ตุบ!
“เฮ้ย”
ฉันหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างน้อยวันนี้ยังมีแต้มบุญเหลืออยู่บ้างเพราะตอนกำลังจะหงายหลังฉันดันคว้าชายเสื้อของใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาในวงสนทนา
ศีรษะของฉันแนบชิดกับบางสิ่งที่แข็งและอุ่นเอามากๆ กลิ่นหอมอ่อนจากตัวของเขาทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นแปลกๆ
“หนัก”
เสียงทุ้มคุ้นหูเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนทำให้ฉันเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจพอจะขยับตัวกลับทำไม่ได้อย่างที่ร่างกายต้องการเพราะมีท่อนแขนแกร่งรัดเอวฉันไว้แน่น
อย่าบอกนะที่แข็งๆ คือหน้าอกเขาน่ะ
“กูว่าแล้วทำไมเสื้อคุ้นๆ” เสียงแหบพร่าของผู้ชายหน้าหล่อแต่ดูกะล่อนเอ่ยขึ้นมาพร้อมยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“เพทายมึงอย่าแซวมันเยอะ”
ทำให้ฉันไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิมจะลุกก็โดนคนที่นอนใต้ร่างเป็นเบาะรองรัดตัวไว้แน่นไหนจะข้อเท้าที่แพลงอีกส่วนพวกผู้ชายที่ยืนอยู่ก็ไม่คิดจะช่วยดึงฉันและใครอีกคนขึ้นไปเลยนอกจากจ้องมองพร้อมทำหน้าแปลกใจ
แล้วสรุปคนที่รับแรงกระแทกแทนฉันเป็นใครกันนะแต่ลางสังหรณ์มันบอกว่าต้องเป็นคนที่คาดไม่ถึงแน่ๆ
“อ๊ะ”
แขนแกร่งรัดตัวฉันจนแทบจมลงไปในอกของเขาก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วทั้งที่มีตัวฉันนอนทับร่างเขาอยู่ในท่านอนหงายเอาจริงไหมสภาพฉันมันคงแย่มากแน่ๆ แต่เพราะมีแจ็คเก็ตสีดำตัวใหญ่คลุมทำให้ไม่ได้ดูน่าเกลียดมาก
“นาย…”
เมื่อเขาทรงตัวได้แล้วก็จะปล่อยแขนออกจากเอวฉันแต่เพราะฉันเจ็บข้อเท้าเลยผวาจับแขนเขาไว้แน่นก่อนจะรีบหันกลับไปมองเขาเพื่อขอบคุณแต่ไม่คิดว่าคนที่ช่วยฉันไว้จะเป็นเขา
พี่นักรบ
ผู้ชายหน้านิ่งที่ช่วยฉันไว้ในหลายเหตุการณ์และเป็นเป้าหมายในตอนนี้ในที่มืดไฟสลัวเขาก็หล่อมากนะแต่พอเจอในที่สว่างฉันก็อดจ้องมองเขาอีกครั้งไม่ได้
ใบหน้าเรียวได้รูปผสมผสานระหว่างยุโรปและเอเชียทำให้พี่เขามีเสน่ห์บางอย่างที่ฉันอธิบายไม่ถูกแต่ทุกองค์ประกอบบนใบหน้ารวมถึงความนิ่งสงบมันทำให้เขาเหมือนรูปสลักมากกว่ามนุษย์
“อะไรวะเดี๋ยวนี้มีสาวไม่ยอมบอกเพื่อน”
“ถ้าบอกมึงก็แซวมันแบบนี้ไง”
“สรุปว่าไง” ผู้ชายที่ชื่อเพทายถามพี่นักรบพลางพยักพเยิดมาที่ฉัน
“ไม่มี” พี่นักรบตอบพร้อมกับดึงแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุมของฉันแต่เชื่อเถอะว่าฉันไม่มีทางปล่อยเขาง่ายๆ แน่เพราะเขาเหมือนหลักยึดเดียวในตอนนี้และฉันก็มีแผนการในใจแล้วด้วย
