ตอนที่ 1 ชื่อตอน จะเกี้ยวนางได้อย่างไร
ชุนไห่ถังเป็นสตรีแสนธรรมดา นางอพยพตามบิดาที่มาทำงานแบกหามอยู่ในเมืองหลวง สกุลชุนของนางนั้นดังเดิมก็มิได้ยากจนข้นแค้นเช่นนี้ แต่ทว่าท่านพ่อของนางนั้นช่วยเหลือพี่น้องจนตนเองนั้นมีหนี้สินมหาศาล ทว่าหนี้สินก้อนนี้ครอบครัวของพวกนางก็เต็มใจ ท่านอาสี่มีบุตรชายอยู่สี่คนต้องใช้เงินเพื่อเดินทางไปสอบจ้วงหยวน
ท่านอารองมีบุตรสาวในวัยสาวเทื้อจำต้องเร่งแต่งงานออกไป ท่านอาสามนั้นก็มีบุตรน้อยๆ ท่านพ่อของนางนั้นต้องช่วยท่านอาสามที่บังเอิญมาป่วยไข้ส่งเงินก้อนโตกลับไปเพื่อค้ำจุนทั้งครอบครัว
ท่านย่าก็ชราแล้ว ในเรือนนั้นมีผู้คนรับใช้ที่เป็นขอนไม้ผุพังแล้ว เช่นนี้ท่านพ่อและท่านแม่ของนางจึงมิอาจจะรอคอยสิ่งใดๆได้ เร่งอพยพกันออกมามาหางานทำที่เมืองหลวงหวังว่าจะมีเงินทองส่งกลับไปที่บ้านเกิดของตนเองบ้าง
ยามนี้ท่านอาสี่นั้นติดตามมาด้วยกัน มีสิ่งใดๆก็จุนเจือกัน ช่วยเหลือบุตรชายของท่านอาสี่ให้มีเงินซื้อตำราแล้วออกไปสอบจ้วงหยวนให้ได้ซักผู้หนึ่ง ท่านพี่สี่คนนั้นเป็นแฝดสอง แม้มีสี่คนแต่คล้ายมีเพียงแค่สองคนให้ขบคิดไปเท่านั้น เพื่อมิให้จดจำผิดพลาดกัน จึงให้พี่ใหญ่ชุนหยุนเฟิงนั้นสวมใส่ชุดสีฟ้า แฝดชื่อเอ้อเฟิงนั้นสวมใส่ชุดสีดำ
ส่วนท่านพี่สามฉีหนานนั้นสวมชุดใดก็ได้เพราะอ้วนท้วมกว่าพี่สี่ชางหนานนั้นผอมกว่าจดจำได้ง่ายมิมีอันใดนัก แต่หากผู้ใดมิคุ้นชินกันแล้วก็ต้องงุนงงอยู่มิคลาย
ชุนไห่ถังนั้นมีฝีมือในการทำหมั่นโถวหวาน นางจึงชักชวนมารดามาเปิดร้านหมั่นโถวในยามเช้า มิคาดว่าหมั่นโถวหวานของพวกนางก็พอทำเงินได้อยู่เล็กน้อย แม้เหนื่อยยากลำบากกายแต่ทว่าหัวใจนั้นยังอดทน นางมีบุรุษมาแอบมองอยู่มากมาย แต่พี่น้องของนางทั้งสี่นั้นย่อมมิมีทางให้บุรุษใดๆมาเข้าใกล้นางได้โดยง่าย เช่นนี้ไห่ถังจึงมิใคร่ได้สนทนากับบุรุษทั้งหลายเนิ่นนานนัก
“ชุนเม่ยเม่ย ข้าขอหมั่นโถวแปดลูกเถิด “
“เจ้าค่ะ ต้าเกอ “
ไห่ถังรับคำออกไปเบาๆลงท้ายแล้วนางนั้นก็วุ่นวายดั่งเช่นทุกวัน หมั่นโถวนั้นแม้ขายมิดีมากแต่ทว่าการขายของในยามเช้านั้นวุ่นวายและยุ่งเหยิงนัก ไห่ถังจึงมิใคร่แย้มรอยยิ้มมากมายแต่ทว่าบุรุษที่ผ่านไปมาก็แอบจ้องมองนางกันทุกวัน
ที่ในจวนขุนนาง บุตรชายเพียงผู้เดียวของท่านแม่ทัพฉู่ ฉู่อ้าวเหิงนั้นเจ็บป่วยนอนเป็นผักอยู่ในเตียง ยามนี้อากาศหนาวเย็นทานสิ่งใดมิใคร่ได้ ฉู่อ้าวเหิงหงุดหงิดมาก ร้องเรียกบ่าวชายของตนเองให้ออกไปเดินค้นหาอาหารที่น่าทานที่นอกจวนมาเสียหน่อย ด้วยคุณชายฉู่นั้นเจ็บในลำคอมิอยากจะกลืนกินสิ่งใดแล้ว
“อาเป่ยออกไปเดินดูที่นอกจวนเสียว่ามีสิ่งใดที่ข้านั้นกินแล้วจะมิเจ็บลำคออีก ข้าเบื่อหน่ายน้ำแกงไก่ที่มีแต่ไก่ตกน้ำแกงทั้งหลายแล้ว ขืนกินน้ำแกงอีก อีกมินานข้าคงขันร้องออกมาได้เหมือนกับไก่เป็นแน่แล้ว “
“โธ่คุณชาย ท่านป่วยอยู่นะขอรับ หากคุณชายนั้นกินอาหารที่นอกจวนแล้วเกิดเจ็บป่วยขึ้นมามากกว่านี้แล้วจะทำเช่นใดเล่าขอรับ “
“ฮึ่ม เจ้าจะไปตามคำสั่งข้าหรือมิไป “
“โถ่ อาเป่ยไปแล้วขอรับ ไปเดี๋ยวนี้เลยขอรับคุณชาย “
อาเป่ยเร่งเดินออกไปที่หน้าจวนอย่างเร็วรี่ ถึงแม้รีบเร่งอย่างไร แต่ทว่าในสกุลฉู่นั้นมีระเบียบมาก ข้ารับใช่เช่นอาเป่ยจะก้าวเท้าก็ต้องมีท่วงท่าที่น่าชม เมื่อออกไปเดินวนถึงแปดรอบตามความมงคลแล้ว อาเป่ยตัดสินใจซื้อหมั่นโถวหวานของสตรีดวงตากลม นางมิน่ารักแต่น่ามอง ดูเรียบร้อยสบายตาดีจริงๆ อาเป่ยซื้อแล้วค้อมกายจ่ายเงินออกไป สุดท้ายก็เร่งรีบเข้าไปที่ในจวน สั่งให้คนครัวยกอาหารมากมากมาย และวางหมั่นโถวบนกระดาษชุบน้ำมันลงไป
“คุณชายขอรับ หมั่นโถวหวานร้อนๆเลยขอรับ กินกับเป็ดผัดขิงก็เข้ากันนะขอรับ “
“อรืม เจ้าบิมันออกมาเสีย ข้านั้นจะทดลองชิมเพียงครึ่งหนึ่ง “
คุณชายฉู่เอ่ยออกมาอย่างเบื่อหน่าย และทดลองลิ้มรสหมั่นโถวหวานนั้นลงไป มิน่าเชื่อว่าหมั่นโถวชิ้นนี้นั้นนุ่มและหอมอบอวลอยู่ในปาก คุณชายฉู่ยกยิ้มที่มุมปากขึ้นมาและเอ่ยไต่ถามคนออกไป
“สตรีผู้ใดกันทำหมั่นโถวได้นุ่มและหอมอร่อยมากเช่นนี้ “
อาเป่ยยกยิ้มจางๆและเร่งหยิบกระดาษขาวขึ้นมาเตรียมพร้อมร่างใบหน้าของสตรีแสนงดงามลงไป คุณชายฉู่ถอนหายใจเบาๆ และเอนกายจ้องมองลงไปในภาพวาด ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
“ภาพวาดนี้ธรรมดานัก รอข้าหายป่วยไข้จะไปแอบมองชมซักครา “
“ขอรับ นางมิน่ารักแต่น่ามองขอรับ คุณชายคงพึงพอใจนางเล็กน้อยขอรับ “
“ดี ข้าเบื่อหน่ายสตรีที่มากวาจาพวกนั้นแล้ว ต่อให้นางมิงดงามมากเท่าใด ขอเพียงนางตกลงยินยอมร่วมลงมาหลอกลวงบิดาข้าได้ เท่านั้นข้าก็พึงพอใจแล้วล่ะนะ หึ หึ หึ “
คุณชายฉู่หัวเราะดังขึ้นมา ที่ตนเองนั้นคิดแผนการชั่วร้ายขึ้นมาได้ในใจ ด้วยยามนี้บิดาของตนนั้นนั้นวุ่นวายแต่จะค้นหาสะไภ้เข้าจวนฉู่ไปทุกวัน สตรีใดงดงามก็นำพาเข้าจวนมาจนวุ่นวายมิต้องทำสิ่งใดแล้ว ฉู่อ้าวเหิงเบื่อหน่ายนัก จึงคิดว่าตนเองนั้นหากคิดว่าจะสุขสงบได้ ย่อมต้องค้นหาสตรีซักผู้หนึ่งมาเล่นละครแล้ว ในเมื่อตนเองนั้นยังมิมีรัก จะแต่งสตรีใดเข้าจวนซักคนก็ขอคัดเลือกที่ตนเองนั้นพึงใจก่อนเสียย่อมดีกว่า
เช่นนั้นในสามวันถัดมานั้น คุณชายฉู่ก็มานั่งมองสตรีแสนธรรมดาแต่ทว่ามีดวงตาที่อ่อนโยนอยู่อย่างตั้งใจ สตรีนั้นนวดหมั่นโถวและมีเหงื่อหยดลงมาน้อยๆ ฉู่อ้าวเหิงยกพัดขึ้นมาพัดเบาๆและหันไปกระซิบกระซาบกับอาเป่ยในทันที
“อาเป่ย นางก็หน้าตาดีอยู่มิน้อย ให้แม่สื่อนั้นไปสืบความเสียว่านางนั้นมีครอบครัวเป็นอย่างไร “
“แค่กๆ เอ่อ บ่าวนั้นจัดการแล้วขอรับ อยู่ในห้องอักษรแล้วขอรับคุณชาย “
“อรืม เช่นนั้นก็ดี “
ฉู่อ้าวเหิงพยักหน้าออกไปเบาๆแล้วมองไปที่ร้านหมั่นโถวก่อนจะออกไปซื้อหมั่นโถวเสียร้อยลูก สั่งนางให้นำหมั่นโถวไปส่งให้ที่จวน และรอคอยเก็บเงินด้วย
“แม่นางข้านั้นต้องการหมั่นโถวเสียร้อยลูก แต่ทว่าเป็นยามหลังยามอู่ เจ้านั้นจะไปส่งให้ข้าที่จวนฉู่ได้หรือไม่ ข้านั้นจะจ่ายค่ามัดจำก่อนเสียครึ่งหนึ่ง”
“เจ้าค่ะ ถ้าเป็นยามอู่*1นั้น ข้าน้อยจะไปส่งให้คุณชายได้อย่างแน่นอน ท่านรอคอยข้าน้อยนึ่งหมั่นโถวก่อนนะเจ้าคะ “
“อรืม มิต้องรีบ ข้านั้นเพียงนำไปแจกจ่ายบ่าวรับใช้ให้นำไปทานกันเล่นเท่านั้นเอง ในจวนนั้นมีอาหารแล้ว เจ้ามิต้องเคร่งเครียดนัก “
“เจ้าค่ะ ขอบคุณคุณชายมากเลยเจ้าค่ะ “
ไห่ถังยิ้มออกมาเต็มใบหน้า คุณชายฉู่ลอบมองแล้วทำทีมิใส่ใจเสีย ในใจนั้นเต้นตึ่กตึ่ก เร่งหยิบพัดมากระพือโบกลมเข้าในอกตน แล้วเดินไปมองรายรอบตลาดนั้น จนพบร้านขายปิ่นหยกเงินที่มีผ้าไหมเป็นเส้นยาวประดับลงมา ฉู่อ้าวเหิงเร่งจ่ายเงินออกไปและเก็บซุกมันลงไปในอกตน คิดในใจว่าจะส่งให้สตรีขายหมั่นโถวคนงามอย่างไรกัน นางจะคิดว่าตนเองนั้นบ้าราคะหรือไม่นะ
“ฮร่า ข้ามิเคยเกี้ยวสตรีใด ข้าจะทำอย่างไรมิให้น่าอับอายเล่า “
ฉู่อ้าวเหิงขมวดคิ้วถอนหายใจแรงขึ้นมาแล้วเดินอ้อมไปที่หลังจวน ก่อนจะเร่งเข้าไปเดินตรวจตราในจวนแล้วสั่งบ่าวชายในจวนให้เร่งเก็บกวาดเสีย ที่หน้าเรือนนั้นมีดอกไม้และชุดน้ำชามาตั้งวาง จับมันหมุนไปมาและทดลองนั่งเอนกายให้อาเป่ยชมอยู่หลายครา อาเป่ยถอนหายใจบางๆและเอ่ยกล่าวคำออกมา
“คุณชายท่านอย่าตื่นเต้นไปเลยนะขอรับ ท่านทำตนเย็นชาปกติก็ดูดีมากแล้ว ท่านอย่าคิดมากไปเลยขอรับ นางนั้นมาส่งหมั่นโถวนางคงมิคิดมากกับท่านในคราแรกแน่ๆขอรับ “
“ฮร่า นั่นซินะ นางคงดีใจหรือเหนื่อยที่จะต้องทำหมั่นโถวมากมายเสียเช่นนั้น ข้าจึงมิควรทำตนประหลาดให้นางตกใจนัก “
ฉู่อ้าวเหิงถอนหายใจเบาๆและรินน้ำชามาดื่มเสีย นั่งรอนางอยู่นานก่อนจะได้ยินอาเป่ยนั้นเอ่ยเรียกตนเองขึ้นมา
“คุณชายขอรับ แม่นางขายหมั่นโถวมาถึงแล้วขอรับ “
“อรืม “
ฉู่อ้าวเหิงรับคำบ่าวของตนเบาๆและลืมดวงตาขึ้นมาพบว่า แม่นางตากลมนั่งรอคอยอยู่อย่างเจียมตน ใบหน้าคมยิ้มจางๆออกไปเอ่ยถามนางเสียงแหบพร่าขึ้นมา
“แม่นางเหนื่อยหรือไม่ ทดลองดื่มชาของข้าดูก่อนเถิด ชาของข้านั้นหอมและรสนุ่มนวลนัก “
“เอ่อ ของคุณคุณชายเจ้าค่ะ “
ใบหน้าหวานรับคำเบาๆ นางทดลองรินชาลงไปช้าๆและยกขึ้นมาสูดกลิ่นหอมเบาๆ ยามที่พบว่าหอมนุ่มนวลมากก็ค่อยๆทดลองจิบมันลงไป ใบหน้าหวานทำตาโตอย่างประหลาดใจและชื่นชมขึ้นมา ใบหน้าคมจ้องมองนางและยิ้มจางๆขึ้นมา
“แม่นางมีชื่อว่าอันใด “
“เอ่อ ข้าน้อยมีชื่อว่าชุนไห่ถังเจ้าค่ะ มีแซ่ชุน อพยพมาด้วยฐานะที่จวนในยามนี้มิมั่นคงนัก *2เปียวเกอทั้งสี่ของข้านั้นต้องมาสอบพร้อมกันเจ้าค่ะ “
ยามอู่ *1ราวๆเที่ยงวัน
เปียวเกอ *2 ลูกพี่ลูกน้องชาย