คนในหมู่บ้านมาช่วยก่อไฟเพื่อกันยุงและคลายหนาวให้เดชาธรกับแขไขที่นั่งดูดาวอยู่ริมผา ตอนกลางวันที่ว่าหนาวแล้วยังชิดซ้ายเมื่อตกกลางคืน เสื้อผ้าหนาๆ ของหมู่บ้านไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก หมอกที่ลงจัดทำให้มองไม่เห็นรอบๆ
แขไขเงยหน้ามองดวงดาวที่ส่องประกายอยู่ทุกหนแห่งของท้องฟ้าดำมืด แสงระยิบระยับชวนให้คนมองหมายอยากจะได้มาครอบครอง มือเล็กยกขึ้นไปบนฟ้า คิดจะจับดวงดาราเหล่านั้นเอาไว้
“อยากได้ดวงดาวพวกนั้นเหรอครับ”
ชายหนุ่มที่หายไปจากที่นั่งนานเดินกลับเข้ามา เขาเอาเสื้อกันหนาวแขนยาวของตัวเองที่พกติดมาด้วยมาห่มให้เธอจากด้านหลัง ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองเขาก่อนจะยิ้มรับแทนคำขอบคุณ
“ที่นี่เห็นดาวชัดมากเลยนะคะ ต่างจากกรุงเทพฯ ลิบลับ”
“แน่นอนสิครับ ที่นี่อยู่บนภูเขาสูง ใกล้ท้องฟ้าจนเหมือนกับว่าแค่เอื้อมมือขึ้นไปก็จะหยิบดวงดาวถึง...” เดชาธรเอื้อมมือไปบนฟ้าและทำท่าคว้าดวงดาว
“น่าอิจฉาคนที่นี่จังเลยนะคะ ชีวิตสงบ ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีกับใคร ไม่ต้องมีเรื่องเงินมาให้ปวดหัว”
คำพูดของแขไขดูเศร้าสร้อยแม้ว่าหญิงสาวจะกำลังยิ้มอยู่ก็ตาม เดชาธรมองเธอพลางนึกย้อนไปถึงตอนเข้าไปเอาเสื้อกันหนาวเมื่อครู่ โทรศัพท์มือถือของเธอถูกวางทิ้งและปิดเครื่องเอาไว้บนหมอนของเธอ ราวกับว่าช่วงเวลาที่ได้อยู่ที่นี่ เธออยากจะตัดขาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องพบเจอออกไปให้หมด
“คุณอยากนอนตักผมไหม”
“คะ?” เธอหันไปมองหน้าเขาอย่างตกใจ
ร่างสูงดึงตัวเธอลงมานอนหนุนตักเขาแล้วดึงเสื้อกันหนาวขึ้นมาคลุมร่างบางเอาไว้ มือหนาลูบเส้นผมเธอเบาๆ อย่างอ่อนโยน
“ตอนที่ผมเหนื่อยและอยากพัก คุณยังใจดียอมให้ผมนอนหนุนตักเลยนี่นา ตอนนี้คุณเองก็อยากพัก ผมเลยอยากให้ตักของผมเป็นประโยชน์กับคุณบ้าง”
เขาก้มมองเธอขณะพูด หญิงสาวมองตาเขากลับ เธอเห็นถึงความจริงใจไม่เสแสร้งแฝงอยู่ในดวงตาคู่นั้น
“นั่นฉันโดนบังคับต่างหาก” เธอตอบหน้ามุ่ย
“ให้ตายสิ ขนาดคุณกำลังทำหน้าบึ้งอยู่แท้ๆ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุณสวยและน่ามองกว่าดาวบนฟ้าอีกนะ”
ร่างสูงยิ้มอ่อนโยน มือที่ลูบผมเธอเลื่อนมาจับที่หน้าผากมน
“ตรงนี้ก็สวย” เลื่อนจากหน้าผากลงมาที่ดวงตากลมโตมีเสน่ห์ “นี่ก็สวย” ต่ำลงที่จมูกโด่งเล็กเชิดรั้น “สวย” และสุดท้าย...มาหยุดยอู่ที่ริมฝีปากบาง “สวยมากๆ เลย” ดวงตาที่มองเธอหวานเยิ้มกว่าที่เคยมองใครๆ มา
แขไขที่นอนแหงนหน้ามองฟ้าไม่ได้เห็นดวงดาวพราวระยับอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เด่นชัดในตอนนี้มีเพียงใบหน้าหล่อคมคายของเดชาธรเท่านั้น มือเล็กยกขึ้นประคองจับใบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้
“ฉันสวยขนาดนั้นเลยหรือ” เธอเอ่ยถาม
“ครับ สวยไร้ที่ติ เปล่งประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าดาวบนท้องฟ้า แถมยัง...เซ็กซี่สุดๆ อีกด้วย”
เขาขยิบตาและก้มหน้าต่ำลงมาใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนของกันและกัน แขไขยิ้มมุมปาก เธอเลื่อนฝ่ามือไปลูบผมเขาเบาๆ
“วันนี้เป็นเด็กดีจังเลยนะเจ้าหมาน้อยของฉัน”
“โดนว่าเป็นหมานี่มันน่าโกรธนะครับ แต่ไม่รู้ทำไม พอเป็นคุณแล้วผมโกรธไม่ลง แถมยังอยากจะเป็นหมาของคุณเสียด้วยซ้ำ”
“เพราะคุณมันเป็นคนแปลกไงคะ คนสติดีๆ ที่ไหนจะอยากเป็นหมากัน”
แผล่บ...
