เรือนผมสีบลอนด์ทองของเอวาสยายไปบนที่นอน ที่หลังเปลือยเปล่าของเธอนั้นชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ผ้าคลุมผมและชุดนักบุญของเธอถูกกระชากออกไปกองที่พื้น เธอยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงที่น่าอายออกมา
ดวงตาทั้งสองข้างของเธอรื้นไปด้วยน้ำตา
เขาก้มลงมาจูบซับน้ำตาให้เธอ สัมผัสที่อ่อนโยนของเขาทำให้เอวารู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลาย เขายังคงส่งมอบความหฤหรรษ์ให้เธอจากจุดที่เชื่อมต่อกัน
เอวาพยายามลืมตาขึ้นมามองใบหน้าเขา แต่ทว่าฤทธิ์ของไวน์องุ่นที่เธอดื่มฉลองในวันขอพรพระเจ้านั้นทำให้ดวงตาของเอวาพร่ามัว
เขาโอบกอดเธอแน่น ทุกสัมผัสที่เขามอบให้มันช่างอ่อนหวานและอ่อนโยนจนเอวาแทบจะหลอมละลายภายใต้ร่างของเขา
“…เอวา”
เขากระซิบเรียกเธอซ้ำๆ เพื่อจะบอกกล่าวแก่เธอว่าเขารู้สึกดีเพียงใด เอวายื่นมือขึ้นไปโน้มใบหน้าเขาลงมาก่อนจะจุมพิตเขาเบาๆ
เขายังคงตามใจเธออย่างว่าง่าย เธออยากทำเช่นใดกับร่างกายเขาก็ย่อมได้ เขาไม่แม้แต่จะขัดใจเธอ
เอวากอดรับความอบอุ่นที่เขามอบให้เธอ…ครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงแม้เธอจะมองเห็นใบหน้าเขาเลือนรางทว่าสัมผัสที่เขามอบให้เธอ…เอวาสัมผัสได้อย่างชัดเจน
ค่ำคืนที่หวานล้ำขอเอวาผ่านไปอย่างช้าๆ จวนเจียนจะขาดใจ
“พรึบ!!!”
เอวาเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว เธอก้มมองภายใต้ผ้าห่มสีขาว
ไม่ได้….ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น….
เอวาเหลือบมองไปข้างเตียง เธอเอาผ้าห่มห่อตัวเพื่อเดินลงมาหยิบเสื้อผ้าไปใส่ เอวายกชุดนักบุญของเธอขึ้นมา
ด้านหลังขาดวิ่นจนผ้าที่เย็บไว้แทบจะแยกออกจากกัน….
ส่วนกระโปรงด้านในของเธอถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแทบจะไม่เหลือซาก
“…..”
เอวายกมือขึ้นตบที่หน้าผากตัวเอง ความรู้สึกปวดเอวและส่วนล่างนั้น…มันแสนจะชัดเจน
เมื่อคืนเธอคงเสียตัวให้ใครสักคน…..
รอบๆ ห้องนี้ไม่มีใครอยู่ เอววามองไปที่นาฬิกา
ใช่แล้วตอนนี้เวลาสิบโมงกว่า เธอหายไปทั้งคืนเช่นนี้ ป้ามาธ่าน่าจะบิดหูเธอขาดทันทีที่เอวากลับไปที่โบสถ์
ใจเย็นๆ เอวา ตอนนี้สิ่งที่ต้องคิดเป็นอันดับแรกคือ….เธอจะใส่ชุดอะไรออกไปจากห้องนี้กัน
เอวาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าไม้ สถานที่นี้เธอมาค่อนข้างบ่อย
ที่นี่คือโรงแรมเอเลฟีน่า…โรงแรมที่หรูหราที่สุดในจักรวรรดิ
เอวามาปราสาทพรให้ผู้จัดการโรมแรมบ่อยๆ เขาให้ค่าตอบแทนเอวาในราคาที่สูง เพราะที่พักที่นี่ราคาแพงลิบลิ่ว
เอวาชะงัก!
เธอหวังลึกๆ ว่าชายคนเมื่อคืน….เขาคงจะจ่ายค่าโรงแรมแล้วใช่ไหมนะ…..เธอคงไม่ซวยถึงขนาดที่เสียตัวแล้วยังต้องมาออกค่าโรงแรมอีก
เอวาเปิดตู้เสื้อผ้าออก ปรากฏเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ เอวาคว้าเสื้อเชิ้ตและกางเกงมาใส่ เธอพับขากางเกงขึ้นเพื่อให้สะดวกกับการก้าวเดิน
หลังจากจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางเอวาก็เปิดประตูออกไปด้านนอก ก่อนออกไปเธอไม่ลืมหยิบเศษซากชุดนักบุญของเธอออกมาด้วย
ที่นี่เป็นชั้นบนสุด..ไม่ค่อยมีใครขึ้นมาพักเพราะค่าห้องชั้นบนจะแพงที่สุด เอวารีบวิ่งลงบันไดของพนักงาน เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอผู้คนด้านล่างด้วย
“อ้าว!..เอวา?”
เธอหันไปมองเสียงเรียกก็พบกับเจน
“สภาพเช่นนั้นคืออะไรกัน…ท่านนักบุญ”
เจนอมยิ้มให้เอวา
เอวาหลับตาพร้อมทั้งหมวดคิ้ว
“….อย่าบอกใคร”
เจนหัวเราะ เจนและเอวาเติบโตด้วยกันมาในบ้านเด็กกำพร้า เอวาคือเพื่อนสาวคนเดียวของเธอ อีกทั้งเมื่อคืนคนที่ชวนเอวาไปกินไวน์องุ่นจนเมาก็คือเจนเอง
“เอวา…เดินออกมาจากห้องไหน?”
เอวาเม้มปาก
“ช่างมันเถอะ”
เจนยกมือขึ้นท้าวเอว เธอเริ่มมองเพื่อนสนิทด้วยอารมณ์โมโหนิดๆ
“จะช่างมันได้ยังไงเอวา!…ดูสภาพเจ้าก่อน คอแดงเถือกเช่นนี้…คงไม่ได้ทำไปแค่รอบเดียวหรอกนะ!!!”
เอวายกมือขึ้นปิดปากเจน
“เจน…เมื่อคืนข้าเมา..เลยมองหน้าเขาไม่ชัด”
“เช่นนั้นเจ้าก็บอกมาว่าเจ้าออกมาจากห้องไหน…ข้าสามารถตรวจชื่อของแขกที่เข้าพักให้ได้”
เอวาเม้มปาก
“เจนตรวจชื่อแล้วยังไง…เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าก็จำไม่ค่อยได้ จะไปบังคับให้เขามารับผิดชอบข้าเหรอ เกิดเจ้าโวยวายให้เขามารับผิดชอบข้าแล้วเขาเป็นคนที่มีภรรยาอยู่แล้วล่ะ ชีวิตข้าจะไม่ยิ่งเลวร้ายไปกว่านี้เหรอ?”
เจนถอนหายใจ พอเธอนึกตามที่เอวาพูดมานั้นก็มีเหตุผล
“เช่นนั้นเจ้ารีบไปก่อนป้ามาธ่าจะฆ่าเจ้า”
เอวารีบวิ่งทันทีที่เจนกล่าวจบ เธอปีนกำแพงเข้าทางข้างโบสถ์ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องนอนตัวเองเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนักบุญหญิง โชคดีที่ชุดนี้ปิดขึ้นไปถึงคอ ไม่งั้นถ้าคนอื่นเห็นคงตอบคำถามกันไม่หวาดไม่ไหวแน่
เอวาเดินไปยังห้องสวดภาวนา…ทว่าไม่มีคนอยู่สักคน
เธอรับวิ่งไปที่ห้องโถงใหญ่เสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่ นักบุญส่วนใหญ่อยู่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ เอวาใช้ถังน้ำมารองก่อนที่เธอจะปีนไปแอบดูที่หน้าต่าง
ท่านนักบุญริกเกอร์ผู้ดูแลโบสถ์กำลังกล่าวกับนักบุญที่อยู่ในห้องโถง
“เพราะฉะนั้นทางพระราชวังจึงให้เราส่งนักบุญที่มีพลังรักษาเข้าร่วมกับกองทัพเพื่อไปออกรบในครั้งนี้”
เอวาขมวดคิ้ว ออกรบงั้นเรอะ!! ให้ตายเถอะ
เธอหวังอย่างยิ่งว่าท่านนักบุญริกเกอร์คงจะไม่ส่งผู้หญิงไปหรอก ใช่ไหม?
“คนแรกที่จะเป็นหัวหน้าของนักบุญที่เดินทางไปครั้งนี้ คือ เอวา”
“…..”
“เอวา…รีบออกมา!!”
เอวาคิดว่าเธอยังคงไม่สร่างเมา ไม่สร่างเมาแน่ๆ เหล้าองุ่นของเจนฤทธิ์ช่างแรงข้ามวันข้ามคืน
“เอวา!!!”
