รุ่งอรุณยามเช้ามาเยือน ร่างบางตื่นขึ้นจากของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา เธอบิดตัวเล็กน้อย เมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับคนตัวโตที่นอนตะแคงหันมาทางเธอ เขาจ้องมองหญิงสาวไม่วางตา
“ตื่นแล้วหรือคะ” แขไขถามพอเป็นพิธี
“ผมยังไม่ได้นอนเลยต่างหาก”
เขาตอบโดยหวังว่าเธอจะถามเหตุผลกลับว่าเพราะอะไร หากแต่สาวเจ้าไม่ได้สนใจไยดี หล่อนลุกขึ้นจากที่นอนเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำหน้าตาเฉย
“จะไม่ถามหน่อยหรือครับว่าเพราะอะไร”
ท้ายที่สุดก็เป็นเขาเองที่ต้องเรียกร้องความสนใจ เมื่อคืนเธอยังดีแสนดีอยู่แท้ๆ ทำไมตอนเช้าถึงเปลี่ยนเป็นคนละคนแบบนี้
“ไม่ค่ะ ไม่จำเป็น”
“แต่ผมอยากให้คุณถามนี่ครับ” เขาท้วง
ร่างบางหยุดยืนอยู่ที่ประตูทางออก เธอหันกลับมาหาเขาอีกครั้งด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์
“ถ้าเป็นแบบนั้นคุณควรบอกเหตุผลมาแต่แรกสิคะ ฉันถือคติไม่เจ้ากี้เจ้าการหากอีกฝ่ายไม่อยากพูด ในเมื่อคุณไม่พูดมาเองแต่แรก ฉันจะไปเซ้าซี้ถามคุณทำไม จริงไหมคะ”
ร่างสูงได้แต่เงียบ จริงอย่างที่เธอพูดทุกประการ แต่นั่นมันไม่ดูเย็นชาไปหน่อยหรือ เธอกับเขาไม่ใช่คนรู้จักเพียงผิวเผินสักหน่อย แถมเมื่อคืนยังหวานกันปานน้ำผึ้งอีกต่างหาก ถ้าจะอยากรู้อยากเห็นในเรื่องของอีกฝ่ายก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปกลอะไร หากแต่หล่อนกลับไม่สนใจเขาเสียนี่
เดชาธรคิดไม่ตก เจ้าหล่อนเหมือนกำลังโกรธอะไรอยู่ ทว่าคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ตั้งแต่เกิดมาเขาเคยเจอผู้หญิงโกรธเสียที่ไหนเล่า
“จะไปอาบน้ำใช่ไหมครับ งั้นเดี๋ยวผมไปเฝ้าให้นะ”
“ไม่จำเป็นค่ะ ถ้าเป็นตอนเช้าฉันไม่กลัว” เธอตอบกลับใบหน้าเรียบนิ่ง
แขไขไม่รอให้เขาพูดอะไรต่อ หล่อนเปิดประตูเดินออกจากห้องพักตรงไปทางห้องน้ำ ทันที่ที่พ้นจากเขาออกมา เธอก็ตีหัวตัวเองไปหนึ่งทีพร้อมตำหนิอยู่ในใจที่มาแสดงอารมณ์หญิงแบบนี้
“ยัยแข ยัยบ้า เธอไม่พอใจเขาเรื่องอะไรกันฮะ” หล่อนถามตัวเอง
แขไขเดินเข้ามาในห้องน้ำ เธอแขวนผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนไว้ที่ราวไม้ด้านใน ดีที่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเธอไปออกค่ายอาสาบ่อยเลยพอจะชินกับห้องน้ำแบบนี้อยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงลำบากน่าดู
เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ถูกถอดออกไม่เหลือ มือเล็กตักน้ำในขันขึ้นมาก่อนจะจ้องมองมันนิ่งอย่างชั่งใจ เธอลืมไปได้อย่างไรกันว่าตอนนี้เป็นหน้าหนาว และเธอก็อยู่บนเขาที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ดังนั้นน้ำในขันจึงถือเป็นอาวุธทำลายล้างมนุษยชาติชัดๆ หากเธออาบมัน
แต่ถ้าไม่อาบ...เธอคงรับตัวเองไม่ได้แน่นอน
หงึกๆ
หญิงสาวพยักหน้ากับตัวเองเมื่อตัดสินใจได้แล้ว หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรหล่อนก็จะไม่มีวันใช้ชีวิตอยู่โดยไม่อาบน้ำ ตายเป็นตายคือสิ่งที่แขไขคิดในใจ มือเล็กง้างสูงขึ้นเตรียมจะสาดน้ำเย็นราวกับน้ำแข็งใส่ตัว
ซ่า!!!
