ตอนที่ 3 เรื่องน่าอาย

1163 Words
คริสนั่งดื่มกาแฟอยู่ในห้องนั่งเล่นในช่วงเช้าของวันใหม่ หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์วันนี้ ทำเอาเจ้าตัวแทบอยากจะโยนมันทิ้งไป เพราะคือภาพที่ลูคัสกำลังยิ้มอย่างภาคภูมิใจในงานฉลองเปิดโรงแรมหรูแห่งใหม่ ชายหนุ่มจ้องเขม็งมองภาพคู่อริอย่างอาฆาตแค้น ก่อนจะขยำหนังสือพิมพ์แล้วโยนทิ้งไป “กูไม่เคยลืมสิ่งที่มึงทำไว้ ต่อให้ตายกูก็ไม่ลืม” ขณะนั่งคิดถึงเรื่องเก่า ๆ อยู่นั้น เอเดนก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับใครบางคน ที่เขาเพิ่งจะลงทัณฑ์ด้วยบทรักอันเร่าร้อนมาตลอดทั้งคืน “มาแล้วครับนาย” คริสวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ ก่อนจะจ้องมองดวงหน้าสวยที่ไร้ซึ่งรอยยิ้ม สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขาสั้น ที่เขาเอามาให้หลังจากทำชุดเดรสสวยขาดไปเมื่อคืน “นายออกไปก่อนเอเดน” “ครับนาย” เอเดนโค้งคำนับก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ชญานียืนเผชิญหน้ากับคริสเพียงลำพัง เธอยืนกอดอกทำหน้าไม่สบอารมณ์ไม่พูดไม่จา “นั่งสิจะยืนค้ำหัวฉันไปถึงไหน” “จะให้นั่งบนพื้นหรือบนโซฟาล่ะ” “มานั่งบนตักฉันไหมล่ะ” ว่าพลางตบปุลงที่หน้าขาตนเอง เจ้าหล่อนเบะปากก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟา พยายามเว้นช่องว่างให้ได้มากที่สุด ไม่อยากให้เขาแตะเนื้อต้องตัว เพราะเมื่อคืนก็ปวดระบมมากพอแล้ว “วันนี้จะทรมานอะไรฉันอีกล่ะ” เธอกล่าวประชดประชัน “ยังคิดไม่ออกเลย รอให้ฉันคิดได้ก่อนนะค่อยว่ากัน” เขาจิบกาแฟ ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ นั่งไขว่ห้างมองเธอราวกับเป็นตัวอะไรสักอย่าง ชญานีเหลือบตามองแค่แวบเดียวก็หันหน้าหนีไปอีกทาง นั่งอยู่อย่างนั้นเกือบห้านาทีท่ามกลางความเงียบ นั่นทำให้เจ้าหล่อนรู้สึกอึดอัดมากขึ้นทุกที นึกไม่ถึงเลยว่าผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลา เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สินและเงินทอง จะเป็นซาตานร้ายได้ถึงขนาดนี้ “หิวหรือยัง” “ไม่!” “ดี ไม่หิวก็ไม่ต้องกิน ดูซิว่าจะทนได้สักกี่น้ำ ลุกขึ้นแล้วมานั่งตักฉันเดี๋ยวนี้” เขาออกคำสั่งเสียงเด็ดขาด “ไม่!” “จะมาหรือไม่มา” “ไม่!” “ดื้อจังเลยวะ!” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินมาดึงแขนให้ไปนั่งบนตัก โอบกอดไว้อย่างแนบแน่น หอมแก้มอย่างหื่นกระหายเพื่อทำโทษในข้อหาขัดใจ “ขยะแขยงสิ้นดี ทำนิสัยอย่างนี้คงไม่มีใคร อยากมอบหัวใจให้คนอย่างคุณหรอก” “ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะรักฉันไหม เพราะฉันก็ไม่เคยรักใครเช่นกัน” เขาหยิบบุหรี่ตัวเดิมขึ้นมาสูบต่อ พ่นควันสีขาวใส่หน้าเธอจนอีกฝ่ายสำลักควัน “แค่กๆ ๆ ฉันไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ขอร้องล่ะอย่าทำอย่างนี้เลย” “ไม่ต้องมาทำสำออย ฉันรู้ว่าเธอเคยสูบมัน” “ก็บอกว่าไม่เคยยังไงล่ะ พูดไม่รู้เรื่องรึยังไง” เธอโกรธจนขึ้นเสียงใส่เขา “เธอไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่ฉัน ตอนนี้เธอมันก็เป็นแค่อีตัว เป็นที่ระบายความใคร่ให้กับฉันเท่านั้น รู้ไว้ด้วย” “แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ผู้ชายอย่างคุณมันก็เห็นผู้หญิงเป็นได้แค่นี้ล่ะ” เธอไม่มีทางยอมให้เขาดูถูกฝ่ายเดียวแน่ ถึงอย่างไรต้องหาทางเอาคืน จู่ ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “อ๊าก! ยัยตัวแสบเธอกล้ากัดฉันเหรอ” “ทำไมจะไม่กล้าล่ะ คุณไม่ใช่พ่อฉันนี่” เธอแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นอย่างไม่คิดชีวิต ยังดีที่คฤหาสน์หรูแห่งนี้มีความใหญ่โต มีตรอกซอกซอยเป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าหล่อนสามารถหาที่หลบซ่อนตัวได้ง่ายยิ่งขึ้น คริสกำลังจะวิ่งตามไปแต่ทว่ากลับชะงักฝีเท้า เพราะรู้ว่าถึงยังไงเจ้าหล่อนก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน เพราะมีคนของตนเฝ้าเวรยามไปทั่วทุกพื้นที่อยู่แล้ว “ถึงยังไงเธอก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่ยัยตัวแสบ ซี๊ด แม่งฟันคนหรือฟันหมาวะคมฉิบหาย” ว่าแล้วก็ต้องซี๊ดปากเมื่อรู้สึกเจ็บที่แขน รอยเขี้ยวที่ฝังลงไปจนเห็นเลือดซิบออกมา ถอนหายใจแล้วก็เดินไปหายามาทาแผล .......... ชญานีเดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ จนจำทางกลับแทบจะไม่ได้ เห็นคนรับใช้ในบ้านก็พยายามหลบเลี่ยงเพื่อหาทางออก แต่ทว่าจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนจากด้านหลัง “หนูเป็นใครจ๊ะ!” หันกลับไปมองก็เจอกับหญิงเอเชียสูงวัยแต่งตัวดูดี ยืนกอดอกมองอย่างไม่ละสายตา ชญานีมั่นใจว่าเธอคนนี้ต้องเป็นคนไทยแน่นอน จึงยกมือไหว้เผื่อว่าความอ่อนน้อมถ่อมตน จะช่วยอะไรได้บ้าง “สวัสดีค่ะ คุณเป็นคนไทยใช่ไหม” “ใช่! ฉันเป็นคนไทยเหมือนอย่างหนูนั่นล่ะ แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ทำไมฉันไม่เคยเห็นมาก่อน” “หนู...หนูถูกจับตัวมาค่ะ คุณป้าพอจะช่วยหนูออกไปจากที่นี่ได้ไหม” “ใครจับตัวหนูมา” “เจ้าของบ้านหลังนี้ค่ะ หนูไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว ช่วยหนูด้วยนะคะ หนูอยากกลับบ้าน” ชญานีนั่งลงบนพื้นยกมือไหว้พร้อมทั้งน้ำตา “แล้วทำไมเขาต้องจับตัวหนูมาด้วยล่ะ ไปทำความผิดอะไรมางั้นเหรอ” “หนูไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ คุณคริสเข้าใจผิดว่าหนูเป็นคนที่จะมาฆ่าเขา เลยจับตัวมาที่นี่ หนูไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดเลยนะคะ ฮือ...” “เอาล่ะ เลิกร้องไห้ได้แล้ว ถ้าหนูมั่นใจว่าไม่ผิดฉันจะช่วยเอง” ชญานียิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น “จริง ๆ นะคะ ขอบคุณคุณป้ามากเลยค่ะ” “ลุกขึ้นก่อนเถอะ ดูจากสภาพแล้วคงยังไม่ได้ทานอะไรมาสินะ” “ใช่ค่ะ ไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว แถมยัง...” เธอนึกถึงบทรักอันร้อนแรงที่เผาผลาญพลังงานไปจนเกือบหมด ทำให้เธอแทบจะไม่มีแรงเดินแล้วในตอนนี้ “แถมยังอะไร” “ปะ...เปล่าค่ะ มันเป็นเรื่องน่าอายที่ไม่ควรพูด” “เอาเถอะ ลุกขึ้นแล้วตามฉันมา” “ค่ะ” หญิงสูงวัยเดินนำหน้าไปอย่างสงบเสงี่ยม ชญานีได้แต่ยิ้มอย่างมีความหวัง เดินตามไปอย่างเงียบ ๆ เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่ก็น่าจะมีสิทธิ์มีเสียงในบ้านหลังนี้มากพอสมควร ...........
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD