ญาณิศา แม่ของญาณิญพยายามต่อสายถึงลูกสาวหลังจากที่เห็นภาพลูกสะใภ้นั่งพูดคุยกับเด็กสาวแปลกหน้า แต่ญาณิญดันกดตัดสาย จนสุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้
คนสูงอายุจึงเปลี่ยนเป็นถ่ายภาพบาดตาเก็บไว้ด้วยรอยยิ้มร้าย
"แกตายแน่นังลูกสะใภ้ใฝ่ต่ำ" ก็ทุกครั้งคนแม่มักจะส่งภาพบาดตาของลูกสะใภ้ไปให้ญาณิญดูเพื่อให้ทั้งคู่ทะเลาะเบาะแว้งกัน
"ลูกฉันจะได้ตาสว่างสักที"
เธอเดินเข้าไปในร้าน และตรงไปหาคะนึงนิจทันที พร้อมส่งเสียงเรียก
"ลูกสะใภ้! " ทั้งคะนึงนิจและพารินต่างหันไปให้ความสนใจคนมาใหม่
"คุณแม่"
"ตายจริง บังเอิญจังเลยนะ" คนสูงวัยบอกกับคะนึงนิจ พร้อมกับทำทีเป็นชำเลืองมองผู้หญิงแปลกหน้า
"นั่นใคร มากับใครเหรอลูกสะใภ้"
"เราไปคุยกันข้างนอกเถอะค่ะ" คะนึงนิจลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินนำแม่สามี ซึ่งคนสูงวัยก็ไม่เดินตามไปในทันที เธอหันไปมองดูพารินตั้งแต่ตัวจรดเท้าอย่างดูถูก
"ชิ! ก็แค่เด็กส่งอาหาร" ก่อนจะทิ้งท้ายแค่นั้น และเดินตามคะนึงนิจออกไป
คะนึงนิจยืดกอดอกรอแม่สามีอย่างเหลืออด แต่ก็พยายามกดอารมณ์ตนเอง
"นิสัยใฝ่ต่ำเหมือนที่ลูกสาวฉันพูดไว้ไม่มีผิด"
"ค่ะ ก็แบบที่เห็นนั่นแหละ"
"หน้าด้านจริงจริ๊ง ฉันล่ะส่งสารยัยใหญ่ ทำไมถึงเลือกคนอย่างเธอ"
"งั้นก็ช่วยไปบอกลูกสาวคุณทีเถอะค่ะ ว่าให้ปล่อยฉันไป จะได้ไม่ต้องมาทนคนหน้าด้านอย่างฉัน"
"นี่กล้าต่อปากต่อคำกับฉันเลยเหรอนังผู้ดีตีนแดง"
"บอกมาเถอะค่ะว่าคุณต้องการอะไร ติดต่อลูกสาวคุณไม่ได้ใช่มั้ย คุณถึงมาตามฉันแทน"
"ใช่! และสิ่งที่ฉันต้องการเธอน่าจะรู้ดี"
"หนึ่งล้านพอมั้ยคะ" พูดก่อนจะหยิบสมุดเช็คพร้อมปากกาด้ามสีเงินขึ้นมา เพื่อจะจรดเขียนจำนวนเงินให้
ญาณิศาตาโตกับจำนวนเงินทันทีแบบออกนอกหน้า แต่ก็แสร้งทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน
"ถ้าลูกสาวฉันมาเห็นว่าเธอมานั่งอี๋อ๋อกับพวกคนชั้นต่ำแบบนั้นจะเอาหน้าไปไว้ไหน"
"สามล้าน" คะนึงนิจบอกจำนวนเงิน
"แต่ฉันจะเก็บไว้เป็นความลับระหว่างเรา ลูกสาวฉันคงไม่อายใคร"
คะนึงนิจถอนหายใจออกมาไม่ดังนัก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสนใจเขียนจำนวนเงินใหม่ และยื่นให้ญาณิศา ซึ่งหล่อนก็รีบรับมาทันที
"แล้วอย่ามาตามฉันอีกนะคะ" พูดแค่นั้นก็เดินกลับเข้าไปในร้าน
"กล้าดียังไงมาเดินหนีฉัน" เธอเพียงพูดไบ่หลังออกมาอย่างไม่จริงจัง นั่นเพราะกำลังสนใจกับยอดเงินสามล้านบนเช็คที่อยู่ในมือตนเอง แต่ยังไงก็แล่วแต่ ญาณิศาไม่มีทางเลิกลากับคะนึงนิจแน่นอน และจะใช้เรื่องนี้ต่อรองกับลูกสะใภ้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ
ดารันเข้ามาภายในสำนักงานทนายความที่ญาณิญทำงาน เพื่อต้องการจะมาให้ข้อมูลเรื่องที่ตนเองกำลังฟ้องร้องตามที่ญาณิญบอกไว้
แต่คงจะดึกดื่นไปเสียหน่อยเพราะเธออยากจะพบเจอกับทนายคนเก่งจึงเลือกนั่งรอตั้งแต่เช้าไม่ไปไหน
"คุณนั่นเอง จะขึ้นไปพร้อมผมเลยมั้ย" ภุชงค์เอ่ยทักสาวสวยในชุดนักศึกษาที่นั่งรออยู่ด้านล่าง
"คุณทนายยังไม่มาใช่มั้ยคะ" ถามออกไปตามตรง
"เดี๋ยวคงตามมา จะขึ้นไปรอข้างบนมั้ยล่ะอ้อ.. นั่นไง มาพอดี" เขาหันไปทางด้านหลังตนเอง
ดารันจึงหันตามสายตาเขาไป
"สวัสดีค่ะ คุณทนาย" ดารันรีบลุกขึ้นยืนและเอ่ยทักทาย
"นึกว่าใคร ตามมาสิ" ใบหน้าญาณิญดูอิดโรยไม่ได้สดใสเหมือนวันก่อนที่ดารันเจอ แต่ที่ต่างไปจากเดิมอีกอย่างคือ วันนี้ญาณิญดูจะใจดีกับดารัน ไม่ได้ทำหน้าดุใส่เธอเหมือนวันนั้น
ทั้งสามเข้ามาหยุดอยู่ในลิฟท์ด้วยกัน ญาณิญยืนกอดอกเงียบ ต่างจากที่เหลือ นั่นเพราะภุชงค์เอาแต่ชวนดารันคุยตลอด
ทนฟังได้ไม่นาน ประตูลิฟท์ก็เปิดออก
"ผีเจาะปากมาพูดรึไง" ญาณิญบ่นพึมพำแต่ก็ตั้งใจให้คนทั้งคู่ได้ยิน ก่อนจะเดินออกจากลิฟท์ด้วยอารมณ์ตึงๆ ดารันจึงรีบตามออกไปทันที
"ขอน้ำหวานให้ลูกความฉันที" เธอเอ่ยสั่งเลขาหน้าห้อง ก่อนจะเปิดประตูเข้ามาในห้องของตนเองพร้อมกับดารัน
"นั่งก่อนสิ"
ดารันทำตามอย่างว่าง่ายพร้อมมองดูท่าทางของทนายคนเก่งไปด้วย
เพราะวันนี้ญาณิญมีว่าความคดีสำคัญจึงจำต้องแต่งกายให้ดูภูมิฐาน และต้องให้น่ามองเนื่องจากมีสื่อหลายช่องมาทำข่าว
ญาณิญถอดเสื้อสูทตัวเองออก และแขวนไว้ที่ประจำ ปลดกระดุมเสื้อตัวในของตนเองออกสองเม็ดบน ก็ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเรียบร้อย เป็นจังหวะเดียวกับที่เลขาของตนเองเปิดประตูนำเครื่องดื่มและของว่างมาเสิร์ฟ ญาณิญดูจะไม่เขินอายกับการแต่งกายที่ล้อแหลมของตนเองตอนนี้สักนิด ทั้งที่เขาเป็นผู้ชาย ไม่นานเขาก็เดินออกไปแถมเขายังทำเหมือนเรื่องที่ญาณิญปลดกระดุมเสื้อเป็นเรื่องปกติอีก จะมีก็แค่ดารันที่ดูจะอายแทน
ญาณิญเดินกลับมานั่งฝั่งตรงข้ามของดารันพร้อมกับสมุดจดของตนเอง เพื่อต้องการจะเก็บข้อมูลสำคัญ
"ปกติเรื่องเก็บข้อมูลฉันจะไม่คุยกับลูกความเอง" เธอช่วยชี้แจง ก่อนจะเปิดสมุด
"เล่ามาอย่างละเอียด"
การที่เด็กสาวถูกล่อลวงให้มาแคสติ้งงาน โดยมีการรับประกันจากนายหน้าผู้มีชื่อเสียง แต่สุดท้ายถูกถ่ายภาพอนาจารเก็บไว้เพื่อเรียกเงิน หรือเอาไปเผยแพร่ในโลกโซเชียล เป็นเรื่องที่ญาณิญได้ยินมาบ่อย ครั้งหนึ่งเธอเคยทำคดีแบบนี้ ซึ่งเมื่อนานมาแล้ว ในสมัยที่เธอยังเป็นทนายอาสา แต่ตอนนี้เธอไม่รับทำคดีแบบนี้แล้ว เพราะมันจุกจิกน่ารำคาญ แถมมันเป็นคดียืดยาว และไม่อยากสู้กับสื่อ
