พิษรักลวงหลอก
ตอนที่ 9 พร้อมขึ้นสวรรค์กับผมรึยัง ลูกไก่ในกรงทองของผม
( ถึงบ้านรึยังคับ )
ฉันต้องอมยิ้ม ใจเต้นแรง เลือดในร่างกายสูบฉีดจนฉันต้องหน้าแดงเหมือนลูกมะเขือเทศ แค่ประโยคธรรมดาของพี่กันต์ ที่มันหมายถึงความห่วงใยเมื่อเราต้องห่างจากกัน ฉันทิ้งตัวลงนอนที่มาถึงบ้านด้วยหัวใจที่มีความสุข มองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เราติดต่อกันมันทำให้เขินตัวบิดงอได้
“ ไอรีน หายไปไหนมา ? ”
แต่นั่นมันคือความฝัน ฉันต้องตื่นมาในโลกของความจริงต่างหาก พี่โรมเข้ามาในห้องพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคืองฉันมาก คงไม่ใช่เพราะอะไรหรอก
“ รีนไปทำธุระมา ”
“ ธุระอะไร ถึงไม่เข้าบริษัทไม่กลับบ้าน ”
“ เรื่องของรีน รีนไม่จำเป็นต้องบอกพี่ ”
“ ไม่ใช่ไปวุ่นวายกับผู้ชายคนอื่นนะ ” น้ำเสียงของพี่โรมดุดันมาก อย่างกับจะเอาเรื่องฉันให้ได้เลย
“ พี่ต้องการอะไร ? ”
“ อย่าทำให้คุณเมฆาต้องโกรธ ”
“ แค่นั้นเหรอ แค่กลัวเขาโกรธ กลัวเขาเอาตำแหน่งคืนแค่นั้นเองเหรอ ”
“ ไอรีน! อย่าพูดแบบนี้กับพี่ จะทำอะไรคิดให้มันดีๆ ตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว อย่าใช้ชีวิตตามอำเภอใจ พี่เตือนเพราะไม่อยากให้ใครมาพูดว่าน้องสาวมั่วผู้ชาย ”
“ รีนรู้ว่าต้องรักษาหน้าที่การงานของพี่กับพ่อไว้ยังไง ถ้ารีนจะเลวก็เลวที่ตัวรีนไม่ได้เกี่ยวกับพี่กับพ่อหรอก ”
“ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ไปคั่วผู้ชายมาใช่ไหม นอกใจคุณเมฆาใช่ไหม ” พี่โรมเข้ามาจับตัวฉันเขย่า ราวกับคนวิตกกังวลจนสติแตกเลย ทำฉันตกใจตะลึงในอาการของพี่ชาย จนฉันผลักพี่โรมออกไปจากตัว
“ เป็นบ้ารึไง กลัวตกงานจนสติแตกไปแล้วเหรอ รีนจะบอกอะไรให้นะ อะไรที่พี่ได้มาง่ายๆ สักวันมันก็หายไปจากชีวิตพี่ได้ง่ายๆเหมือนกัน ”
“ ไอรีน!! ” พี่โรมโกรธจัดหน้าแดงก่ำมากที่ฉันพูดจี้จุดอ่อนตอกใส่หน้าแบบนี้
“ ออกไปจากห้องรีน ”
“ นี่กล้าไล่พี่เหรอ ”
“ รีนบอกให้ออกไป พี่ก็รู้ใช่ไหม ว่าเมฆาหลงรีนขนาดไหน พี่ไม่อยากโดนเมฆาถีบตกเก้าอี้ใช่ไหม ”
“ ………….. ”
“ อำนาจงานพี่อยู่ในมือรีน รู้ไว้ด้วย ”
พี่โรมเหมือนตั้งสติได้ว่าสิ่งที่ฉันพูด มันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกอย่าง เขาออกไปจากห้องฉันด้วยอาการที่ไม่กล้าขัดฉัน….นี่สินะคือโลกแห่งความจริง มันทำให้เรี่ยวแรงเขาของหมดลวไร้เรี่ยวแรงพยุงตัวให้ยืนต่อได้ ฉันทรุดลงนั่งอย่างคนหมดแรง อีกนานแค่ไหนที่ฉันต้องทน นานแค่ไหนที่ฉันต้องฝืนใจตัวเอง
‘ ไม่ใช่สิ ใจของฉัน ฉันจะรักใครก็ได้ ’
ความรักมันห้ามกันไม่ได้ ตัวของฉัน หัวจิตหัวใจของฉัน คนอื่นเขาอาจจะบีบบังคับตัวฉันให้รู้สึกกับใครได้ แต่เขาไม่มีสิทธิ์ฝืนหัวใจของฉันให้รักใครได้ แม้แต่คนถืออำนาจควบคุมทุกอย่างในชีวิตฉัน…เมฆา
ฉันเหมือนนักโทษต้องโทษคดีประหาร มีผู้คุมคอยประกบเฝ้ามองควบคุมทุกอย่างก้าว ตอนนี้ลูกน้องของเมฆาปรากฏตัวเดินป้วนเปี้ยนอยู่เต็มบริเวณบ้านของฉัน แต่ละคนราวกับช่วยกับจับจ้องมองฉันไม่ให้คลาดสายตา ถ้าฉันเดาไม่ผิดคงจะเป็นคำร้องขอของพี่ชายและพ่อที่จะให้ควบคุมฉันสินะ
“ คุณไอรีนจะไปไหนคับ ? ”
แค่ฉันเดินมาที่รถ ลูกน้องเมฆมาก็แทบวิ่งกรูเข้ามาที่ฉัน อย่างว่าฉันใส่ชุดแต่งตัวที่พอจะเดาได้
“ ไปหาอะไรกิน ”
“ ผมขับรถให้คับ ”
“ ไม่ต้อง รีนขับเองได้ ” เปิดประตูรถได้ฉันก็ขับออกมาเลย ฉันไม่เปิดโอกาสให้ลูกน้องเมฆถามเซ้าซี้
ฉันกับหยกนัดออกมาหาอะไรทานข้างนอกด้วยกัน ออกมาพบปะพูดคุยกันตามประสาเพื่อนสนิทที่หาเจียดเวลาว่างมาเจอกัน ร้านอาหารในตัวเมืองบรรยากาศดี หยกที่มาถึงก่อนโบกไม้โบกมือให้ฉัน
“ แดกไรดีอีดอก ”
“ ได้หมดถ้าเจ๊หยกคนสวยเลี้ยง ”
“ อีดอก พูดแบบนี้เอาไม้มาฟาดกูเถอะ ”
“ ฟาดทำไมว่ะ ”
“ ฟาดให้หน้ากูเสียโฉมจะได้ไม่ต้องสวย เบื่อจะสวยว่ะ ”
“ อีห่าราก ”
“ ฮ่าๆๆ ”
คุยหยอกล้อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามประสาเพื่อนสนิท ระหว่างที่กำลังคุยพร้อมทานอาหารไปด้วย อยู่ๆหยกก็เอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางเลิกลั่กไม่ไหว
“ อีไอรีน มีคนตามมึงมาไหมว่ะ ” ฉันหันไปมองตามสายตาของหยกที่ฉันนั่งหันข้างให้อยู่ ลูกน้องของเมฆาสองคนตามฉันมาจริงๆ เข้ามานั่งในร้านอาหารห่างจากโต๊ะฉัน แต่ก็สามารถเห็นได้ชัดเจน เพราะฉันขับออกทางประตูหน้าสินะถึงตามมาได้
“ คนของเมฆา ”
“ กูเข้าใจล่ะ ทำมึงถึงไม่อยากให้กูไปวันที่มึงหมั้น ” หยกรู้เรื่องราวทุกอย่างของฉัน ฉันเป็นคนขอไม่ให้เพื่อนไปเอง
“ กูไม่อยากให้มึงเห็นสีหน้าแย่ๆของกูว่ะ ”
“ แต่ทำไมมึงดูสดใส หน้าตาเปล่งปลั่ง ไม่ได้เศร้าหมองเหมือนตอนนั้นว่ะ ” เดาเก่งรองจากหมอดูก็เพื่อนหยกนี่แหละ
“ อะไร กูมาหามึงกูต้องสดใสดิ ”
“ ไม่ใช่ มีอะไรที่มึงยังไม่บอกกูใช่ไหม หน้าตามึงผ่องใสเหมือนคนกำลังมีความรัก บอกกูมาเดี๋ยวนี้ ” ฉันบอกแล้วว่าหมอดูยังสะเทือน ถ้าหยกไปแย่งอาชีพ
“ มึงคิดไปเองแล้ว ”
“ บอกกูมา ” สายตาที่จริงจังแน่วแน่ คาดคั้นหว่านล้อมบีบบังคับทุกอย่าง นี่ฉันมีเพื่อนนิสัยเผด็จการตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
“ อืม ”
“ อืมอะไร หรือว่ามึงกำลังมีความรัก มึงกำลังคบกับใครอยู่ใช่ไหม ” เพื่อนก็คือเพื่อนที่แค่มองตาก็สามารถรับรู้ได้จริงๆ
“ ก็คุยๆอยู่ เขาชอบกู กูก็ชอบเขา ”
“ เขาเป็นใคร หล่อไหมว่ะ ” อาการสอดรู้สอดเห็นของเพื่อนฉันเกินร้อยจริงๆ
“ ถ้ากูมั่นใจกูจะบอกมึง ”
“ อีไอรีน มึงหมั้นกับคุณเมฆาแต่มึงคบกับผู้ชายคนอื่น มันไม่ชิบหายเหรอว่ะ คนที่มึงคุยอยู่เขาจะไม่เดือดร้อนใช่ไหมว่ะ ”
“ ใจกูไม่ได้อยู่กับเมฆา กูพร้อมปกป้องเขา กูไม่ยอมให้เมฆาทำลายหัวใจกูได้ กูยอมเจ็บแม้ได้รักเขาในที่ลับๆ ”
“ เฮ้อ…กูบอกแล้ว อย่าสวยให้มาก ขี้เหร่เหมือนกูนี่ ไม่มีใครแย่ง มีแต่ต้องวิ่งจับเขา ”
“ ……….… ”
ณ ห้องทำงานที่ฉันต้องมานั่งดูงานที่พี่หน่อยดูแลไว้ให้ และก็เป็นวันที่เมฆากลับมาด้วย เขาเข้ามาในห้องงานของฉัน ก่อนจะเข้ามาจุ๊บหัวฉันต่อหน้าลูกน้อง
“ คิดถึง ” ฉันไม่ได้ตอบอะไรเขา เพราะสิ่งที่เขาทำ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยสักนิด
“ ไม่สบายหายดีรึยัง ? ” เมฆาเอ่ยถามฉันพร้อมเอามือมาแตะหน้าผากฉัน แต่ฉันเบี่ยงหน้าหลบไม่ให้เขาแตะ เขาไม่อยู่แต่มีคนคอยรายงานเรื่องของฉันตลอดสินะ
“ หายแล้ว ”
“ เตรียมตัวดินเนอร์คืนนี้ ฉลองให้ผมหายคิดถึง ”
“ ………….. ”
ฉันไม่มีสิทธิ์ขัดอะไรเขาได้ต้องเป็นหุ่นยนต์ให้คนอื่นแต่งตัวประโลมผิวเพื่อเนรมิตให้ฉันเป็นเจ้าหญิง เพื่อให้สมกับการไปหาเจ้าชายในร่างปีศาจ
โรงแรมที่ฉันเคยมาในครั้งก่อน ลิฟต์ขึ้นมาสู่ชั้นบนของโรงแรม ห้องดินเนอร์ถูกตกแต่งอย่างดิบดี เมฆาในชุดสูทนั่งรอฉัน ท่ามกลางโต๊ะอาหาร ฉันนั่งลงตรงข้ามเขา
“ ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงานะ ผมมีอะไรแก้เหงาให้ไอรีนดูด้วย ”
พรึ่บบบบ~~
เมฆากดพยักหน้าบอกลูกน้อง อยู่ๆผ้าม่านที่บดบังอะไรอยู่ก็ค่อยๆหล่นลง มันทำให้ฉันตกใจตัวสั่น เพราะมันคือผู้หญิงสองคนเปลือยกายปราศจากเสื้อผ้าอาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียวในห้องกระจก ที่กำลังวาดลวดลายเต้นยั่วยวนอยู่
“ กับแกล้มช่วยให้เจริญอาหารน่ะ ” เมฆามองผู้หญิงสองคนนั้น ก่อนจะหันมาเอ่ยกับฉันด้วยท่าทางรอยยิ้มคนโรคจิต ทำฉันสะอิดสะเอียน
“ โสโหรก ”
“ เหรอ แต่ไอรีนต้องทนโสโหรกหน่อยนะ เพราะผมไม่ให้ออกไปจากห้องนี้ พร้อมขึ้นสวรรค์กับผมรึยัง ลูกไก่ในกรงทองของผม ฮ่าๆๆ ”
“ ………….. ”