ป้ายหยกนี้เจ้าได้มาอย่างไร!

2136 Words
ยามนั้น มู่ชิงซานไม่เคยพบสตรีนางใดอัปลักษณ์มาก่อน เขานิยมของสวยงาม เมื่อเห็นใบหน้านางผู้นี้ก็ต้องเบือนหน้าหนี ความรู้สึกตึงเครียดเกิดขึ้นฉับพลัน ทว่าในหัวกลับคิดถึงสิ่งที่มารดาเคยกล่าวไว้ หรือนางผู้นี้มีวาสนาผูกพันต่อเขา หาใช่ฟ่านเยี่ยฉี ไซซีแห่งแคว้นหมิง! “เสียลูกตาโดยแท้ ข้าคงโชคร้ายไปหลายวัน หรือถึงอาจต้องนั่งสมาธิปัดเป่าความน่ากลัวของเจ้าออกจากตัว” เขาทำเสียงฮึ่มฮั่ม นางอัปลักษณ์ใช่...คำนี้ถูกต้องแน่แท้ ตั้งแต่เกิดมาความงามของสตรีคืออาหารชั้นเลิศของเขา หญิงงามควรมีดวงตาสวยดำขลับรับแพขนตางอน ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อ แก้มเนียนใสแต้มสีสันดั่งลูกท้อ และอันที่จริงนางผู้นี้พอจะมีสิ่งที่กล่าวมาให้เห็นอยู่บ้าง ทว่าสิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาตอนนี้คือจมูกของนาง! “น่าเกลียดน่าชังโดยแท้!” มู่ชิงซานไม่ใช่คนที่นิยมเหยียดหยามสตรี ทว่าการพบเห็นนางผู้นี้กลับทำให้เขาหลุดปากด้วยถ้อยคำร้ายๆ ติดกันหลายหน “ชะ...ช่วยข้าด้วย” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยแล้ววิ่งถลามาหาเขาราวกับไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ชายหนุ่มกลั้นลมหายใจลึก เขาเผลอทำอย่างนั้นด้วยตะลึงงันต่อใบหน้านาง กระนั้นถึงจะมีดวงหน้าแสนขี้ริ้วขี้เหร่ ทว่าเมื่อพิศรูปร่างนาง เขาต้องนึกขบขันตนที่มีจิตใจวิปลาส หน้าอกหน้าใจนางอวบสวย ตรงยอดถันนูนเด่นชัดในเสื้อผ้าตัวบางพลิ้วซึ่งยามนี้มันแนบเนื้อ แต่เขาคงทำใจไม่ได้ยามต้องมองใบหน้าแสนอัปลักษณ์ “คุณชายโปรดช่วยข้า” ฟ่านรั่วเจี๋ยร้องเรียกเขาและวิ่งตรงมาอย่างแน่วแน่ ทว่าด้วยความตกใจและตื่นตระหนกจึงไม่ได้สังเกตว่าอีกฝ่ายเป็นชายที่นางไม่ควรเข้าใกล้อย่างที่สุด “เหตุใดข้าต้องลำบากเพราะเจ้า” มู่ชิงซานตวาดใส่ เพื่อปรามอีกฝ่ายที่กำลังจะโผเข้ามาหาตน “บ้านเมืองกำลังมีภัยใหญ่หลวง ผู้อ่อนแอกำลังถูกคนใจดำอำมหิตรุกราน บุรุษเช่นท่านยังเพิกเฉยได้หรือ” “ฮ่าๆ ช่างน่าขัน แล้วใครใช้ให้พวกมันเอาแต่หดหัวไม่สามัคคีกันล่ะฮ่องเต้แคว้นหมิงก็อ่อนแอ แผ่นดินนี้สมควรตกเป็นของต้าหลาง” เมื่อหญิงสาวเข้ามาอยู่ใกล้ๆ มู่ชิงซาน นางจึงอ้าปากค้าง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และด้วยแสงแดดสุดท้ายของวันจึงทำให้นางเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนของแคว้นหมิง! “ทะ...ท่าน เป็นท่านใช่หรือไม่” นางมองอีกฝ่าย ยามนี้มู่ชิงซานไม่ได้สวมหน้ากากเหล็กหัวหมาป่ากระนั้นด้วยไอสังหารที่แผ่อยู่รอบตัวเขาทำให้นางมั่นใจว่าไม่ผิดตัว และผ้าคลุมสีแดงที่เขาสวมอยู่ก็ปักชื่อมู่ชิงซาน! “บัดซบ ควรเป็นข้ามากกว่าที่ต้องถามเช่นนั้น เจ้าเป็นคนหรือตัวประหลาด ไขข้อข้องใจให้ข้ารู้เดี๋ยวนี้” หญิงสาวที่วิ่งมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยจนตัวโยนมองหน้าปีศาจแห่งสงคราม ก่อนหวีดเสียงแหลมใส่เขา “มู่ชิงซาน คนเลวต้าหลาง ท่านจะทำให้แผ่นดินหมิงลุกเป็นไฟ!” “นับว่าเจ้าตาถึง อัปลักษณ์เช่นนี้ยังมีความดีอยู่บ้าง อย่างน้อยคงหากินด้วยการทำนายที่แม่นยำ ใช่...ข้าคือบุรุษผู้นั้น ชายตระกูลมู่แห่งต้าหลาง” เป็นยามนั้นที่นางผู้พลัดหลงมาดึงเสื้อที่ขาดปิดเต้านมของตน คราแรกมู่ชิงซานไม่คิดอยากแลเนื้อตัวนางด้วยซ้ำ แต่แผ่นหยกสีขาวเนื้อดีที่สะท้อนกับแสงสุดท้ายของวันที่นางถือไว้ในมือข้างหนึ่งทำให้เขาฉงนฉงาย “จะ...เจ้าได้มันมาเยี่ยงไร” รอยยิ้มกว้างบนดวงหน้าที่ใครต่างเห็นว่าอัปลักษณ์ฉายขึ้นอย่างเป็นปริศนา ซึ่งแจ้งชัดแก่มู่ชิงซานว่า นางผู้นี้เป็นสตรีอัปมงคล และเขามิอาจไว้ใจ!! มู่ชิงซานกระโดดลงจากม้าศึกตัวโตแล้วเข้าไปกระชากหยกจากมือเรียวสวย ดวงตาคมกริบยามนั้นคล้ายก่อเกิดลูกไฟที่พร้อมแผดเผาร่างงามที่มีผิวสีขาวละเอียด สองแก้มนางทาบด้วยเลือดฝาด ริมฝีปากอิ่มสวยเผยอน้อยๆ คล้ายต้องการเย้ายั่ว กระนั้นเขาไม่คิดแยแส สตรีผู้นี้จงใจใช้วิชามารลวงใจเขา แต่นางกลับไม่เจียมสังขารตน! “ต่ำช้า...เจ้าได้ป้ายหยกนี้มาเยี่ยงไร” ฟ่านรั่วเจี๋ยไม่ตอบ นางจ้องดวงตาเขาอย่างท้าทาย ในใจคิดลำพองมิอยากเชื่อว่าจุดอ่อนของปีศาจกระหายสงครามคือน้องชายของเขา มู่หรูซื่อนางจะปล่อยให้เขารับป้ายหยกนี้ไปเป็นของต่างหน้า ส่วนชายผู้ที่นางบังเอิญจับตัวเขาไว้ได้คงใช้เป็นหมากต่อรองกับศัตรูของแคว้นหมิง “ท่านไม่เห็นความงามของข้ารึ” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ย “ฮ่าๆ สวรรค์เมตตา สตรีที่ดูแล้วไม่แจ้งชัดว่าเป็นคนหรือผียังกล้าอวดอ้างโฉมของตน เจ้าช่างไม่เจียมตัว” แม้จะแค้นใจ แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยมีความประสงค์อย่างแรงกล้า นางต้องหาทางต่อรองกับบุรุษปีศาจ การได้เข้าใกล้เขาอย่างประชิดตัวนับว่าสวรรค์เป็นใจ “ข้าได้มันมาจากชายผู้หนึ่ง ตอนนี้เขาได้รับพิษร้ายแรง เกรงว่าอาจรักษาชีวิตไว้ได้อีกไม่เกินสามชั่วยาม” “ฮึๆ แล้วข้าจะมั่นใจคำพูดสตรีที่มีรูปโฉมเยี่ยงสัตว์ประหลาดได้หรือ”เขากล่าวออกไป และมิวายสำรวจนางราวกับเป็นสินค้า ก่อนจะต้องทำหน้าแขยงเมื่อจ้องไปที่จมูกอันใหญ่โตของนาง สิ่งที่เห็นติดอยู่ที่ปาก และคิดเปรียบเทียบจมูกของสตรีผู้นี้กับสิ่งใด “จริงหรือลวง ท่านคงต้องตรองดูเอง ข้าไม่ได้มีหน้าที่แจ้งสิ่งใดต่อท่าน” “เกรงว่าที่เจ้าเอ่ยคงเป็นเพราะไม่อยากมีลมหายใจสืบต่อไป ถึงได้กล้าต่อรองข้า!” มู่ชิงซานกัดฟันเสียงดังกรอดๆ หากใครว่าเขาเป็นหมาบ้านางก็คงเชื่อ! “หามิได้ ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้านั้นต่ำต้อยที่เสี่ยงชีวิตออกมาเพื่อส่งข่าวให้ท่าน เป็นเพราะไม่อยากให้มีการสูญเสีย โดยเฉพาะชีวิตของคุณชายสูงศักดิ์ผู้นั้น” ฟ่านรั่วเจี๋ยรู้สึกเป็นต่อ ผู้ชายที่นางจับตัวไว้ช่างเป็นหมากสำคัญที่จะนำชัยชนะมาสู่แคว้นหมิง “หมู!” จู่ๆ มู่ชิงซานก็โพล่งขึ้น เขาลืมเรื่องที่สนทนากับนางไปชั่วครู่ ดวงตากลมโตถลึงมองเขาพร้อมแยกเขี้ยวขู่ “ใช่ จมูกนี้เหมือนแม่หมูตัวอ้วนพีก็มิปาน มันใหญ่โตน่าเกลียด และรูทั้งสองข้างประหนึ่งมันจะสูดร่างกายข้าเข้าไปในตัวเจ้า อัปลักษณ์สิ้นดี!” ฟ่านรั่วเจี๋ยขุ่นเคืองจัด จึงพ่นลมหายใจแรงๆ ใส่หน้าเขา ชายหนุ่มพลันกระโดดโหยงหลบทันที “บังอาจ! การกระทำของเจ้าน่าขนลุกโดยแท้!” “รังเกียจโฉมงามเช่นข้าถึงเพียงนี้หรือ ชินอ๋องแห่งต้าหลาง” “ถูกต้อง เจ้าถอยห่างข้าสักสองวาเดี๋ยวนี้!” คนที่ถูกขนานนามว่าเป็นปีศาจสงครามตวาดใส่ฟ่านรั่วเจี๋ย หญิงสาวทำตาพองใส่คนตัวโต และยอมถอยหลังไปสองก้าว “ตอนนี้ข้ากำลังต่อรองท่านอยู่ บุรุษแห่งต้าหลาง” “ฮึ ต่อรองข้า เจ้าช่างโอหัง ปากพล่อยเช่นนี้ ข้าสมควรสั่งโบยสักร้อยไม้!” ชายหนุ่มโกรธจนใบหน้าหล่อเหลากระตุกรุนแรง เขาขบกรามแน่นอารมณ์นั้นเดือดดาลจัด ดวงตาคมกริบมองสตรีตรงหน้า แม้นางจะดูผิดแผกจากผู้คนทั่วไปทว่ากลิ่นกายสาวและเลือดเนื้อที่ส่งไออุ่นมาได้สร้างความรัญจวนให้แก่เขาอย่างประหลาด หรือจะเป็นนางผู้นี้ที่มารดาอยากให้เขาตามหา “อ๋องชิงซาน...