รัด...หน่อยนะครับ

1129 Words
เมื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้า การศึกษาค้นคว้าในขั้นที่สูงขึ้นไปก็ตามมามากขึ้น องค์ความรู้เก่าๆ ถูกปรามาสว่าล้าสมัย แนวคิดใหม่ถูกดึงเข้ามาแทนที่ แนวความคิดที่ว่า ‘พันธุกรรมของมนุษย์ถูกกำหนดไว้ตายตัวแล้ว’ ถูกลบล้างอย่างสิ้นเชิง โครงการศึกษาเกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับยีนของมนุษย์เอาไว้ ‘รหัสพันธุกรรมของมนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงได้’ โครงการ Human Trials (HT) จึงถือกำเนิดขึ้นอย่างลับๆ เป็นโครงการศึกษาการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมของมนุษย์โดยการใส่พันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตอื่นลงไปแทรกแซง โครงการที่ศึกษาค้นคว้าด้วยการใช้ ‘มนุษย์’ แทนหนูทดลอง มนุษย์ทดลองกลุ่มแรกๆ หนึ่งในนั้น... ...รหัสทดลอง ‘V’ ชะ...ช่วยด้วย... ใครก็ได้...ช่วยด้วย... ในเมื่อขยับไม่ได้คล่องแคล่วนักก็ร้องขอความช่วยเหลือ ริมฝีปากแห้งผากพยายามขยับเพื่อเอื้อนเอ่ยประโยคนี้ หากทว่าไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงลมหายใจกระหืดหอบจากการกระเสือกกระสนหนีให้พ้นจากหายนะที่กำลังบังเกิดกับตน หัวสมองคิดทบทวนไปด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเผื่อว่าตอนถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลจะได้เล่าอาการให้แพทย์ฟังได้ หากแต่จำไม่ได้ดีนักว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น เขาจำได้เพียงตัวเองกำลังเก็บข้อมูลพรรณไม้ประหลาดที่ได้รับหน้าที่มาวันนี้จนดึกดื่น หลังจากนั้นก็รู้สึกมึนเบลอคล้ายกับดื่มเหล้ามาอย่างหนักหน่วงแล้วเกิดอาการเมา ความรู้สึกถัดมาคือร่างกายไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งยังชาดิกไปทั้งตัวราวกับโดนยาชาขนานแรง เท่านี้... เท่านี้เท่านั้นที่จำได้ รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นตัวเองนอนแบ็บอยู่ที่พื้นภายในเรือนกระจกแล้ว ก่อนจะตระหนกสุดขีดเมื่อเห็นว่าบนขาทั้งสองข้างของตนถูกพันธนาการด้วยอะไรบางอย่าง... เถาวัลย์... ใช่! เถาวัลย์ไม่ผิดแน่ และมาจากพืชพรรณประหลาดที่เขากำลังศึกษาอยู่เสียด้วย! ก่อนหน้าที่ภาพจะตัดไปก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นเถาวัลย์ขยับอยู่เหมือนกัน และไม่เพียงแต่ขาเท่านั้น เขาเพิ่งจะรู้สึกว่าช่วงลำตัวและแขนก็ถูกรัดแน่นไปหมด การถูกตรึงประกอบกับอาการชาหนึบทำให้เขาขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ในเมื่อขยับไม่ได้ก็ได้แต่อ้าปากร้อง แต่ก็อย่างที่บอกไปในตอนแรก ร่างกายมันชา... ชายันริมฝีปาก มีเพียงแต่เปลือกตาเท่านั้นแหละที่พอจะขยับได้อย่างอิสระโดยไม่ติดขัดอะไร บัดซบ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ!? ชายหนุ่มพรึงเพริด เขาไม่เคยรู้สึกกลัวสิ่งมีชีวิตจำพวกพืชขนาดนี้มาก่อนในชีวิต หรือว่าไอ้พืชนี่มันจะเป็นตระกูลเดียวกับพวกต้นไม้กินคน? คิดดูดีๆ นั่นมันมีแค่ในนิทานหลอกเด็ก ทว่ามันก็เป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นการค้นพบครั้งใหม่ ถึงจะเป็นการค้นพบครั้งใหม่ แต่ทำไมเราจะต้องเสียสละเป็นเหยื่อให้ไอ้พืชบ้านี่ด้วย! เขาตะเกียกตะกายสุดชีวิต หาทางเอาตัวรอดทุกวิถีทาง นึกหงุดหงิดตัวเองอยู่เหมือนกันที่บ้างาน ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง อยู่เก็บข้อมูลจนดึกดื่นจนเกิดเรื่องบ้าๆ อย่างนี้ และเขาก็ต้องพรึงเพริดมากขึ้นกว่าเดิมไปอีกเมื่อขณะที่เขาพยายามเอาตัวรอด หางตาก็เหลือบเห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนโผล่มาจากพรรณไม้นั้น ผู้ชาย... โผล่มาจากไหน โผล่มาอย่างไร และโผล่มาตอนไหน เขาไม่รู้หรอก รู้อย่างเดียวว่าเป็นผู้ชาย อีกอย่างคือ... ไอ้บ้านี่เปลือยทั้งตัว! ไม่เห็นเต็มตาก็พอจะเดาได้ และไม่ทันที่เขาจะได้รู้ว่าคนมาใหม่นั้นเป็นใคร แผ่นหลังก็สัมผัสได้ถึงแรงกดทับจากบางสิ่ง ความอุ่นร้อนที่ส่งผ่านมายังผิวเนื้อใต้เสื้อกาวน์บอกให้รู้ว่ามันเป็นไอความร้อนจากสิ่งมีชีวิตที่เป็นมนุษย์เหมือนกับเขา สิ่งมีชีวิตที่ทาบทับอยู่บนตัวเขานั้นไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าคือผู้ชายคนนั้น เขาดิ้นรนสุดชีวิต หลบหนีเท่าที่จะทำได้หากแต่ร่างแทบไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ทำให้อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอดังหึ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหูจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น แล้วกระซิบแผ่วเบา “ที่รักครับ...” “...” “ขอรัดหน่อย” ระ...รัดอะไร? “รัด...หน่อยนะครับ” ไม่เพียงแค่ถูกทาบทับแล้ว ปลายนิ้วมือของอีกฝ่ายก็ลากไล้ไปตามแนวน่องขาทางด้านหลังก่อนมาหยุดเอาที่บั้นท้าย ชวนให้เจ้าอรุณสะดุ้งเฮือก เสียวสันหลังวาบไปทั้งตัว ระ…รัดป้านายเถอะ! แค่นี้ยังโดนรัดไม่พออีกใช่ไหม! ที่สำคัญ... ไอ้หมอนี่มันเป็นใครเนี่ย!? ว่ากันว่าพระเจ้ามอบพรสวรรค์ให้มนุษย์ทุกคน แต่พรสวรรค์ที่พระเจ้ามอบให้นั้นไม่ได้ประทานให้เหมือนกันทุกคน บางคนอาจจะมีบางอย่างที่โดดเด่น ในขณะที่บางคนอาจไม่มี เช่นเดียวกัน...บางคนมีพรสวรรค์โดดเด่นจนน่าอิจฉา ทว่ากลับขาดบางสิ่งบางอย่างที่ธรรมชาติของมนุษย์พึงมีไป ตัวอย่างเช่นชายคนนี้... เขามีพรสวรรค์ที่พระเจ้าสรรค์สร้างให้เหนือกว่าคนอื่นๆ มีความอัจฉริยะที่ยากจะหาใครเปรียบ ขณะเดียวกันก็ขาดความเป็นมนุษย์ถึงขั้นติดลบ เจ้าอรุณ... นักพฤกษศาสตร์รุ่นใหม่ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะ เหตุผลที่เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะมีไม่มาก ก็แค่... ...งานวิจัยพรรณไม้ของเขาที่ทำตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่งได้รับคัดเลือกว่าเป็นงานวิจัยที่มีคุณค่าต่อวงการพฤกษศาสตร์ไทย ...เขาสามารถเรียนจบมหาวิทยาลัยได้ภายในระยะเวลาสองปีทั้งที่หลักสูตรสาขาพฤกษศาสตร์มีสี่ปี ...สามารถคว้าทุนเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่ประเทศบราซิลได้เมื่ออายุเพียงยี่สิบเอ็ด ...จบการศึกษาระดับปริญญาโทในอีกสองปีให้หลัง เข้าทำงานในองค์กรสวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติ ประเทศบราซิล ในฐานะผู้ช่วยนักวิจัยคนสำคัญของผู้อำนวยการประจำองค์กรเพื่อชดใช้ทุนการศึกษาที่มีมูลค่ามหาศาล เขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการศึกษาวิจัยพรรณไม้ต่างๆ จากป่าอเมซอนมาตลอดสองปี งานของเขาเกือบทุกชิ้นสามารถใช้ต่อยอดได้ในวงการอื่นๆ จนเป็นที่กล่าวขวัญว่าเป็นนักวิจัยรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD