเค้นคอถามจริงๆ ว่าเขาห่วยยังไงไม่ทราบ... สายตาของผู้หญิงแสบคนนี้ทำให้คนที่มั่นใจตัวเองอย่างเขาหงุดหงิดได้เอาเรื่องเลยทีเดียว...
แต่เขาก็ได้แค่โกรธ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตามตอแยหล่อน เพราะเขาไม่คิดว่าชีวิตจะไปข้องเกี่ยวหล่อนอีกในอนาคตอันใกล้หรือแม้แต่ยาวไกลออกไป หล่อนจะเป็นสิ่งที่รบกวนใจเขาได้ไม่นาน แล้วเขาก็จะลืมหล่อนได้ง่ายๆ เหมือนที่เขาแทบจะจำคู่นอนที่เคยผ่านมาไม่ได้นั่นแหละ
ระหว่างที่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่... เสียงอินเตอร์คอมของเขาก็ดังขึ้น เลขาหน้าห้องกรอกเสียงมาตามสายว่า เจนนี่ ทนายความส่วนตัวของคนใหม่ของคนรู้จักเขามาขอเข้าพบชายหนุ่มก็สั่งให้เลขาเปิดทางให้หล่อนเข้ามาได้ทันที...
“ไฮ นิค” เจนนี่เอ่ยทักทายอย่างสนิทสนม แถมยังเรียกเขาด้วยชื่อเล่นอีกทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อยเพราะไม่ชอบใจ แต่เขาคิดว่าเสียเวลาที่จะมานั่งสั่งหล่อนให้หยุดเรียกเขาแบบนั้น... ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินย่างก้าวเข้ามาหาทนายสาวเจ้าของรูปร่างราวกับนางแบบนิตยสารเพลย์บอยที่ถูกตาเขาตั้งแต่วันแรกที่เขาไปเยี่ยมเพื่อน เขาแง้มเปิดทางเอ่ยชวนหล่อนมาหาเขาที่ทำงานเล่นๆ ไม่นึกว่าหล่อนจะมาจริง...
ของอย่างนี้อัครวินธ์ไม่คิดขัด หล่อนเสนอมา เขาก็สนอง...
“ ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะมาหาผมที่นี่”
“กว่าจะเข้าถึงตัวคุณได้นี่ก็ยากเหมือนกันนะคะ ฉันต้องแสดงตัวว่าเป็นทนายเพื่อนคุณไม่รู้กี่ด่านต่อกี่ด่าน ทั้งที่ฉันมาหาคุณแท้ๆ” น้ำเสียงที่ดัดให้แหบพร่ายั่วยวน พร้อมสายตาเชิญชวนยั่วเย้าเขา หญิงสาวเดินมาใกล้ร่างสูงแล้วดึงปมเนกไทของเขาแล้วตวัดสายตาเชิญชวนอย่างเต็มที่...
“ถ้าเพียงแต่คุณบอกผมก่อนว่าจะมา ผมจะสั่งให้ทุกด่าน เปิดทางให้คุณอย่างเต็มที่” อัครวินธ์จ้องตาหล่อนตอบ ดวงตาวาววับตามแบบฉบับเพลย์บอยชื่อดังก้องลาสเวกัส ถึงแม้เขาจะมีแต่ข่าวเสียหายเรื่องผู้หญิง แต่คนที่เข้ามาหาเขาต่างยอมเป็นแมลงเม่าที่บินเข้าหากองไฟเพราะความเพียบพร้อมของเขาทำให้หลายคนต่างหวังว่าจะได้มีโอกาสเป็นตัวจริงของเขา และตราบใดที่ยังไม่มีใครสามารถทำเช่นนั้นได้ก็ไม่แปลกที่จะมีคนดาหน้าเข้ามาเล่นกับไฟอยู่เรื่อยๆ ซึ่งคราวนี้เป็นคิวของเจนนี่...
“แล้วตอนนี้ ฉันอยู่ตรงนี้ ด่านนี้จะเปิดไหมคะ” เจนนี่เลื่อนมือไปกระชับเข็มขัดแบรนด์เนมเหนือซิปกางเกงของเขา แล้วป้อนคำถามเป็นนัย
“ก็ผมบอกแล้วไง ว่าถ้าเป็นคุณ ทุกด่าน เปิดทางให้คุณเต็มที่” รอยยิ้มแสนเสน่ห์เฉิดฉายบนใบหน้าหล่อคม ก่อนที่มันจะโน้มลงมาจูบบนใบหน้าของหญิงสาว...
“เฮ้ เฮ้ ทำอะไรกันน่ะ” เสียประตูเปิด พร้อมกับเสียงคนที่เข้ามาใหม่ร้องทักเสียงดังทำให้อัครวินธ์รำคาญคนที่มาขัดกิจกรรมเข้าจังหวะของเขาเหลือเกิน...
ยิ่งเจนนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าเขาอนุญาตให้หล่อนตบผู้เข้ามาใหม่ หล่อนจะทำโดยไม่รีรอ เพราะเข้ามาขัดโอกาสทองของหล่อนเหลือเกิน...
“โอ้ว มาย ก้อด” ผู้เข้ามาใหม่ยิ่งอุทานเสียงดัง เมื่อเห็นสภาพไม่ค่อยเรียบร้อยของชายหนุ่ม และหญิงสาวร่างสะบึมที่ทำหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อตัวเอง ยิ่งเห็นสองคนนั้นรีบขยับเสื้อผ้าบนเรือนกายให้เข้าที่หล่อนยิ่งสนุกนักที่ได้แกล้ง... “อย่าทำหน้าดุกันแบบนั้นได้ไหม พริสซี่มีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุย ช่วยเชิญคนที่ไม่เกี่ยวออกไปก่อน แล้วคุยกับพริสซี่หน่อยเถอะค่ะพี่ชาย” พริสซิลล่า ปีเตอร์สัน ลูกพี่ลูกน้องตัวแสบของอัครวินธ์ไม่สนสายตาดุๆ ของพี่ชาย จีบปากจีบคอพูดด้วยเสียงหวาน...
“เจนนี่ คุณไปหาเลขาผมแล้วบอกว่าจะไปรอที่ห้องผม แล้วผมจะตามไป” เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะขัดใจพริสซิลล่า ทางเลือกที่เขามีคือตามใจหล่อนเพราะการขัดใจพริสซิลล่าไม่ต่างจากสร้างหายนะในชีวิต เขาเคยลองอยู่ไม่กี่ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งหล่อนก็ทำแสบจนเขาเข็ดที่จะขัดใจ ดังนั้นไม่แปลกที่เขาจะสั่งให้เลขาตนเองพาเจนนี่ไปที่ห้องพักของโรงแรมเขาที่เขาจัดไว้เป็นห้องเพื่อทำกิจกรรมพิเศษโดยเฉพาะ...
เจนนี่มองหน้าพริสซิลล่าด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนจะเดินออกไปอย่างที่ชายหนุ่มสั่ง... รู้ดีว่าอัครวินธ์ไม่ชอบคนที่พูดไม่รู้เรื่อง หล่อนไม่ควรทำให้เขาโมโห ดังนั้นแม้ไม่พอใจแค่ไหน หล่อนก็ต้องไปทำตามที่เขาบอก...
“ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระ... พี่จะบีบคอเธอให้หัก โทษฐานขัดจังหวะ” เขาพ่นเสียงไม่พอใจใส่ญาติผู้น้องผู้แสนเอาแต่ใจเพราะเป็นหลานสาวคนเดียวในตระกูล
“เลขาหน้าห้องพี่นิคเตือนแล้วว่าพี่นิคห้ามคนอื่นเข้ามาในห้องเพราะมีแขก... แต่พริสซี่มีเรื่องสำคัญ” พริสซิลล่าลอยหน้าลอยตาตอบเป็นภาษาไทยไม่ชัดเท่าไหร่...
อัครวินธ์ทั้งโมโหทั้งฉุนที่หล่อนทำเหมือนจงใจแกล้ง และก็อดขำไม่ได้ที่ผู้หญิงฝรั่งจ๋าอย่างหล่อนพยายามพูดภาษาไทยกับเขาตลอดที่มีโอกาสเพราะกลัวว่าจะลืมเพราะไม่ได้ใช้...
“เรื่องอะไรของเราล่ะ ที่สำคัญนักหนาน่ะ”
พริสซิลล่ายื่นกระดาษแผ่นเล็กที่ดึงจากกระเป๋าถือให้ญาติผู้พี่...
“อะไร”
“เลขทะเบียนรถคันที่พริสซี่จะให้ตามให้ค่ะ พอดีวันนี้พริสซี่ขับรถไปนอกเมือง แล้วรถเสีย มีคนมาช่วยแล้วพริสซี่ก็ให้เงินตอบแทนเขาไป แต่เขาไม่ยอมรับ พูดว่าอยากช่วยเพราะสงสาร ด้วยสีหน้าหยิ่งๆ แล้วก็ไปโดยที่ลืมแนะนำตัวกับพริสซี่ พริสซี่อยากรู้จักเขา ตามให้หน่อยค่ะ ขอด่วนด้วย”
“หา... นี่นะเรื่องสำคัญของเธอ” อัครวินธ์นึกอยากจะยีหัวตัวเอง ตอนพริสซิลล่าเกิด เขาอายุสิบขวบแล้ว เขากับพี่น้องไม่น่าเอาอกเอาใจหล่อนตั้งแต่เด็กเลยให้ตาย อัครวินธ์คิดโทษตัวเองกับน้องชายที่เอาใจหล่อนราวกับเจ้าหญิงจนทำให้เด็กน้อยน่ารักที่มีรอยยิ้มหวานๆ น่ารักในยามเด็กจะโตมาเป็นปิศาจสาวไปได้...
ดวงตาสวยๆ ของพริสซิลล่าตวัดมองพี่ชายอย่างเคืองขุ่น...
“เรื่องของพริสซิลล่าไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ล้วนเป็นเรื่องสำคัญของพี่นิคเสมอ” หญิงสาวไม่ลืมคำสัญญาที่ชายหนุ่มตรงหน้าเคยให้ไว้กับหล่อน...
“ให้ตายเถอะ แม้แต่คำสัญญาที่พี่เคยให้ไว้ตอนเธอยังเรียนอนุบาล เธอก็ยังจำได้...”
“อะไรที่มีประโยชน์ พริสซี่ไม่ลืมหรอกค่ะ... ตามให้พริสซี่ด้วยนะ” พริสซิลล่า ลุกมาจูบแก้มพี่ชายเบาๆ แสดงความขอบคุณล่วงหน้า... “อยากจะไปต่อก็ตามสบาย แต่อย่าลืมเรื่องที่พริสซี่ฝากไว้ด้วยล่ะ” ว่าแล้วหล่อนก็ลุกเดินจากไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเหมือนตอนขามาไม่มีผิด...
“ยัยเด็กปีศาจ” อัครวินธ์บ่นตามหลังหล่อนไปอย่างเอ็นดูปนระอา... แต่กระนั้นเขาก็ยังให้คนของเขาสืบหาข้อมูลตามที่หล่อนต้องการจนได้
สั่งงานเรียบร้อยแล้วอัครวินธ์ก็นึกถึงเจนนี่... เรื่องหงุดหงิดรบกวนสมองคงจะได้ผ่อนคลายบ้างจากการออกกำลังกายแบบพิเศษของเขา