สตรีเช่นข้ามีหน้าที่ส่งข่าวเพียงเท่านี้ หากต้องการรักษาชีวิตคน จงถอยทัพออกไปหนึ่งร้อยลี้ เช่นนั้นข้าจะส่งคืนชายผู้นั้นแก่ท่าน” มู่ชิงซานคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดที่กล้าล่วงเกินตน และนางยังจงใจพ่นลมหายใจประหลาดออกมาจากจมูกใหญ่โตไม่หยุด ซึ่งไม่แน่ว่ามันอาจมีพิษร้ายซ่อนอยู่ “หากอดีตฮ่องเต้แคว้นหมิงแสดงความกล้าหาญได้สักเสี้ยวหนึ่งของเจ้า ข้าคงมีสิ่งให้กระทำมากกว่านี้” หญิงสาวโกรธเหลือเกิน หากปั้นสีหน้าเรียบเฉยด้วยไม่อยากให้เขาเห็นถึงความกลัวและอ่อนแอ “แล้วเจ้าจะเสนอสิ่งใดเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับเจ้าของป้ายหยกนี้” ฟ่านรั่วเจี๋ยอมยิ้มน้อยๆ ดวงตาคู่สวยหวานเกิดประกายขึ้น “ถอยทัพของท่านออกไปหนึ่งร้อยลี้ และข้าจะส่งบุรุษรูปงามคืน” นางย้ำคำเดิมด้วยเสียงหนักแน่น “ข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าเจ้าไม่เล่นกลอันใด มารยาหญิงเชื่อถือได้หรือ โดยเฉพาะสตรีที่มีรูปโฉมเยี่ยงตัวประหลาด” ฟ่านรั่วเจี๋ยใช้เวลาตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ความบริสุทธิ์ของข้า คือข้อยืนยันว่าคำพูดทั้งหมดนี้เชื่อถือได้” ดวงตาคมกริบหรี่มองสตรีตรงหน้า “ฮ่าๆ เจ้ากำลังล้อข้าเล่น” ชายหนุ่มหัวเราะด้วยเสียงน่าเกลียด “เปล่าเลย...ความบริสุทธิ์ของข้ามีไว้ให้สำหรับผู้ชายที่คู่ควร” นางยังย้ำด้วยถ้อยคำเดิม “ฮ่าๆ ฉะนั้นข้ามิบังอาจพรากมันมาจากเจ้าหรอก มิมีวัน” เขากล่าวด้วยเสียงหนักแน่น แจ้งเจตนาตน “ข้าจะจดจำถ้อยคำนี้ไว้ เมื่อใดที่ท่านคืนคำ สตรีแซ่ฟ่าน...จะทำให้ท่านกระอักออกมาเป็นเลือด!” เมื่อนางเอ่ยจบจึงเตรียมผละจากเขา “เจ้าคิดว่าจะไปจากข้าได้ง่ายๆ เยี่ยงนั้นรึ” ฟ่านรั่วเจี๋ยอมยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงชี้ให้เขามองด้านหลัง ยามนั้นมีควันไฟลอยขึ้น ต่อมามีเสียงเป่าเขากวางส่งสัญญาณเตือนภัยของทัพต้าหลาง “จงอย่าลืมถอยทัพของท่านออกไปหนึ่งร้อยลี้ แล้วจะได้บุรุษผู้นั้นกลับคืน” มู่ชิงซานมองหน้าหญิงสาวอีกครั้งอย่างพินิจ สตรีแซ่ฟ่านผู้นี้สร้างความฉงนแกมขวัญลุกให้เขาโดยแท้ อีกทั้งยังมีใจกล้าที่โยนเงื่อนไขให้เขาถอยทัพห่างจากกำแพงแคว้นหมิง “เจ้ามั่นใจในสิ่งที่กล่าวออกมาเพียงใด” “ชินอ๋อง คำพูดนี้สามารถพิสูจน์ด้วยความบริสุทธิ์ของฟ่านรั่วเจี๋ย”นางเอ่ยอย่างเป็นปริศนา และครานี้มู่ชิงซานไม่นึกขำสักนิด หญิงสาวลูบหน้าอกตนเองไปมา อีกทั้งพยายามเรียกขวัญของตนเองกลับคืน เมื่อครู่นางตื่นเต้นจนแทบควบคุมสติไม่ได้ อีกทั้งกลัวเหลือเกิน ทว่าจะให้ทำเช่นไร ในเมื่อคนที่อยากพบหน้ากลับไม่พบ แต่ศัตรูที่อยากตัดศีรษะเอาเลือดชั่วๆ มาล้างเท้าจู่ๆ ก็ปรากฏตัวโดยมิได้คาดคิดมาก่อน บุรุษแซ่มู่และนางได้เผชิญหน้าเขาแล้ว เช่นนี้นับว่าไม่เสียชาติเกิด!! ฟ่านรั่วเจี๋ยก้าวเข้าไปในซอกหินเล็กๆ นางวิ่งลัดเลาะไปอย่างรวดเร็วกระนั้นในหัวยังเห็นใบหน้าของปีศาจกระหายสงครามฉายซ้ำไปมา ชายผู้นั้นถูกขนานนามว่าเป็นหมาป่ารัตติกาล เขาสูบกินเลือดมนุษย์ เรือนกายสูงใหญ่กว่าคนธรรมดา แต่ทว่าตัวจริงๆ ของเขายามหายใจรินรดกันกลับไม่ได้ดูน่ากลัวหรือชวนให้ขวัญหนีดีฝ่อสักเท่าไร อีกทั้งรูปงามมาก มากเสียจนนางรู้สึกร้อนวูบวาบบริเวณท้องน้อย ชายผู้นี้คือมู่ชิงซานจริงหรือ ไฉนเขาถึงได้งามจนน่าหลงใหล นางรำพึงรำพันในใจ พลางพยายามเตือนสติตนเองมิให้เผลอไผลไปกับกลิ่นอายบุรุษ!แถมเป็นบุรุษชั่วใจโฉดที่คิดจะรุกรานแผ่นดินผู้อื่น สองขาของนางก้าวไปได้อีกเล็กน้อยจึงพบกับกองกำลังของเกาเจียว-หั่ว หนุ่มวัยฉกรรจ์ที่ตั้งแต่เกิดมานางก็เรียกเขาว่า ‘พี่หั่ว’ และชอบเล่นสนุกกับเขาเรื่อยมา ด้วยชายหนุ่มเป็นลูกของอำมาตย์เกา ซึ่งสมัยก่อนได้ให้ความช่วยเหลือมารดาฟ่านรั่วเจี๋ยอยู่เนืองๆ กระทั่งฝ่ายนั้นสิ้นลมหายใจไปแล้วเขายังยื่นมือมาดูแลสตรีผู้อับโชคคนนี้ด้วยความมีเมตตา เมื่อเข้าไปใกล้กองกำลังเกาเจียวหั่ว นางจึงใช้ผ้าผืนหนึ่งพันใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้เพื่ออำพรางผู้อื่น น้อยคนนักที่จะไม่ตกใจเมื่อเห็นจมูกของนาง อีกทั้งรูจมูกเมื่อมองแล้วก็สร้างเสียงหัวเราะขบขัน ซึ่งมิผิดหรอกหากใครจะล้อเลียนนางว่า ‘แม่หมู’ คิดถึงคำพูดนั้นแล้ว ฟ่านรั่วเจี๋ยก็นึกแค้นใจต่อคนแซ่มู่!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD