ในขณะที่สองพี่น้องกำลังกอดกันร่ำไห้ เสียงหัวเราะของสตรีผู้หนึ่งก็ได้ดังเข้ามา โจวลี่หลินรู้สึกว่าเสียงของสตรีผู้นั้นช่างบาดหูเสียเหลือเกิน
"ช่างดูเป็นพี่น้องที่รักกันดี จนข้ารู้สึกสลดใจแทน หากเจ้าตายไปแล้ว ข้าจะดูแลตอบแทนที่เจ้ายอมตกแต่งไปแทนข้าดูแลสามคนนี้ให้เจ้าเอง อย่างน้อยๆข้าอาจจะมอบตำแหน่งทาสชั้นล่างให้กับพวกเขา จะได้ไม่ต้องมีชีวิตตกระกำลำบาก อย่างน้อยก็จะได้มีข้าวกินประทังชีวิตดีหรือไม่"
จางหยวนลี่เดินนวยนาดเข้ามาภายในห้องของนาง
"ไม่ทราบว่าพี่หญิงใหญ่มาที่เรือนของข้าด้วยธุระอันใด"
"ข้าก็แค่จะมาถามไถ่เห็นว่าอีกไม่กี่วัน เจ้าจะต้องตกแต่งออกไปแล้ว"
"ข้าไม่คิดเลยว่าพี่หญิงใหญ่จะมีความหวังดีให้กับผู้อื่นเป็นด้วย วันนี้ไม่ต้องตกแต่งใบหน้าให้ดูซีดเซียวแล้วหรอกหรือ ไม่กลัวว่าจะถูกครหาหรืออย่างไร คนอื่นอาจจะมองว่าท่านเป็นสตรีที่เสแสร้ง ดูไม่น่าเชื่อถือหรือไม่"
เมื่อเห็นใบหน้างดงามที่ถูกตกแต่งเป็นอย่างดีของอีกฝ่ายที่ไม่ต้องแต่งหน้า ให้ดูซูบซีดคล้ายกับคนป่วยเหมือนทุกวัน โจวลี่หลินก็ได้แต่รู้สึกมันเขี้ยว อดที่จะเอ่ยกระทบนางสักเล็กน้อยไม่ได้
แต่แทนที่อีกฝ่ายจะรู้สึกสะทกสะท้าน นางกลับหัวเราะออกมาเสียงดังแทน
"ข้าคงไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งป่วยอีกต่อไปแล้ว เพราะอีกแค่เพียงสามวัน เจ้าก็จะต้องตกแต่งไปแทนข้า"
โจวลี่หลินจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสาแก่ใจของอีกฝ่าย คนพวกนี้ช่างร้ายกาจ และไม่มีความรู้สึกผิดสักนิด คอยดูเถิดหากนางมีชีวิตรอดไปได้ จะต้องกลับมาสั่งสอนให้รู้จักสำนึกเสียบ้าง
"ที่มาวันนี้ข้าเพียงจะมาบอกว่า ท่านพี่อี้เหยียนมาขอพบเจ้า แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ เพราะข้าไปพูดคุยกับเขาแทนเจ้าแล้ว"
เมื่อไม่เห็นสายตาแห่งความเสียใจหรือตกตะลึงหลังจากได้ยินชื่อของบุรุษผู้นั้น จางหยวนลี่จึงนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนที่จะแสยะยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับเดินไปใกล้โจวลี่หลินมากยิ่งขึ้น
"ข้าลืมไป เจ้าความจำเสื่อม อาจจะลืมไปแล้วว่าบุรุษผู้นี้มีความสำคัญต่อเจ้าอย่างไร ข้าจะบอกเจ้าให้ก็ได้ แม่ทัพหม่าอี้เหยียน คือคนรักของเจ้า มิใช่สิคืออดีตคนรักต่างหาก เพราะต่อจากนี้เขาจะกลายมาเป็นว่าที่คู่หมั้นของข้าแทน ลืมไปอีกอย่าง เจ้าอย่าได้คิดฝันว่าพี่ชายรองจะสามารถมาช่วยเจ้าให้หลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้ เพราะตอนนี้แม้นแต่ตัวเขาเอง ก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากไม่ต่างกัน"
คล้ายกับนางได้พูดในสิ่งที่ตนเองปรารถนาแล้ว จางหยวนลี่จึงได้เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่มีความสุขอย่างยิ่ง โจวลี่หลินจึงได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น เมื่อได้ยินถึงตัวแปรที่เพิ่มขึ้นมาอีกคน ในชีวิตของสตรีที่นางสวมรอย แต่เมื่อได้ยินว่าจางฟู่หรงตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก นางจึงได้ให้สาวใช้ออกไปสืบความเป็นมาของเรื่องนี้ จึงพบว่าตอนนี้จางฟู่หรงล้มป่วย ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้น ก็ไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ เขาต้องลางานที่กองทัพอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งเรื่องนี้โจวลี่หลินรู้ดีว่ามันเป็นเพราะเหตุใด…
"ไม่คาดคิดเลยว่าผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดา จะสามารถลงมือกับบุตรชายแท้ๆ เพียงเพราะไม่ต้องการให้เขามาขวางทางตนเองได้เช่นนี้ แต่อย่างน้อยก็ยังถือว่าเขายังมีเมตตา ที่คงจะวางยาบางอย่าง เพื่อที่จะไม่ให้บุตรชายมาขัดขวางแผนการของตนเองได้ไม่ถึงกับต้องการเอาชีวิต" หญิงสาวพึมพำออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ต่อจากนี้นางคงต้องพึ่งตนเองอย่างแท้จริงแล้วสินะ
โจวลี่หลินที่นั่งอยู่ในเกี้ยวแปดคนหาม การแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่คล้ายกับเป็นความฝันของสตรีมากมาย แต่สำหรับนางแล้วในตอนนี้คล้ายกับกำลังเดินเข้าสู่กองไฟเข้าไปทุกครา มือทั้งสองข้างของนางถูกกำเอาไว้แน่น เหงื่อผุดพรายจนชุ่มไปทั่วแผ่นหลัง ใบหน้าที่ถูกตกแต่งมาเป็นอย่างดี ทำให้เสริมดวงหน้าหวานให้งดงามยิ่งขึ้นกว่าปกติ แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความกังวลให้กับหญิงสาวมากยิ่งขึ้น
ขบวนเจ้าสาวที่ไร้ซึ่งเจ้าบ่าวขี่ม้านำขบวน ถึงแม้นจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ แต่ในใจของนางตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เมื่อนางเดินทางมาถึงยังตำหนักเมฆา ซึ่งเป็นตำหนักที่ประทับของอ๋องปีศาจ ที่ทุกคนต่างขนานนามด้วยความหวาดกลัว โจวลี่หลินก็ได้ถูกเชิญลงมาจากเกี้ยว แต่เพียงแค่นางหยุดยืนอยู่ที่หน้าตำหนัก กลับพบว่ามันช่างเงียบเหงา สถานที่แห่งนี้ไม่คล้ายกับมีงานมงคลแต่อย่างใด
"เหตุใดที่นี่ถึงได้เงียบนัก"
โจวลี่หลินอดถามกับกงกงที่ออกมายืนต้อนรับนางด้วยความสงสัยไม่ได้ แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้นางรู้สึกอยากจะยกดาบขึ้นฟันหัวคนผู้นั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอด
"ท่านอ๋องตรัสว่าจัดไปก็สิ้นเปลืองเสียเปล่า เพราะพรุ่งนี้ก็ถือเป็นงานอัปมงคลแล้ว"
โจวลี่หลินที่เข้าใจแล้วว่าพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานในวันนี้เท่าใดนัก อีกอย่างนางก็ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงขนบธรรมเนียมประเพณีอันใดแล้วเช่นกัน หญิงสาวจึงได้สลัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก เมื่อเป็นอิสระสายตาของนางก็ได้กวาดมองไปทั่วทั้งบริเวณอย่างสำรวจ
"อือ มีเพียงผ้าสีแดงที่ถูกประดับไว้ตรงหน้าตำหนักนี้เท่านั้นกระมังที่บ่งบอกว่าที่นี่มีงานมงคล หากนายของท่านคิดว่ามันเป็นเรื่องสิ้นเปลือง เหตุใดถึงไม่ประดับผ้าสีขาวไว้รอเลยเล่าจะได้ประหยัด"
หญิงสาวกล่าวประชดประชันเสร็จ ก็สาวเท้าเข้าไปภายในตำหนักด้วยความอุกอาจ กงกงที่ออกมาต้อนรับนางก็ถึงกับมองหญิงสาวตาค้าง
"พระชายาจะทำสิ่งใด"
"ท่านอ๋องของเจ้าอยู่ที่ใด"
"เอ่อ ท่านอ๋องไม่ได้ประทับอยู่ในตำหนัก"
คำตอบของกงกงผู้นั้นถึงกับทำให้โจวลี่หลินคิ้วกระตุก นางหันขวับกลับไปจ้องมองใบหน้าของเขาในทันที
"ไม่อยู่แล้วจะกราบไหว้ฟ้าดินกันอย่างไร…!?"
"ท่านอ๋องตรัสว่าให้พระชายารออยู่ที่ในตำหนักที่ถูกจัดไว้ เมื่อท่านอ๋องเสร็จธุระแล้ว จะเป็นฝ่ายไปหาพระชายาด้วยพระองค์เอง"
"ออ ไม่ต้องคำนึงถึงพิธีรีตรองอันใดสินะ งั้นก็ดีข้าก็รู้สึกเหนื่อยไม่น้อยเช่นกัน วันนี้ไม่มีแขกเหรื่อ ไม่มีพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน ช่างเป็นการต้อนรับเข้าตำหนักอย่างที่ข้าคาดไม่ถึงเสียจริง งั้นกงกงจะรอช้าอยู่ไย นำทางข้าไปยังตำหนักที่ข้าต้องพำนักเสียที"
"พระชายาสามารถเรียกกระหม่อมว่าหลี่กงกง หากพระชายาต้องการสิ่งใด สามารถเรียกใช้กระหม่อมได้"
หลี่กงกงถึงกับต้องทอดมองใบหน้าของโจวลี่หลินใหม่อีกครั้ง สตรีผู้นี้ไม่แม้นแต่จะโวยวาย หรือแสดงความไม่พอใจ เมื่อได้รับคำตอบที่นางต้องการแล้ว ก็สามารถยอมรับกับการกระทำเหล่านั้นได้โดยไม่มีอิดออด ช่างเป็นสตรีที่แปลกประหลาดเสียเหลือเกิน และที่ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่พบความหวาดกลัวในดวงตานั้นอย่างเช่นสตรีคนอื่นที่แล้วๆมาเลยแม้แต่น้อย
"เชิญพระชายาทางนี้"
โจวลี่หลินถูกนำไปยังตำหนักหนึ่ง ที่ถูกตกแต่งเอาไว้เป็นอย่างดี แต่ในขณะที่นางและสาวใช้ซึ่งตามมาด้วยกำลังจะเดินเข้าไปภายในตำหนัก ก็ได้ถูกขวางเอาไว้เสียก่อน
"ท่านอ๋องมีรับสั่งว่าไม่ชอบให้มีคนแปลกหน้าเข้ามาภายในตำหนักของพระองค์ จึงอนุญาตให้พระชายาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถอาศัยอยู่ในตำหนักนี้ ส่วนสาวใช้ที่เหลือให้กลับไปยังตระกูลเดิม ท่านอ๋องจะเป็นธุระจัดหาสาวใช้ที่มีความเหมาะสมให้กับพระชายาในภายหลัง"
โจวลี่หลินที่ไม่ได้มีความผูกพันกับสาวใช้เหล่านี้อยู่แล้ว จึงได้พยักหน้ายอมรับ และนี่ก็เป็นอีกท่าทีหนึ่งที่หลี่กงกงถึงกับรู้สึกคาดไม่ถึง
"ในช่วงนี้หากพระชายาทรงต้องการสิ่งใด ให้เรียกใช้กระหม่อมได้ในทันที"
"ที่ตำหนักนี้มีผีหรือเอ่อ…มันเป็นตำหนักเก่าของชายาคนก่อนหรือไม่"
คำถามของโจวลี่หลินดูจะเกินความคาดหมายของหลี่กงกงไม่น้อย เขาทอดมองใบหน้างามของนางอย่างพิจารณาอีกครั้ง นี่นางไม่ได้หวาดกลัวเกี่ยวกับข่าวลือของชายาคนก่อน แต่กลับกลัวว่าตำหนักนี้จะมีผีอย่างนั้นหรือ ช่างเป็นสตรีที่มีความแปลกประหลาดในตัวโดยแท้ เรื่องที่ควรกลัวไม่กลัว แต่กลับกลัวในเรื่องที่ไร้สาระเช่นนี้
"ย่อมเป็นตำหนักของพระชายาคนก่อน แต่พระชายาอย่าได้ทรงกังวล เพราะพวกนางมิได้ตายอยู่ภายในตำหนักนี้หรอก"
เมื่อได้ฟังคำตอบจากหลี่กงกงแล้ว โจวลี่หลินถึงกับมีสีหน้าผ่อนคลายลง นางเดินเข้าไปภายในตำหนัก พร้อมกับกวาดมองทั่วทั้งห้อง พบว่าข้าวของเครื่องใช้ต่างๆล้วนแล้วแต่เป็นของมีค่ามีราคาทั้งสิ้น
"แล้วเมื่อใดท่านอ๋องถึงจะกลับมา"
"เรื่องนั้น ท่านอ๋องมิได้บอกไว้"
โจวลี่หลินเมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจแล้ว ความกดดันก่อนหน้านี้ ก็ได้ลดลงไปเป็นอย่างมาก การที่ปีศาจตนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ในเวลานี้ ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง เนื่องจากต้องตื่นแต่เช้า ในตอนนี้จึงทำให้นางรู้สึกง่วงนอนและอ่อนล้ามาก หญิงสาวไม่รอช้าจึงจัดแจงให้หลี่กงกงและนางกำนัล ช่วยถอดกว้านเจ้าสาวออก พร้อมกับให้นางกำนัลดูแลต้มน้ำ และดูแลปรนนิบัตินาง หลังจากที่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินขึ้นเตียงนอนโดยไร้ซึ่งท่าทีหวาดกลัว ซึ่งนั่นเป็นเพียงแค่ภาพที่นางกำนัลและหลี่กงกงได้เห็น แต่แท้ที่จริงแล้วหญิงสาวได้เตรียมพร้อมรับมือกับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว โดยที่แม้แต่คนที่จับตามองดูนางตลอดก็ยังไม่สามารถสังเกตเห็น…
"ข้าง่วงแล้วจะเข้านอนก่อน หากท่านอ๋องมาก็ให้เข้ามาปลุกข้าในภายหลังแล้วกัน"
หลังสั่งนางกำนัลออกไปเช่นนั้น หญิงสาวก็ขึ้นเตียงนอนโดยไร้ซึ่งท่าทีกังวลใจใดๆ นางกำนัลที่คอยรับใช้ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนอนหลับไปแล้ว จึงได้แต่เดินออกไปอย่างเงียบๆ พร้อมกับรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ให้กับหลี่กงกงได้ทราบ