“กรี๊ดดด!” ร่างบางกรีดร้องสุดเสียง
ความเย็นที่ทำเอาปวดไปทั้งร่างกายทำให้เธอส่งเสียงร้องออกมาด้วยสุดจะห้าม เดชาธรที่เดินตามหลังมาตกใจ เขารีบวิ่งเข้ามาที่ห้องน้ำด้วยความเร็วแสงและไม่ลังเลที่จะถีบประตูเข้ามาด้านใน
พรึ่บ!!!
ประตูไม้ที่ทำจากฟางเป็นส่วนใหญ่เปิดออก แขไขที่กำลังจะขัดผิวด้วยเกลือสปาหันขวับมาทางร่างสูง เธอเบิกตากว้างมองเขาที่พรวดพราดเข้ามาก่อนจะตักน้ำในโอ่งสาดใส่เขา
“กรี๊ด ไอ้คนบ้า เข้ามาทำไมยะ อ๊าย!!!” หล่อนสบถไม่ยั้ง
เดชาธรที่เห็นหว่าหล่อนยังสบายดีรีบวิ่งออกมาแล้วปิดประตูให้เสร็จสรรพ เขาตัวเปียกม่อล่อกม่อแล่กตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมยังหนาวมากๆ อีกด้วย
“ผมขอโทษๆ ผมได้ยินเสียงคุณกรี๊ดเลยคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับุคณในห้องน้ำ ไม่ทันคิดว่าคุณจะแก้ผ้าอยู่” เขารีบอธิบาย
“ไอ้คนบ้า คุณมันโรคจิตที่สุดเลย พอฉันไม่ให้มาด้วยก็คิดจะมาเปิดดูกันตรงๆ เลยสินะ” แขไขที่กำลังรีบใส่เสื้อผ้าตะโกนต่อว่ากลับมา
“เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ก็บอกแล้วไงว่าผมได้ยินเสียงคุณร้องจริงๆ ถ้างั้นคุณกรี๊ดทำไมล่ะ ถ้าคุณไม่กรี๊ดผมคงไม่ตกใจรีบเปิดเข้าไปแบบนั้นหรอก”
เดชาธรต่อล้อต่อเถียง ถึงจะเคยเห็นอะไรต่อมิอะไรของเธอมาจนหมดแล้ว แต่นั่นมันก็เมื่อสามเดือนก่อน จู่ๆ ได้มาเห็นอีกครั้งแบบไม่ทันตั้งตัวก็ชวนให้หัวใจจะวายได้เหมือนกัน เขายืนเป่าลมออกจากปากเพื่อปรับลมหายใจของตัวเอง
ยุบหนอบ...อย่าพองหนอ...ยุบหนอ...อย่าพองหนอ...
เขาก้มลงมองเป้ากางเกงของตัวเอง ทว่ามันกลับกำลังยืนตัวตรงเคารพธงชาติชี้หน้าเขาเสียอย่างนั้น!
“คิดว่าฉันจะเชื่อคุณหรือ”
“เย้ยย! อย่าจู่ๆ ก็เปิดประตูพรวดพราดออกมาแบบนี้สิครับ”
ร่างสูงกระโดดตัวโยนไปไกล สองมือกุมเป้าที่ยังไม่ยอมสงบเอาไว้ แขไขมองไปยังจุดที่เขาพยายามปกปิดก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ
“ฮึ...” เดชาธรที่ถูกทำเสียงแบบนั้นใส่ชี้หน้าเธอ
“นี่ ทำเสียงแบบนี้หมายความว่ายังไงครับ คุณไม่เคยเรียนเพศศึกษาตอนมัธยมปลายหรือไง เช้าๆ เวลาผู้ชายตื่นตอนมันก็เป็นแบบนี้หมดแหละครับ ผมไม่ได้คิดทะลึ่งอะไรเลยนะ” เขาลองอธิบายอีกครั้ง
แขไขกอดอกและเชิดหน้าขึ้นเป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่าเธอไม่ได้เชื่อคำพูดของเขาเลยแม้แต่คำเดียว ซ้ำสายตาที่มองมายังดูรังเกียจเดียจฉันท์และขยะแขยงเขามากอีกด้วย เธอเห็นเขาเป็นตาคนโรคจิตไม่หน้าไว้ใจไปเสียแล้ว
“อยู่ห่างฉันห้าเมตรเป็นอย่างต่ำเลยนะคะ”
“นางฟ้า...!” ชายหนุ่มโอดครวญ
แขไขไม่ทนฟังต่อ เธอจ้ำอ้าวกลับไปที่ห้องพักหลังจากทำได้แค่ล้างหน้าแปรงฟันไปเท่านั้น โลกคงต้องจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์แล้วล่ะ ว่าแขไขคนนี้ไม่ได้อาบน้ำในตอนเช้า!
“ฮัดชิ่ว!” ชายหนุ่มจามเสียงดัง
จากการถูกสาดน้ำเย็นๆ ในเมื่อเช้าจนเปียกโชกทำให้เดชาธรเริ่มมีอาการหวัด เขานั่งทานมื้อเช้าอยู่ที่แคร่หน้าที่พักพร้อมแขไข เธอเอาแต่นั่งเงียบแถมยังเว้นระยะห่างจากเขาห้าเมตรตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้อีกต่างหาก
ร่างสูงมองหล่อนตาละห้อย
“จะไม่คุยกับผมจริงๆ หรือครับนางฟ้า ผมทำอะไรผิดหรือ บอกผมหน่อยสิ ผมจะได้ง้อได้ถูกไง”
“เปล่าค่ะ” เธอตอบเสียงเย็นชา
“โกหก หวานเย็นเคยบอกเอาไว้ว่าเวลาผู้หญิงพูดว่าเปล่า ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่ามีอะไรแน่ๆ จริงๆ นางฟ้าโกรธผมอยู่ใช่ไหมครับ”
ช้อนอาหารถูกวางลงในจาน เธอเงยหน้ามองเขาด้วยรำคาญจากการถูกเซ้าซี้ไม่หยุด เอะอะอะไรก็หวานเย็นๆ ทุกความทรงจำของเขาจะมีอะไรที่ไม่เกี่ยวกับเธอคนนั้นบ้างไหมนะ หล่อนคิด
“รู้ไหมว่าคุณทำตัวน่ารำคาญมาก ทำตัวเหมือนพวก...ลูกหมาน่ะ พวกมันน่ารักก็จริง แต่ต้องคอยมานั่งประจบเอาใจตลอด แถมยังต้องรับมือกับความง้องแง้งขี้อ้อนอีก เพราะงั้นทำไมรู้ไหมคะ”
รอยยิ้มเย็นยะเยือกของหล่อนที่มองเขาตอนเอ่ยคำถามช่างน่าเสียวสันหลังเหลือจะเอ่ย เขากลืนน้ำลายลงคอก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่รู้ครับ ทำไมเหรอ”
“เพราะงั้นแมวถึงได้น่ารักกว่าหมายังไงล่ะคะ”
“...”
“เพราะมันไม่เคยสนใจเจ้าของของมันด้วยซ้ำ เป็นเจ้าของต่างหากที่จะต้องคอยไล่ตามมันทุกเวลา”
เธอพูดทิ้งไว้แค่นั้นก็ลุกขึ้นเดินไปทางแปลงผัก ปล่อยให้เดชาธรนั่งเรียบเรียงคำพูดและความหมายที่เธอต้องการจะสื่อต่อไป
“เธอหมายความว่ายังไงกันนะ เธอเคยบอกว่าฉันเหมือนลูกหมา แปลว่าเธอรำคาญฉันแล้วก็อยากจะเลี้ยงแมวมากกว่าเลี้ยงฉันใช่ไหม?” เขาพูดกับตัวเอง
ไม่ได้การล่ะ ถ้าเธอไปหาแมวมาเลี้ยงจริงๆ เขาคงกลายเป็นลูกหมาตกกระป๋อง แขไขจะต้องเป็นเจ้านายของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น จะหมู หมา กา ไก่ หรือแมวที่ไหนก็ห้ามแตะต้อง!
“คุณนางฟ้า! รอผมด้วยครับ!” เขาตักไข่เจียวเข้าปากอีกคำแล้วรีบวิ่งตามเธอไป