"อยากดังเหรอ"
"ค ค่ะ และก็อยากได้เงินด้วยค่ะ"
"จนต้องยอมถอดเสื้อผ้าให้พวกหัวงูถ่ายไว้น่ะเหรอ มีสมองรึเปล่า" นี่คงเป็นเหตุผลที่ญาณิญไม่ซักถามลูกความเอง จนต้องมีเจ้าหน้าที่มารับผิดชอบขั้นตอนนี้แทนเธอ เพราะญาณิญไม่ใช่คนที่จะมาพูดจาจ๊ะจ๋าหรือปลอบประโลมใครต่อใคร
ดารันนิ่งเงียบไม่เถียงสักคำ
"อาจารย์เธอไม่สอนหรือไง"
"คะ? "
"ก็คนที่แนะนำเธอให้มาหาฉันไง ไม่สอนเลยเหรอ ว่าอย่าไปแก้ผ้าต่อหน้าใคร นอกจากจะเพื่ออยากมีเซ็กซ์หรืออยากจะทำเพื่อแลกเงิน"
"อ เอ่อ.." นั่นคงเพราะไม่เคยได้ยินคำพูดคำจาแรงๆ แบบนี้ แถมยังไม่ทันตั้งตัว
"เอาเถอะ แล้วเธอพอจะหาไฟล์ต้นฉบับมาได้มั้ย"
ดารันส่ายหัวให้เป็นคำตอบ
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง" พร้อมกับลุกขึ้นยืน เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตนเอง เปิดคอมพิวเตอร์ประจำตัว นั่งจดจ่อทำบางอย่างอยู่หน้าจอครู่ใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนกอดอก และมองมาทางดารัน
"ฉันน่าจะรู้ว่าอย่างเธอคงไม่มีปัญญาทำเรื่องแบบนั้น"
"กลับได้แล้ว และรอฉันติดต่อไป"
"ค่ะ" ดารันผงกหัวให้ลกๆ และเปิดประตูออกจากห้องไปเงียบๆ
หลังจากลูกความของเธอออกจากห้องไปแล้ว ญาณิญจึงต่อสายหาใครบางคน เพื่อให้คดีเล็กๆ ของตนเองกระจ่าง
ญาณิญทำแบบนี้ประจำ เธอมีสายข่าวมากมาย และทีมงานใต้ดินที่มักจะช่วยหาข้อมูลแบบที่ลึกสุดๆ ของคนที่เธอสนใจมาให้แบบทันท่วงทีและไม่มีตกหล่น
หลังจากจบการว่าความ ญาณิญก็ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อหน้านักข่าวเรื่องคดี และตั้งใจไปเฝ้าคะนึงนิจตามที่บอกไว้กับหล่อนจริงๆ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าหัวเรือใหญ่ของเหล่าพนักงานโรงแรมดันไม่อยู่ เธอจึงถือวิสาสะเข้าไปรอในห้องทำงาน และสุดท้ายก็เผลอหลับไป กว่าจะตื่นขึ้นมาก็ถึงเวลาเลิกงานของทุกคน เลขาของคะนึงนิจเข้ามาปลุก จากนั้นญาณิญก็ตรงกลับมาที่สำนักทนายความแทนการกลับบ้าน จึงได้มาเจอกับดารันที่นั่งรออยู่
"ยังไม่กลับอีกเหรอ" ญาณิญส่งเสียงถามลูกความตนเองที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าสำนักงาน เหมือนครั้งแรกที่พบกัน
"เอ่อ รันกำลังรอคนมารับค่ะ"
ญาณิญจึงก้มมองที่นาฬิกาข้อมือตนเอง
"นี่สี่ทุ่มแล้ว"
"อ้อ.. กำลังมาแล้วน่ะค่ะ"
"ถ้าคนที่กำลังจะมารับ เป็นห่วงเธอ ก็ไม่น่าจะปล่อยให้รอจนดึกดื่นขนาดนี้"
"คือ.. พี่เค้างานเยอะน่ะค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ แถวนี้ไม่อันตรายเลย"
"ขึ้นมา ฉันจะไปส่ง"
"ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ"
ญาณิญไม่ได้สนใจกับคำปฏิเสธของคนตรงหน้า เอี้ยวตัวไปเปิดประตูฝั่งคนนั่งข้างคนขับและเปิดออกให้
"ถ้าไม่ขึ้นมาตอนนี้ ฉันอาจจะเปลี่ยนใจไม่ทำคดีให้"
แล้วแบบนี้ดารันจะปฏิเสธได้อย่างไร "ค่ะ"
ดารันต้องก้าวขึ้นไปนั่งข้างญาณิญอย่างไม่มีทางเลือก พร้อมบอกทางให้อย่างตั้งใจ
โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีรถอีกคันที่คุ้นเคยจอดอยู่ด้านหลัง นั่นคือจิรดา เธอเพิ่งเบิ่งรถจากที่ทำงานเพื่อรับสาวน้อยไปส่งที่บ้าน แต่ก็คงจะช้ากว่าญาณิญ
"นี่แกจะแย่งทุกอย่างไปจากฉันเลยใช่มั้ย! " จิรดาส่งเสียงตะโกนลั่นรถด้วยความเหลืออด
ญาณิญและจิรดาในวัยเด็ก
"ดูแลน้องให้ดีนะ เดี๋ยวพ่อมา" เสียงผู้ชายสูงอายุที่แต่งตัวภูมิฐานเอ่ยสั่งลูกสาวคนโต ก่อนจะเดินห่างออกไป
"ค่ะ คุณพ่อ" ญาณิญพูดขณะที่คนเป็นพ่อเดินห่างออกไปแล้ว
"พี่ใหญ่ น้อยขออันนั้นได้มั้ย" เด็กน้อยในวัยห้าขวบเอ่ยกับพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆ จิรดาอยากได้สีเทียนในมือของญาณิญ
"ของเธอก็มี ก็ใช้ของตัวเองสิ" เอ่ยบอกคนน้องโดยที่ไม่ได้มองหน้าด้วยซ้ำ
"แต่น้อยอยากได้สีแดง"
"ฉันใช้อยู่" ญาณิญวัยสิบขวบดูจะมีวุฒิภาวะกว่าจิรดามาก
"แต่หนูจะใช้สีแดง" จิรดาเริ่มตะเบ็งเสียงใส่
"จะเอาสีแดง"
"นี่! ถ้าอยากได้ก็ต้องรอ ฉันไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของเธอนะ อย่ามาทำเหมือนว่าฉันจะต้องเสียสละให้เธอทุกอย่าง"
"ฮึก ฮึก ฮืออ" เพียงแค่นั้น จิรดาก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมาจนลั่น คนทั่วทั้งบริเวณก็เอาแต่มองมารวมถึงคนพ่อที่เพิ่งจะฝากฝังให้พี่ดูแลน้องด้วย
เขารีบวิ่งตรงมาทันที และช้อนอุ้มลูกสาวคนเล็กขึ้นมากอดปลอบ
"นี่มันทำอะไรลูกหืม บอกพ่อมา เดี๋ยวพ่อจัดการมันให้" เขาดูจะรักแบบลำเอียง จนญาณิญรู้สึกได้ และมันก็เป็นเรื่องจริง เขาตั้งใจทำแบบนั้นเพื่อให้ลูกสาวคนโตรู้สึก
"ใหญ่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ"
"หุบปาก! แกคงจะอิจฉาน้อง ที่ฉันรักน้องมากกว่า"
"ใหญ่ไม่เคยอิจฉาค่ะ และพ่อจะรักใครใหญ่ก็ไม่สนใจทั้งนั้น"
"อวดดีเหมือนแม่แกไม่มีผิด หัดทำตัวให้มันดีเหมือนน้องแกไม่ได้รึไง"
"มันดีตรงไหน มันเป็นลูกเมียน้อย"
เขาจึงวางลูกสาวคนเล็กลง และตรงไปหาญาณิญ
"ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้"
"ไม่! ใหญ่พูดความจริง"
"งั้นกลับบ้านไปแกตายแน่"
ญาณิญถูกขังอยู่ในห้องเก็บของใต้บันไดที่มีทั้งหยากไย่ ข้าวของเก่าๆ และแมลงเล็กใหญ่เต็มไปหมด ไร้ซึ่งแสงสว่าง
เด็กน้อยในวัยสิบขวบได้แต่นั่งกอดเข่าหลังพิงประตู หากเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันคงจะโวยวายและร้องไห้ฟูมฟาย แต่กับญาณิญนั้นตรงข้าม เธอนั่งเงียบ ภายในใจมีแต่ความโกรธเกลียด
เกลียดพ่อ ที่ไล่แม่ออกจากบ้าน เขามีเมียน้อย จนมีจิรดาขึ้นมา
เกลียดจิรดา ผลผลิตของความมักมาก ทำให้แม่ต้องย้ายออกจากบ้าน และสุดท้าย ทำให้พ่อพ่อไม่รักเธอ
เกลียดแม่ ที่ทิ้งเธอไว้ลำพังกับพ่อ
ญาณิญถูกขังอยู่ในห้องเก็บของสองวันสองคืนโดยไร้คนเหลียวแล มีเพียงน้ำหนึ่งขวดที่วางไว้ให้เธอใช้ประทังชีวิต ทั้งที่ตั้งใจจะไม่หยิบมันขึ้นมาดื่ม แต่ก็ต้องทิ้งศักดิ์ศรีของตนเอง กระดกมันลงคอจนหมดด้วยความคับแค้น
และวันแห่งอิสรภาพก็มาถึง วันที่คนที่เกลียดล้มหายตายจาก ซึ่งคนๆ นั้นคือพ่อบังเกิดเกล้า
ในวัยที่ญาณิญอายุสิบห้า
ญาณิศาย้อนกลับมาเป็นเจ้าบ้าน และดูแลญาณิญและจิรดาในฐานะแม่
หน้ามือเปลี่ยนเป็นหลังมือ เพราะจิรดาทำให้แม่ของญาณิญต้องระเห็ดออกจากบ้านนี้ไป จึงถึงคราวที่หล่อนต้องมาเอาคืนในฐานะ แม่เลี้ยง
กลับมาปัจุบัน
รถของญาณิญจอดสนิทที่หน้าบ้านหลังเก่าของดารัน
"อยู่ที่นี่จริงเหรอ" ถามแบบไม่รักษามารยาทเพราะเห็นสภาพบ้าน
"ค่ะ"
"พอจะรู้แล้วล่ะ ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น"
"ขอบคุณค่ะ ที่มาส่ง" ดารันตัดบท เพื่อจะลงจากรถ
"เดี๋ยว! เธอกับจิรดาเป็นอะไรกัน"
"อ เอ่อ รันกับอาจารย์ เป็น เป็นแค่ ลูกศิษย์กับอาจารย์ไงคะ" เป็นการตอบที่พยายามเลี่ยงความจริง แต่สำหรับญาณิญมันกลับทำให้ยิ่งมีพิรุธ
"ถ้าเป็นแค่นั้น แล้วอาจารย์ของเธอจะตามมาทำไม"
"คะ? "
"นั่นไง" พูดพร้อมกับชี้ไปด้านหลังของรถ
"อาจารย์! " เพราะเป็นแค่ซอยเล็กๆ จึงยากที่จะหลบไปจอดบริเวณอื่น แม้จะจอดห่างกันก็ตาม
ญาณิญเห็นรถของจิรดาที่ดูเหมือนตั้งใจมาจอดรอรับดารัน เธอจึงรีบขับมาจอดขวางเพื่อตัดหน้าคนน้อง
"เป็นอะไรกันกันแน่" น้ำเสียงคาดคั้นถามออกมา
"เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรกัน"
"อ่อ งั้นฉันคงจะคิดมากไปเอง ที่คิดว่าเธอกับจิรดาเป็นแฟนกัน"
ดารันตาโตทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
"จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงคะ" พูดทั้งเหงื่อตกพร้อมเปิดประตูลงจากรถ