มือที่กำลังจับเส้นผมของชายหนุ่มชะงักค้างเมื่อถูกเขาก้มหน้าลงมาเลียแก้มใกล้กับริมฝีปาก ร่างกายของทั้งสองร้อนผ่าวขึ้นแม้ว่าอากาศในตอนนี้จะหนาวเย็นมากก็ตาม
“ทำอะไรน่ะ” เธอหลบสายตาจากเขา
“เลียเจ้าของไงครับ ผมเคยอ่านเจอมานะ ว่าเวลาถูกหมาที่เลี้ยงเอาไว้เลียแปลว่ามันรักและภักดีต่อเจ้าของของมันมาก”
เขาจับใบหน้าของเธอให้หันมองตรงเพื่อสบตากันอีกครั้ง แขไขวางมือลงบนท้ายทอยของเขา เดชาธรแลบลิ้นเลียที่ปลายคางของหล่อน ไล่มาที่แก้มอีกข้างและสุดท้าย...
...หยุดอยู่ที่ริมฝีปาก
“คุณสวยมากๆ เลยนะนางฟ้า”
“ยะ...หยุดเรียกฉันว่านางฟ้าสักที น่าอายจะตายไป”
“จะให้ผมเลิกเรียกนางฟ้าว่านางฟ้าเนี่ยนะ แบบนั้นน่าอายกว่าอีก”
ริมฝีปากของเดชาธรก้มต่ำลงเรื่อยๆ จนเกือบจะชนกับปากนุ่มนิ่มของหญิงสาวอยู่รอมร่อ เธอพยายามเบือนสายตาหลบไปทางอื่นเพราะไม่อาจทนมองสายตาที่หวานเยิ้มของเขาได้
“คุณนางฟ้าครับ”
“อะไรคะ”
แม้เธอจะขานรับเขา แต่คนเรียกกลับไม่ยอมพูดอะไรต่อ
ด้วยสงสัย เธอจึงเบนสายตากลับไปมองเขา ทว่าทันทีที่ได้สบตากัน เดชาธรก็ประกบปากจูบลงมาแนบแน่น แขไขหลับตาพริ้ม ขยับอ้อมแขนโอบกอดเขาเอาไว้ ร่างสูงช้อนตัวอุ้มเธอขึ้นมาแล้วพาเดินกลับไปที่ห้องพักโดยที่ริมฝีปากไม่ได้แยกจากกันเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เขาค่อยๆ วางร่างบางลงบนเตียง จูบที่อ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรง มือเล็กของหล่อนลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังกว้าง เธออยากจะหยุดเวลาเอาไว้ที่ตรงนี้ให้มีเพียงเธอและเขาเพียงสองคน
เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ใจดีกับเธอนัก ไม่ว่าจะถูกเธอตวาดใส่หรือว่าไล่ให้ไปไกลๆ สักแค่ไหนเขาก็ไม่เคยไปจริงๆ เลยสักครั้ง เดชาธรมักจะยิ้มกว้างและปลอบโยนเธอเสมอ เหมือนในวันนั้น...
วันที่เธอร้องไห้เสียใจอย่างหนักเมื่อต้องยอมปล่อยมือจากนนท์นธี ชายที่เธอเฝ้ารักมาตลอดสิบปี ทั้งที่ในวันนั้น เดชาธรจะทำเป็นมองไม่เห็นเธอแล้วปล่อยผ่านไปก็ได้แต่เขาไม่ทำ ชายหนุ่มที่ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อนแถมยังคุยกันไม่ถึงสิบคำคนนั้นกลับจอดรถแล้วเดินเข้ามาหาเธอ
เธอเอ่ยปากไล่เขา ต่อว่าเขา และยังผลักเขาจนล้มอีกต่างหาก แทนที่เขาจะเลิกสนใจแล้วกลับขึ้นรถไป ทว่าสิ่งที่ชายหนุ่มทำกลับเป็นดึงตัวเธอเข้ามากอดแล้วปลอบโยนเธอด้วยคำว่า
‘ไม่เป็นไรนะ ทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของคุณ’
เดชาธรปล่อยให้เธอได้ร้องไห้อยู่เงียบๆ จนเธอสงบใจขึ้น แล้วเรื่องราวหลังจากนั้นก็...เป็นเพราะความอ่อนแอของตัวเธอล้วนๆ ที่ปล่อยให้ความใจดีของเขาเข้ามาครอบงำเสียได้
ทั้งที่เธอตั้งใจจะลืมเรื่องราวในคืนนั้นไปซะ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยตัวเอง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสามเดือนที่ผ่านมาเธอยังคงคิดถึงสัมผัสจากเขา ผู้ชายที่เข้ามาในช่วงเวลานั้นล้วนถูกปฏิเสธไม่มีเหลือ ตราบใดที่เธอยังจัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ เธอจะยังไม่เปิดใจรับใครเด็ดขาด
“นางฟ้า...” เสียงนุ่มทุ้มต่ำพึมพำ
เดชาธรซุกหน้ากับลำคอขาว เขาซุกไซร้ดื่มดำความหอมรัญจวนจากกายนี้ นิ้วมือของทั้งสองประสานกันเอาไว้
แขไขหลับตาลง รอสัมผัสที่โหยหามานานจากเขา อย่างน้อยก็แค่เจ็ดวันนี้ที่ได้อยู่ด้วยกัน เธออยากจะเป็นของเขา และอยากจะให้เขาเป็นของเธอเพียงคนเดียว เพราะเมื่อตื่นจากฝันดีนี้ เธอก็ต้องกลับสู่โลกความเป็นจริงอันแสนโหดร้ายแล้ว
ครืดๆ ครืดๆ
ห้วงอารมณ์ถูกขัดด้วยโทรศัพท์มือถือของเดชาธรที่สั่นขึ้น เขาหยุดทุกอย่างแล้วหยิบมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู แขไขลุกขึ้นมานั่ง แอบชำเลืองสายตามองคนที่โทรเข้ามา
‘หวานเย็น’
ความหงุดหงิดเข้าครอบงำเมื่อเห็นเบอร์คนโทรเข้า จะด้วยความหึงหวงหรืออะไรไม่อาจรู้ได้ เธอดึงเขาเข้ามาจูบหมายจะให้เขาเลิกสนใจคนที่โทรเข้ามาและมีแค่เธอคนเดียวในสายตา ทว่าเขากลับดันเธอออก
“ผมขอรับสายแป๊บนึงนะครับ” เขาบอกน้ำเสียงว้าวุ่นใจ
แขไขกัดริมฝีปากแน่น นึกเจ็บใจที่เผลอทำตัวไร้ค่าแล้วรั้งเขาเอาไว้แบบนั้น เธอพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เดชาธรจึงกดรับสาย
“ว่ายังไงหวาน” น้ำเสียงที่คุยกับปลายสายช่างอ่อนโยนเหลือเกิน
แขไขทิ้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงเอาไว้เพื่อสงบสติอารมณ์ที่พุ่งพล่านของตัวเอง
เธอกำลังอิจฉา... อิจฉาหวานเย็นที่ได้รับทั้งความรักและความห่วงใยจากเดชาธรและนนท์นธี
เพราะอะไรกัน ทำไมถึงเป็นเธออีกแล้วที่ถูกทิ้ง ทำไมต้องเป็นเธอทุกครั้งที่ไม่ได้เป็นฝ่ายถูกเลือก...
ทำไมกัน...
ด้านเดชาธรที่ออกมาคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอกก็หงุดหงิดไม่แพ้กัน ถ้าไม่ติดว่าหวานเย็นกำลังท้องกำลังไส้และอาจโทรมาเพราะมีเรื่องด่วนเขาคงตัดสายเธอทิ้งไปแล้ว
[พี่ยุ่งอยู่หรือเปล่า ฉันมีข่าวดีจะบอกแหละ] ปลายสายดูระริกระรี้ราวกับกำลังดีใจอะไรสักอย่าง
“จะว่ายุ่งก็ยุ่งแหละนะ ทำไม มีอะไรงั้นเหรอ”
[คืออย่างนี้ พี่นนท์บอกฉันว่าพี่แขตอนนี้โสดสนิทศิษย์ส่ายหน้าเลยนะรู้หรือเปล่า]
“จริงเหรอ” เขาถามกลับอย่างตื่นเต้น
[ใช่ พี่นนท์บอกว่าพี่แขกับคุณอิฐอะไรนั่นเขาถอนหมั้นกันหลายเดือนแล้ว เพราะงั้นพี่ไม่ต้องกลัวว่าจะปีนต้นงิ้วเพราะเข้าไปเป็นมือถือสามของใครนะ ลุยได้เต็มที่เลย ฉันเชียร์!] ถ้าเชียร์ก็ไม่ควรจะโทรมาขัดจังหวะตอนนี้ไหมล่ะ เขาคิดในใจ
“ขอบใจมากนะที่โทรมาบอก และพี่จะบอกอะไรให้เธอรู้อีกอย่าง”
[อะไรหรือ]
“ตอนนี้พี่อยู่กับคุณแขที่ผาชมดาว บาย” เขาบอกแค่นั้นก็กดวางสายเธอและปิดเครื่องทันที ชายหนุ่มรีบกลับเข้ามาข้างในอีกครั้งหมายจะสานต่อจากที่ทำไว้เมื่อครู่ทว่านางฟ้าของเขากลับคลุมโปงตัวเองไปเสียแล้ว
“นางฟ้า คุณนางฟ้าครับ” ไร้การตอบรับจากญิงสาว เดชาธรได้แต่ถอนหายใจอย่างเสียดายก่อนจะขึ้นเตียงไปนอนอยู่ข้างๆ เธอ