“ไม่มีอะไรละไอ้ห่าท่าทางน้องเขาเหมือนจะรู้จักมึงอีกอย่างทำไมใส่เสื้อเหมือนกัน” บรรยากาศเงียบสนิทจนรับรู้ได้ว่าหลายคนกำลังมุ่งความสนใจมาที่เราทั้งคู่โดยเฉพาะผู้ชายหล่อสามสี่คนที่ดูเหมือนจะสนใจในความสัมพันธ์ของฉันและพี่นักรบเป็นพิเศษ
ฉันช้อนตามองพี่นักรบที่ยืนทำหน้านิ่งมองฉันอยู่พยายามจะค้นลงไปในแววตาคมกริบของเขาแต่กลับไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่
“เรารู้จักกันค่ะ..” ในเมื่อเขาไม่พูดงั้นฉันเลยเปิดประเด็นแทนยิ่งเห็นคิ้วเขากระตุกตอนฉันเอ่ยเรื่องเมื่อคืนยิ่งทำให้ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างไม่รู้ทำไมการได้ทำลายความเรียบเฉยบนใบหน้าของเขามันทำให้ฉันมีความสุข
“รู้จักกันตอนไหนหรอ”
“หลายๆ คืนก่อนค่ะ..”ฉันหันไปบอกพี่คนที่ชื่อเพทายก่อนจะหันมาทำหน้าเจ้าเล่ห์ให้กับพี่นักรบ
“เรื่องเมื่อหลายคืนก่อนงั้นหรอ” พี่เพทายเบิกตากว้างก่อนจะหันไปมองหน้าพี่นักรบและตบบ่าเขาอย่างแรง
“มึงนี่มันร้ายไม่เบาเลยนะ”
“ไม่ใช่”
“เฮ้ย!น้องเขาพูดขนาดนี้แล้วมึงยังจะปากแข็งอีกหรอถึงว่าคืนนั้นหายไปซะนานเสื้อก็ไม่ใส่กลับที่แท้ไปกับสาวนี่เอง”คนปากมากร่ายยาวเหยียดก่อนจะยกยิ้มอย่างชอบใจที่เห็นเพื่อนมีสาวมาติดพันปกติเห็นแต่ซื้อกิน
ฝ่ายที่โดนเพื่อนเข้าใจผิดก็ปั้นหน้านิ่งกว่าเดิมเขาปรายตามองตัวน่ารำคาญเจ้าปัญหาที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าก่อนจะไล่สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้านิ่ง
“ไอ้เสือมึงรู้ใช่ไหมเลยเอ่ยปากช่วยน้องเขา”
“พวกมึงจะคุยกันอีกนานไหม..กูจะได้กลับ”
เพทายที่กำลังจะซักไซ้เสือเป็นอันต้องหยุดบทสนทนากลางคันเมื่อเสียงของรุ่นพี่หนุ่มเอ่ยแทรกขึ้นมา
“รีบจังวะเฮีย”
“ไม่ได้ว่าง”
ผู้ชายหน้าหล่อเรือนผมสีดำนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจที่ผลักกาแฟจนล้มเขามีชื่อว่า วาคีน อดีตหนุ่มฮอตอันดับ 2 ของมหาลัยแต่จะเรียกว่าอดีตก็คงไม่ได้เพราะตอนนี้ก็ยังครองตำแหน่งนี้อยู่ไม่มีใครสามารถมาโค่นล้มได้แม้จะจบมา 2 ปีแล้วก็ตาม
“แล้วเฮียไคโรก็จะไปด้วยหรอ”เพทายหันไปถามรุ่นพี่อีกคนที่ยืนสูบบุหรี่ไม่สนสายตาใคร
แน่นอนว่าถ้าวาคีนคืออันดับ 2 เขาก็ต้องเป็นอันดับ 1 ชายหนุ่มที่ถูกขนาดนามว่าแวมไพร์ปีศาจความเย่อหยิ่งและเย็นชาของเขาไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็เหมือนผู้คนพร้อมจะยอมศิโรราบในความเยือกเย็นดั่งราชาและเขามีชื่อว่า ไคโร
“อืม”
กาแฟยืนมองพวกเขาสนทนากันแต่มือกลับไม่ยอมปล่อยท่อนแขนของนักรบไปง่ายๆ เธอจ้องมองผู้ชายที่ผลักเธอล้มอย่างเกลียดชังโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเล็บจิกลงไปบนท่อนแขนของเขาเพื่อระบายความโกรธ
“ขอโทษค่ะ..ฮือเป็นแผลเลย”
แต่เมื่อตั้งสติได้เธอเลยหันไปขอโทษเขาพร้อมกับโน้มหน้าลงไปเป่าที่แผลเหมือนกำลังปลอบโยนเด็กทั้งที่เจ้าของท่อนแขนยังยืนนิ่งไม่ไหวติง
นักรบปรายตามองยัยตัวน่ารำคาญเป่าแขนเขาอย่างไม่กลัวตายทั้งยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกเขาไม่เข้าใจว่าเธอจะร้องทำไมนี่มันแขนเขาคนเจ็บมันควรเป็นเขาไม่ใช่เธอ
“ไม่ต้อง” ถ้าไม่พูดแขนเขาคงเต็มไปด้วยน้ำลายของเธอแน่
“อ้าวทำไมล่ะ” ร่างบางมองเขาตาปรอย
“น้ำลายของเธอ”
“แฟขอโทษ”คนตัวเล็กจับชายเสื้อแจ็คเก็ตของเขามาเช็ดแขนของเขาอีกทีเหมือนจะดีนะแต่ทำไมต้องเสื้อเขาด้วย
คนตัวเล็กยิ้มแห้งก่อนจะปล่อยมือจากแขนเขาอย่างรวดเร็วแต่แอบเนียนเอนตัวไปพิงที่ตัวเขาแทนไม่งั้นมีหวังเธอล้มหน้าแหกอีกรอบแน่เอาเป็นว่าอย่างน้อยเขาช่วยเธอในหลายครั้งและเขาคือเป้าหมายดังนั้นจะถือว่าเรารู้จักกันแล้วแหละเนอะ
หน้าด้านไปก่อนเมื่อกี้แอบเนียนแทนตัวเองด้วยชื่อกับเขาไปด้วยนะเป็นยังไงสกิลการอ่อยเอ๊ยไม่ใช่!สกิลความเนียนของเธอพอได้ไหม
“สรุปวันหลัง”เพทายเดินมาบอกเพื่อนส่วนเสือก็พยักหน้ารับก่อนจะแยกตัวไปยัง club house
“ไว้เจอกันกูไปเคลียร์งานก่อน”
“เออเจอกัน” เพทายพยักหน้ารับก่อนจะหันมามองเพื่อนและผู้หญิงของมัน
“แล้วมึงล่ะจะกลับเลยไหมหรือจะไปส่งน้องเขาดูข้อเท้าน้องเขาน่าจะไม่ไหวแล้ว” เพทายเอ่ยพลางมองอย่างเป็นห่วงแต่คนโดนถามกลับไม่ได้ตอบอะไรมา
“สำออย” เสียงทุ้มดังมาจากทางด้านหลังเพทายทำให้กาแฟมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“สำออยบ้านนายสิลองมาถูกผลักขาแพลงบ้างไหมล่ะแล้วจะรู้สึก”เธอชี้หน้าด่าเขาอย่างไม่พอใจความโกรธปะทุขึ้นมาอีกครั้งจากตอนแรกจะเก็บความเกลียดชังไว้ในใจ
“ใครใช้ให้เธอปากดีก่อน”วาคีนขยี้บุหรี่บนพื้นก่อนจะเดินตรงมาทางนี้
“แล้วใครมันจะปากเสียเหมือนนายกันล่ะ”
“เธอนี่คงจะซ่ามากสินะ”
“แล้วจะทำไม!”เธอโกรธจนอยากจะพุ่งตัวไปข่วนหน้าเขาให้เป็นรอยแต่สภาพตอนนี้แค่ยืนด่าคนไว้ก็ดีแล้ว
คนตัวเล็กทั้งเจ็บทั้งอัดอั้นตันใจเกลียดความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ได้เลยเธอเป็นคนเอาแต่ใจอยากได้อะไรต้องได้แต่ก็ไม่เคยทำร้ายใครหรือหาเรื่องใครก่อนโดยเฉพาะผู้ชายหยาบช้าอย่างวาคีน
“โอ๊ยเฮียมึงจะมาหาเรื่องอะไรกับน้องเขา”เพทายขยี้ผมก่อนจะหันไปพูดกับรุ่นพี่
“อย่าเสือก” ่ท่าทางพร้อมเอาเรื่องของวาคีนทำให้หลายคนสวดภาวนาในใจให้คนตัวเล็กรอดพ้นแม้แต่เพทายยังไม่สามารถห้ามได้
“นายจะตีฉันงั้นหรอไอ้หน้าตัวเมีย!”กาแฟตวาดเสียงดังพร้อมกับจ้องเขาไม่วางตาในใจคิดว่าถ้าเขาตีเธอจะยกแขนขึ้นมาบังใบหน้าของตัวเองไว้แขนช้ำดีกว่าหน้าช้ำก็แล้วกัน