ไม่ทันจะตั้งตัว ดารันถูกญาณิญที่รีบตามลงจากรถ ดึงแขนให้หันมาหาตัวก่อนจะคว้าคอสาวน้อยมาบดจูบ
ดารันทั้งตกใจและตื่นเต้นที่อยู่ๆ คนที่เพิ่งเคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งจะกล้าจูบเธอกลางที่สาธารณะแบบนี้ และสาวน้อยก็ไม่ได้ขัดขืน เพราะเหมือนหูดับไปชั่วขณะ แถมยังรู้สึกชอบกับรสจูบของทนายคนเก่ง
เพียงครู่ ญาณิญก็ผละออกมา ปล่อยให้ดารันได้เป็นอิสระ
"รัน"
"รัน"
"รัน! "
"ว้าย! " ดารันเผลอร้องออกมาเสียงหลง
"เป็นอะไรไปเนี่ยน้องพี่ ทำไมไม่ยอมเข้าบ้าน" ก็เพราะเห็นว่าน้องสาวยืนเหม่อลอยอยู่หน้าบ้านนานแล้ว แบบไม่ขยับเขยื้อน
"เข้าบ้านเถอะ มายืนให้ยุงกัดทำไม" บอกกับน้องสาวอีกครั้งก่อนจะเดินนำเข้าบ้าน
สักพัก ดารันก็รีบตามพี่สาวเข้าบ้าน ก็มัวเอาแต่ยืนอึ้ง หูอื้อตาลาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าญาณิญหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ส่วนญาณิญที่จูบดารันนั่นเพราะอยากจะให้น้องสาวต่างมารดาได้เห็น ไม่ได้มีความพิศวาสดารันสักนิด และเมื่อได้ยินเสียงถอยรถของจิรดา เธอจึงผละออกจากดารันแบบไม่นึกเสียดาย และเดินหนีกลับขึ้นรถตัวเองแบบไม่ร่ำลา
ดารันเดินตามพี่สาวเข้าไปถึงในห้องนอน
"พี่รินเคยถูกจูบมั้ย" อยู่ๆ ก็ถามออกมาตามตรง
"ไม่อ่ะ ไม่เคยเลย"
"เหรอ" เอ่ยออกมาเสียงค่อย พร้อมทิ้งตัวลงนอนแอ้งแม้งบนเตียงพี่สาว
"ถามทำไม มีแฟนแล้วเหรอเราน่ะ"
"ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่เรียกแฟนหรือเปล่า"
"งั้นก็พามาให้พี่กับยายรู้จักบ้างสิ"
"บอกแล้วไงว่ายังไม่แน่ใจ ใช้คำว่าแฟนไม่ได้ด้วย"
"แต่จูบกันแล้วเนี่ยนะ คนเป็นเพื่อนกันเค้าไม่จูบกันหรอก"
ก็พารินดันคิดไปอย่างอื่น ไม่รู้เรื่องราวตื้นลึกหนาบางในความสัมพันธ์ที่คนน้องไม่เคยพูดถึง
แต่เพราะดารันกำลังหวั่นไหวกับตัวเอง จนต้องหาที่ระบาย แต่ก็ไม่กล้าพูดทุกเรื่อง
"แล้วถ้า คนที่เพิ่งเคยเจอไม่กี่ครั้งจูบเราล่ะ แบบนี้พี่รินคิดว่ายังไง"
"เค้าอาจจะแอบชอบน้องสาวพี่ล่ะสิ"
"พี่คิดแบบนั้นจริงเหรอ"
"ก็คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้" พูดก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างน้องสาวบ้าง พร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และพาเปลี่ยนเรื่อง
"แล้วเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้ไม่เห็นทำกิจกรรมที่มหาลัยเลย"
"เอ่อ คือ.." ดารันขยับลุกขึ้นนั่ง
"อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำให้รันไปแคสงาน แบบนั้นมันดีกว่าร่วมกิจกรรมที่มหาลัย เผื่อเผลอๆ จะดังขึ้นมา ได้เงิน และก็มีชื่อเสียง"
"คิดไปไกลเลยนะ"
"ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ดีไม่ใช่เหรอ ยายจะได้สบาย พี่รินจะได้ไม่เหนื่อยไม่ต้องไปตระเวนขี่รถด้วย" พูดพร้อมยื่นมือไปจับแขนพี่สาว พลิกไปพลิกมา
"ดูซิ ตัวดำ หน้าดำหมดแล้ว"
"ก็พี่ไม่ต้องใช้หน้าตาทำงานนี่ จะสวยไปทำไม"
"เราเถอะ ทำไมช่วงนี้กลับบ้านดึกดื่น เป็นเพราะไปแคสงานรึเปล่า"
"เปล่าเลย ช่วงนี้รันกำลังจะทำโปรเจ็คจบน่ะ เลยต้องอยู่คิดงานกับเพื่อนๆ"
แน่นอนว่าดารันไม่ได้พูดความจริง ส่วนใหญ่เธอจะเอาเวลาไปตะเวนแคสติ้งงาน หรือไม่ก็อยู่กับจิรดา
ซึ่งเหตุการณ์ที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่ก็ไม่กล้าจะเล่าให้คนที่บ้านฟัง
ดารันพลาดไปแคสติ้งงานกับตัวแทนคนดัง
"ค่อยๆ ถอดเสื้อออกนะ" เขาเอ่ยสั่งอยู่หลังกล้อง
"คะ?"
"อายอะไรเล่า คนก่อนหน้าเค้าก็ทำแบบนี้" ท่าทางเขาเปลี่ยนไปจากก่อนหน้า ดูเกรี้ยวกราดกับเธอ จนดารันเผลอตกใจกลัว
"คือว่ารันไม่ได้มาถ่ายภาพอย่างว่านะคะ"
"สมัยนี้เค้าก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ เพื่อนน้องไม่ได้บอกเหรอ" เขาพูดถึงบรรดาเพื่อนๆ ของดารันที่เคยมาแคสงาน
"แต่ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร" เขาทำท่าเป็นไม่สนใจดารัน และเก็บอุปกรณ์ตัวเอง
"เด็กสมัยนี้ก็แบบนี้แหละ ยังไม่ทันดังก็เลือกงาน เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปรับเงินด้านหน้าได้เลยนะ"
"เอ่อ.. คนก่อนหน้าก็ทำแบบนี้เหรอคะ"
"ใช่ แต่พี่ก็ไม่ได้บังคับหรอกนะ ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร"
"รันทำได้ค่ะ!" โพล่งออกมาทั้งที่ใจเต้นตึกตัก
จากนั้น การถ่ายภาพเด็กสาววัยใสธรรดา ก็เปลี่ยนเป็นภาพนู้ดแทน
ดารันทำตามที่ช่างภาพสั่งทุกอย่างด้วยความเก้ๆ กังๆ และก็ถูกบันทึกไว้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
หลังจากวันนั้นผ่านมาเป็นสัปดาห์ ดารัน ก็ไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัทนั้นอีกเลย จนไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาเอาคลิปวิดิโอและภาพนิ่งมาข่มขู่ เรียกเงิน และอีกเรื่องคือให้เธอยอมเรื่องบนเตียง
จึงต้องหันไปพึ่งพาจิรดา และจิรดาก็แนะนำให้มาปรึกษาทนายญาณิญ
ซึ่งดารันไม่คิดจะบอกคนในครอบครัว เพราะสถานการณ์ทางบ้านก็ไม่ค่อยดีนัก หากต้องมาเจอเรื่องนี้คงจะใจสลาย จึงยอมเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว และหาทางจัดการด้วยตนเอง