ไม่ใช่ความฝันแล้ว... มันไม่ใช่ความฝันแล้ว!

1285 Words
คนบนตัวนักพฤกษศาสตร์หนุ่มสะดุ้งด้วยความตกใจ สายตาเหลือบไปเห็นเศษซากของกระถางต้นไม้ตรงหน้าก็รับรู้ได้ทันทีว่าท่าไม่ดีแล้ว และก็ต้องรีบผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองสามคนวิ่งเข้ามาใกล้ “เกิดอะไรขึ้นครับคุณอรุณ!” เสียงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดียวกับที่มาถามเจ้าอรุณว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับ เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่ได้มาคนเดียว ยังพาเพื่อนร่วมงานอีกสองคนมาด้วยเผื่อว่าเกิดเหตุไม่ดีจะได้ช่วยกัน หนุ่มหน้าหนวดเห็นแขกไม่ได้รับเชิญก็รู้ทันทีว่าต้องรีบหนี ใช้จังหวะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นสอดส่ายสายตาสังเกตหาความผิดปกติด้านในกระโดดหายไปอีกทาง น้ำหนักบนแผ่นหลังที่ถูกยกออกไปทำให้เจ้าอรุณรีบตะเกียกตะกายไปข้างหน้าให้คนเห็นด้วยเกรงว่าถ้าไม่รีบฉกฉวยโอกาสนี้จะทำให้พลาดโอกาส ก่อนจะรู้สึกว่าเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นอย่างฉับพลันจนต้องรีบหันไปมองเรือนร่างตัวเอง บรรดาเถาวัลย์เถาน้อยใหญ่ที่พันธนาการเขาอยู่คลายตัวออกในชั่วพริบตา และกลับไปยังที่ของมันก่อนจะสงบนิ่งคล้ายกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย เป็นอิสระได้ เจ้าอรุณก็รีบดันตัวขึ้น สายตามองซ้ายขวาเร็วๆ เพื่อหาผู้ชายแปลกหน้าคนที่ลวนลามเขาคนนั้นเป็นพัลวัน ทว่าก็ไม่เห็นแม้แต่วี่แวว หะ...หายไปไหนกัน!? ไม่มีอะไรผิดแปลกไป รอบๆ เรือนกระจกไม่ได้มีช่องทางไหนที่จะหนีออกไปได้ถ้าหากไม่ผ่านประตูทางเข้าที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนอยู่ ซ้ำเรือนกระจกนี้ก็ไม่ได้กว้างขวางมากนักถึงขนาดที่จะมีพื้นที่พอให้หลบซ่อนได้อย่างมิดชิด โผล่มาจากไหนก็ยังไม่รู้ นี่หายไปไหนก็ยังไม่รู้อีก มันเกิดอะไรขึ้น!? เริ่มสงสัยหนักในตอนนี้ ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อถูกทัก “เกิดอะไรขึ้นครับคุณอรุณ ทำไมชั้นนี่มันถึงได้ล้มระเนระนาดอย่างนี้” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดิมร้องถาม เจ้าอรุณถึงได้รู้สึกตัว มองไปยังเศษซากกระถางต้นไม้ที่เพาะต้นอ่อนของพรรณไม้ประหลาดที่กำลังศึกษาอยู่แล้วก็รีบเอ่ยปาก “คือเมื่อกี้จู่ๆ ผมก็ถูก...” ถูกผู้ชายแปลกหน้าพยายามจะข่มขืน... เกือบจะพูดไปอย่างนี้แล้ว แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าถ้าบอกไปอย่างนั้น คนฟังจะต้องตกใจแล้วก็ซักไซ้ไล่เรียงไม่หยุดหย่อนแน่ แต่ปัญหาก็คือเขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ไหน ไม่มีการทิ้งหลักฐานหรืออะไรไว้ด้วย ถ้าเขาพูดไป ดูท่าทางจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะเขาถูกลวนลามด้วยนะ แต่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับหัวข้อในการนินทาเขาต่างหาก ใครมันจะไปเชื่อกัน ยิ่งมันมาจากคนที่ไม่ค่อยมีใครชอบขี้หน้าอย่างเขาด้วยแล้ว คงเห็นเป็นเรื่องตลกมากกว่า ดังนั้นเจ้าอรุณจึงตัดสินใจเปลี่ยนคำพูดกะทันหัน “ผมหน้ามืดน่ะครับก็เลยวูบไป พอรู้สึกตัวก็เลยร้องขอความช่วยเหลือ” ได้ยินอย่างนั้น คนฟังก็เลิกทำหน้าเครียด พอจะเข้าใจสถานการณ์ คิดไปว่าที่เจ้าอรุณหน้ามืดคงเป็นเพราะทำงานหนักจนร่างกายรับไม่ไหวก่อนจะพูดเชิงตำหนิออกมา “ก็คุณทำงานหนักนี่ครับ ร่างกายมันเกินลิมิตแล้ว ผมว่ากลับไปพักเถอะ แล้วเตรียมตัวเล่าให้ด็อกเตอร์โจเซหน่อยนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นพวกผมถูกดุแล้วจะถูกตัดเงินเดือนเอาโทษฐานไม่ดูแลความเรียบร้อยให้ดี” เจ้าอรุณพยักหน้ารับ เข้าใจว่ากลุ่มคนตรงหน้าไม่อยากจะมารับผิดชอบความผิดที่ตนไม่ได้ก่อ ความจริงที่เขาทำกระถางต้นไม้พันธุ์ประหลาดพวกนี้แตกกระจายมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเหมือนกัน เป็นความผิดของไอ้หน้าหนวดนั่นต่างหาก! คิดแล้วก็อยากจะลากคอตัวการมาจัดการนัก ทำไมเขาต้องโดนต่อว่าทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรด้วย เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะไอ้เถาวัลย์กับไอ้บ้านั่นแท้ๆ ถึงจะไม่อยากจะบอกไปตามความจริง แต่เจ้าอรุณรับไม่ได้กับการถูกต่อว่าสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถูกต่อว่าในความผิดที่เขาไม่ได้ทำ ทำให้เขาปราดสายตามองไปยังรอบๆ เรือนกระจกอีกครั้ง ไม่มองอย่างเดียว มีเดินสำรวจตามซอกมุมด้วยจนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอดถามไม่ได้ “มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำอะไรหาย เดี๋ยวพวกผมช่วยหา” เจ้าอรุณหันไปมองยังต้นเสียง ถามเสียงเรียบ “พวกคุณเห็นใครนอกจากผมในเรือนกระจกนี่บ้างไหมครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองหน้ากัน พลันส่ายหน้าเป็นคำตอบให้ชายหนุ่ม “ไม่นี่ครับ เข้ามาก็เห็นแค่คุณคนเดียว” “ผู้ชายที่หน้ามีหนวดเฟิ้มๆ ผมกระเซิงๆ ไม่ใส่เสื้อผ้าก็ไม่เห็นเหรอครับ” พลั้งปากถามออกไปโดยไม่รู้ตัว ทำเอาคนฟังมองหน้ากันและกันอีกระลอก คราวนี้ไม่ได้เป็นการมองในเชิงหาคำตอบให้กับคำถาม แต่มองกันด้วยคิดตรงกันว่าเจ้าอรุณถามแปลกๆ “ไม่เห็นครับ มีแค่คุณคนเดียวที่อยู่ที่นี่” “แน่ใจนะครับว่าไม่เห็น” เจ้าอรุณไม่ยอมแพ้ เค้นถามไปอีกก่อนจะถูกสวนคืน “ผมว่าคุณทำงานหนักมากไปจนเริ่มเบลอแล้วล่ะ” “ผมไม่ได้เบลอ...” “เผลอหลับแล้วฝันไปหรือเปล่าครับ” ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคดีเลย ถูกย้อนมาอย่างนี้ เจ้าอรุณก็ไปต่อไม่ถูก เขาอาจจะหลับฝันไปจริงๆ ก็ได้ ก่อนหน้านั้นจู่ๆ ก็สลบไปโดยไม่รู้ตัวนี่ แต่ถ้าเผลอหลับฝันไป ทำไมความรู้สึกตอนถูกผู้ชายหน้าหนวดคนนั้นลวนลามกับสัมผัสประหลาดบนตัวเขามันถึงได้ชัดเจนนักล่ะ มันไม่ใช่ความฝันแล้ว ฝันบ้าอะไรจะถึงเนื้อถึงตัวจนเขาจำทุกอณูสัมผัสได้ขนาดนี้ นึกถึงแล้วก็ขนลุก ก่อนจะได้สติอีกทีเมื่อถูกไล่ “กลับไปได้แล้วครับ เดี๋ยวเศษซากพวกนี้ พวกผมจัดการเอง ไปพักผ่อนเถอะ นอนให้มากๆ ผมว่าคุณชักแยกความจริงกับความฝันไม่ออกแล้ว เริ่มละเมอแล้วครับ” อาจจะจริงอย่างที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นว่า บางทีเขาอาจจะเบลอจนแยกการละเมอออกจากโลกของความจริงไม่ได้ พอถูกไล่ เจ้าอรุณก็ไม่มีเหตุผลต้องอยู่อีกต่อไป เก็บข้าวของตัวเอง เตรียมตัวออกจากเรือนกระจก ปล่อยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำความสะอาดเศษซากอารยธรรมที่เขาทิ้งไว้ให้ หากแต่ก้าวยังไม่ทันจะพ้นประตูดีก็มีเสียงทักให้เขาต้องหยุดชะงัก “มีอะไรติดอยู่ที่ขอบกางเกงด้านหลังน่ะครับ” เจ้าอรุณเอื้อมมือไปจับขอบกางเกงตัวเองทันทีก่อนจะดึงสิ่งนั้นมาดูแล้วก็ต้องเบิกตาโพลง เถาวัลย์สีเขียวอ่อนเถาเล็กๆ นี่มัน... ดวงตาเรียวมองไปยังเถาวัลย์รูปไข่ตรงหน้าอย่างตื่นกลัว ก่อนจะรีบบอกลาคนในนั้นแล้วออกจากอาคาร มุ่งหน้ากลับไปยังอพาร์ตเม้นต์ของตัวเองด้วยความรวดเร็วขณะที่มือก็ยังกำเถาวัลย์เถานั้นไว้แน่น ไม่ใช่ความฝันแล้ว... มันไม่ใช่ความฝันแล้ว!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD