เมื่ออันหนิงกั๋วกงกลับมาแล้ว โจวลี่หลินจึงถูกนำมาให้พบกับผู้เป็นเจ้าของจวน หรือผู้ที่เป็นบิดาของสตรีที่นางกำลังสวมรอยอยู่ แต่แค่เพียงประโยคแรกที่เขากล่าวกับนาง ก็เต็มไปด้วยความเดือดดาลจนนางยังแอบตกใจ
"เจ้าช่างกล้ามากที่แอบหนีไปเช่นนี้ เจ้าอยากให้ตระกูลของข้า ต้องมาจบสิ้นเพราะเจ้าหรือ"
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าของบุตรสาวที่หายไปนาน แทนที่ผู้เป็นบิดาจะถามสารทุกข์สุขดิบด้วยความห่วงใย ประโยคแรกกลับเต็มไปด้วยการด่าทอ สายตาที่ทอดมองมา ยังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว โจวลี่หลินจึงมิได้รู้สึกแปลกใจเท่าใดนัก ที่สตรีผู้นั้นแอบหนีไปโดยไม่สนใจถึงความทุกข์ร้อนของคนในตระกูล
"เหตุใดถึงโยนความผิดมาที่ข้าแต่เพียงผู้เดียวเล่า ถึงแม้ข้าไม่อยู่ พวกท่านก็สามารถให้พี่หญิงใหญ่ ได้ทำหน้าที่ของนางก็ได้นี่ เพราะราชโองการในตอนแรก ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนไม่ใช่หรือ ว่าต้องการให้นางตกแต่งไปเป็นชายาของชินอ๋อง"
"ฮุ่ยเอ๋อร์เจ้าจะพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก เจ้าก็รู้ว่าพี่สาวของเจ้าตอนนี้ร่างกายอ่อนแอ แม่จึงต้องรักษานางให้หายขาดเสียก่อน ถึงแม่ไม่เต็มใจให้เจ้าตกแต่งแทนพี่สาว แต่ก็จนใจด้วยไม่รู้ต้องทำเช่นไรดีเพื่อที่จะไม่ให้ตระกูลจางได้รับพระอาญา เพราะขัดราชโองการจึงต้องทำเช่นนี้"
โจวลี่หลินแสยะยิ้มมุมปาก นางเชิดคางขึ้นเล็กน้อยทอดมองไปที่ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นฮูหยินใหญ่ของจวนแห่งนี้ด้วยสายตาดูถูก "แปลกยิ่งนักร้อยวันพันปีพี่หญิงใหญ่มิเคยล้มเจ็บ แต่แค่เพียงมีพระราชโองการให้ตกแต่งไปเป็นชายาของบุรุษที่ได้ขึ้นชื่อว่ากลืนกินเจ้าสาวตั้งแต่คืนแรกที่เข้าหอ นางก็เกิดล้มป่วยขึ้นกระทันหัน อย่าให้ข้าต้องพูดมากเลย ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ พวกท่านทำสิ่งใดล้วนรู้อยู่แก่ใจดี ขนาดความจำของข้ายังไม่กลับมา แค่เพียงถามความจากสาวใช้ไม่กี่คำ ข้าก็รู้เช่นเห็นชาติ ถึงสิ่งที่พวกท่านสามคนต้องการแล้ว"
แน่นอนว่าสามคนนั้นนางหมายรวมถึงผู้เป็นบิดาด้วย เมื่ออันหนิงกั๋วกงได้ยินก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
"แล้วจะทำไม ที่ข้าเลือกให้เจ้าตกแต่งแทนพี่สาว เพราะเห็นแก่เจ้ามากแล้ว ด้วยฐานะที่ถือกำเนิดจากฮูหยินรอง บุตรีเช่นเจ้าจะมีวาสนาได้ตกแต่งเป็นถึงชายาเอกของอ๋องผู้หนึ่งหรือ นี่เจ้ายังไม่สำนึกในบุญคุณ ยังจะมาด่าทอขอความเมตตานี้จากข้าอีก"
"อันหนิงกั๋วกงท่านช่างพูดได้ไม่ละอายปากเลยสักนิด เห็นกันอยู่ว่าการแต่งงานครั้งนี้คือการส่งข้าไปตายชัดๆ แต่ท่านเลือกพูดเอาดีเข้าตัว หากตำแหน่งนี้มันดีถึงเพียงนั้น เหตุใดท่านถึงไม่ยกให้บุตรีคนโปรดของท่านเล่า"
"เจ้า..!!! ตั้งแต่เจ้ากลับมาครั้งนี้ กล้าเถียงคำไม่ตกฟากกับข้าเลยหรือ เจ้านี่มันช่างแพศยาไม่ต่างจากมารดาของเจ้าไม่มีผิด"
โจวลี่หลินเห็นแววตาของบิดาที่ทอดมองมายังตน ซึ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มากกว่าปกติ ด้วยสัญชาตญาณของผู้ที่ผ่านโลกมามาก จึงทำให้รู้ว่าท่าทีเช่นนี้ต้องมีอะไรมากกว่าที่นางเข้าใจ
'คนตระกูลนี้ยังมีความลับอันใดอีกนะ'
"ท่านพ่อถึงอย่างไรนางก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรสาวของท่าน เหตุใดท่านถึงมิเคยให้ความรักใคร่เอ็นดูนางบ้าง" จางฟู่หรงที่ทนเงียบอยู่นาน ในที่สุดเมื่อเห็นสายตาที่บิดาทอดมองผู้เป็นน้องสาวแท้ๆของตนเองด้วยความเกลียดชังเช่นนั้น ก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
"เจ้ากล้าต่อว่าบิดาหรือ… ใช่สิตอนนี้เจ้ามีตำแหน่งเป็นถึงรองแม่ทัพใหญ่แล้ว คงไม่เห็นหัวบิดาอย่างข้าแล้วกระมัง"
"มิใช่ว่าข้ามิเคารพท่าน แต่ท่านก็น่าจะรู้ดีว่าที่ผ่านมา ท่านไม่เคยแสดงความรักความเอ็นดูกับนาง แม้แต่เรื่องนี้ผู้ใดก็รู้ ว่าท่านลำเอียงอย่างชัดเจน การส่งนางให้ตกแต่งไปเป็นชายาของชินอ๋อง ก็เท่ากับส่งนางไปตาย แล้วเหตุใดท่านถึงไม่ลังเลแม้นสักนิด ที่จะไตร่ตรองเรื่องนี้อีกครั้ง"
"แค่เพียงเสียสละตนเองเพื่อพี่สาว พวกเจ้าสองพี่น้องยังไม่สามารถทำได้ ดูเอาเถิดว่าความเห็นแก่ตัวนี้มีมากเพียงใด ต่อให้พูดอย่างไรพวกเจ้าก็คงดื้อดึงอยู่ดี ฟังคำข้าให้ดี ถึงพวกเจ้าสองพี่น้องไม่ยินยอม ข้าก็จะจับน้องสาวของเจ้าตกแต่งให้ไปเป็นชายาของชินอ๋องให้ได้ ต่อจากนี้ข้าจะให้คนคอยจับตาดูนางอย่างเข้มงวด หากเป็นไปได้ ถึงข้าจะต้องจับนางมัดขึ้นเกี้ยว เพื่อตกแต่งเข้าตำหนักเมฆาข้าก็จะทำ"
โจวลี่หลินเห็นถึงความลำเอียงนี้แล้ว นางก็ไม่สามารถหาถ้อยคำใดมากล่าวโต้แย้งบุรุษตรงหน้าได้อีก ความรู้สึกคับแค้นใจแทนสตรีที่นางสวมรอยยังมีมากขนาดนี้ นางมิแปลกใจเลยที่เหตุใดสตรีผู้นั้นจึงได้เลือกทอดทิ้งคนเหล่านี้ไปอย่างไม่ใยดี
"จำคำข้าไว้เช่นกันหากข้าสามารถมีชีวิตรอดไปได้ ข้าจะต้องกลับมาแก้แค้นพวกท่านทั้งหมดที่ทำกับข้าไว้"
โจวลี่หลินประกาศกร้าวออกมาอย่างไม่กลัวเกรง นางจ้องเขม็งไปที่ผู้เป็นบิดาปลอมๆอย่างเกลียดชังไม่แพ้กัน ก่อนที่จะสะบัดกายเดินหันหลังจากไปโดยไม่แม้แต่สนใจคำด่าทอตามหลังเลยแม้แต่น้อย
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา โจวลี่หลินก็ถูกคนคุ้มกันเอาไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่จางฟู่หรงเอง ก็ไม่สามารถเข้ามาหานางได้โดยง่าย ด้วยกลัวว่าสองพี่น้องจะคิดแผนการเพื่อหลบหนีอีก
เมื่อใกล้วันแต่งงาน ทุกสิ่งอย่างก็ได้ถูกจัดเตรียมไว้อย่างเสร็จสรรพ โจวลี่หลินเองก็ได้มีการเตรียมพร้อมกับเรื่องนี้เช่นกัน
"พี่สาวเหตุใดช่วงนี้ท่านถึงได้กินมากนัก ยิ่งใกล้วันเข้าไปทุกที ข้าไม่เห็นว่าท่านจะเดือดเนื้อร้อนใจ ยังสามารถกินอิ่มนอนหลับได้ ดูเอาเถิดตั้งแต่มาอยู่ที่จวนนี้ ข้ารู้สึกว่าท่านจะดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าแต่ก่อนเสียอีก"
โจวฮุ่ยเหอมองจ้องโจวลี่หลินที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สาว ซึ่งกำลังยัดอาหารเข้าปาก จนทำให้สองข้างแก้มของนางขยายใหญ่ขึ้น
"ข้าก็กำลังเตรียมความพร้อมให้ร่างกายตนเองเช่นไรเล่า เจ้าเป็นเด็กคงยังไม่เข้าใจ อธิบายไปก็ไม่เกิดประโยชน์"
"เตรียมร่างกายอย่างไร ข้าไม่เห็นจะเข้าใจเลยจริงๆ"
เมื่อได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความใสซื่อของเขา โจวลี่หลินจึงหันซ้ายมองขวา ก่อนที่จะนั่งลงกระซิบบอกกับผู้เป็นน้องชายด้วยเสียงเบา
"เพราะข้าได้ยินว่าเจ้าสาวทั้งเจ็ดคนของอ๋องปีศาจก่อนหน้านี้ ตกตายไปตั้งแต่คืนแรกในวันเข้าหอ ข้าว่าพวกนางอาจจะตรอมใจ และหวาดกลัวจนไม่เป็นอันกินอันนอน ไม่มีการตระเตรียมความพร้อม จึงไม่สามารถทนรับความปรารถนาของบุรุษในคืนแรกได้ไหวอย่างไรเล่า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ข้าต้องเตรียมความพร้อมให้ร่างกาย ซึ่งต้องกินอิ่มนอนหลับ เพื่อให้ร่างกายนี้แข็งแรงไม่ว่าจะผ่านพ้นสถานการณ์ยากลำบากเพียงใด ข้าย่อมต้องสามารถผ่านมันไปได้"
"นี่ท่านหมายถึงเรื่องระหว่างชายหญิงในคืนเข้าหอวันแรกนั่นน่ะหรือ…!?"
"มิผิด… เจ้าเข้าใจถูกแล้ว"
"นี่ข้ายังเด็กอยู่เลยท่านมาพูดเรื่องเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร" โจวฮุ่ยเหอร้องตะโกนออกมาเสียงหลงพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู นี่เรื่องระหว่างชายหญิงอันตรายถึงขนาดฆ่าเจ้าสาวในคืนแต่งงานได้เลยหรือ เด็กชายได้แต่จินตนาการไปไกลด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
"ก็เจ้าเป็นคนคะยั้นคะยออยากจะรู้เหตุผลของข้าเอง ซึ่งข้าก็บอกไปแล้ว มาตอนนี้ยังจะมาด่าทอข้าอีก"
โจวลี่หลินนั่งลงบีบแก้มทั้งสองข้างของเด็กชายด้วยความมันเขี้ยว ถึงแม้นนางจะถูกจับขังให้อยู่ในเรือนนี้ตลอดเวลา แต่ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือพวกเขายังคงมอบอาหารหลายอย่างให้กับนางและครอบครัว จนทำให้ตอนนี้เด็กชายที่ดูซูบผอมในวันวาน เริ่มมีความน่ารักน่าชังขึ้น จนนางอดที่จะหยอกเย้าเขาไม่ไหว
"เสี่ยวเหอหากวันหนึ่งพี่สาวไม่อยู่ เจ้าต้องเข้มแข็งดูแลท่านพ่อกับท่านย่าให้ดีเข้าใจหรือไม่….ตอนนี้สุขภาพของท่านย่าถือว่าดีขึ้นมากแล้ว ขาของท่านพ่อก็สามารถเดินเหินได้จนเกือบเป็นปกติ อย่าลืมในสิ่งที่พี่สอน จัดเทียบยาบำรุงให้กับพวกท่านทั้งสองคนตรงตามเวลาห้ามลืมเด็ดขาด"
โจวลี่หลินอดคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้าไม่ได้ นี่ก็เหลือเวลาอีกแค่เพียงสามวัน นางจะต้องตกแต่งให้กับบุรุษผู้นั้นจริงๆแล้ว หากว่านางไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้ ความห่วงเดียวก็คงมีแต่พวกเขาสามคนนี้เท่านั้น
"เสี่ยวเหอความจำสั้น ข้าจะสามารถจดจำเทียบยาอันยาวเหยียดของท่านพี่ได้อย่างไร" ถึงแม้นโจวฮุ่ยเหอยังเด็ก แต่ก็เข้าใจในความหมายที่โจวลี่หลินสื่อกับตน เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้ ดวงตาของเด็กชายก็เริ่มแดงก่ำ ม่านน้ำตาเริ่มพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย
"หากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี พี่สาวสัญญาว่าจะพาพวกเจ้าไปอยู่ด้วยให้จงได้ แต่หากทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดฝัน การเตรียมรับมือกับความผิดหวังไว้ก็เป็นเรื่องดี"
"ไม่…!!! ข้าไม่ยอม ถึงอย่างไรท่านจะก็จะต้องอยู่กับข้า"
เมื่อได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือของน้องชายแล้ว โจวลี่หลินก็ไม่สามารถเก็บกักน้ำตาของตนเองเอาไว้ได้เช่นกัน ดวงตาของนางในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ค่อยๆหยดลงมาอาบแก้ม หญิงสาวยื่นมือทั้งสองข้างออกไปเช็ดน้ำตาให้กับน้องชายด้วยความอ่อนโยน พร้อมกับดึงร่างเล็กป้อมนั้นเข้ามาสู่อ้อมกอด
"เสี่ยวเหอจงจำเอาไว้ให้ดี คนเราทุกคนไม่สามารถสมปรารถนาไปได้เสียทุกเรื่อง หากในอนาคตพี่สาวจากไปแล้ว เจ้าต้องเข้มแข็งดูแลท่านพ่อกับท่านย่าให้ดี นี่เป็นเพียงเรื่องเดียวที่พี่สาวต้องการจากเจ้าเข้าใจหรือไม่"