เอวาที่มองท่านนักบุญริกเกอร์ที่หน้าต่าง เธอรู้สึกเสียวๆ ที่สันหลัง เอวาหันหลังไปมองด้านหลังก็พบกับ ป้ามาธ่า ที่ยืนถือไม้เรียวมองเธออยู่
“…เอวา…ยังไม่รีบเข้าไปอีก!!!”
เสียงของป้ามาธ่าที่เรียกเธอทำให้ทั้งห้องโถงใหญ่มองมาที่หน้าต่างที่เอวายืนอยู่
นี่มัน….วันซวยอะไรของเธอกัน!!
เอวาเดินคอตกไปหาท่านนักบุญริกเกอร์
“คนต่อไป……”
เอวารู้สึกว่าหูของเธออื้อจนไม่ได้ยินเสียงของท่านริกเกอร์ที่เรียกชื่อนักบุญคนอื่นเลย
เสื้อผ้าของเอวาถูกเตรียมใส่กระเป๋าไว้โดยป้ามาธ่า เอวาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปรับกระเป๋านั้นมา
ป้ามาธ่ายื่นห่อข้าวที่เตรียมไว้ให้เอวา
“กลับมา…อย่างปลอดภัยละกันเจ้าน่ะ!!”
เอวาพยักหน้าเบาๆ ถัดจากป้ามาธ่าคือเจนที่ยืนร้องไห้อยู่
“เจน…หุบปากซะ!!!”
ป้ามาธ่าหันไปดุเจน
“เอวา…ข้าอยากจะบอกเจ้าว่าข้าจะดูแลโคลว์เป็นอย่างดีชนิดที่ว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยล่ะ”
เอวามองค้อนไปที่เจน
โคลว์คือชายหนุ่มที่เป็นที่หมายปองของสตรีในหมู่บ้านรวมทั้งเอวาและเจน เขารับราชการเป็นอัศวินของตระกูลดยุคแลงค์ตั้น ตระกูลที่สูงส่งและมีชื่อเสียง
ใบหน้าที่หล่อเหลาบวกกับความเป็นสุภาพบุรุษของเขาทำให้สาวๆ ในเมืองต่างก็หมายปองโคลว์มาเป็นคู่ชีวิต
“ถือซะว่า…ข้าต่อให้เจ้าแล้วกัน”
“โป๊ก!!!”
ป้ามาธ่าใช้พัดที่ถืออยู่ตีไปที่หัวของเจนและเอวา
“ให้ตายเถอะ!! พวกเจ้าเป็นสตรี มากล่าวถึงบุรุษเช่นนี้เหมาะสมแล้วเรอะ!!!”
เอวายื่นมาลูบหัวตัวเองเบาๆ
“เจ็บนะป้ามาธ่า…วันก่อนตอนที่คณะอัศวินมาที่โบสถ์ข้ายังเห็นป้าออกไปยืนแถวหน้าสุดเพื่อต้อนรับหัวหน้าอัศวินริชาร์ดเลย”
ป้ามาธ่าหน้าแดง เธอยกมือขึ้นเตรียมจะตีเจนอีกครั้ง แต่เจนวิ่งหนีไปก่อน
“อ๊ากกก…พอข้าพูดความจริงป้าก็รับไม่ได้!!”
เอวาหัวเราะเสียงใส ป้ามาธ่าและเจนวิ่งไล่กันไปจนถึงหน้าโบสถ์
“ท่านนักบุญหญิงเอวาใช่ไหมครับ…ท่านดยุคแลงค์ตั้นให้ข้ามารับคณะท่านนักบุญครับ”
อัศวินผู้นั้นยื่นมือมาถือกระเป๋าเสื้อผ้าให้เอวา เขามีผิวสีแทนจากการตากแดด ใบหน้าดูคมเข้มตามแบบฉบับของชายชาตรี เอวามองเขาแล้วยกยิ้มให้
เอซหน้าแดงทันทีที่สบตาของเอวา สตรีเบื้องหน้ามีผิวขาวราวกับหิมะ ดวงตากลมโตรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ปากอมชมพูที่เชิดขึ้นเพื่อรับกับใบหน้าเรียวยาวของเธอ
สตรีตรงหน้าคือสาวงามชนิดที่ว่าหาได้ยากผู้หนึ่ง
“ท่านชื่อ?”
“ข้าชื่อเอซีล่า มามัวร์ เรียกว่าเอซก็ได้ครับ”
เอวาพยักหน้า
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ…ท่านอัศวินเอซ”
เอซนึกขอบคุณที่เขานั้นมีผิวสีคล้ำมันทำให้เวลาที่เขาหน้าแดงคนอื่นมองไม่ออก
เขาพานักบุญหญิงและนักบวชชายอีกสามคนขึ้นรถม้าเพื่อไปเตรียมตัวที่คฤหาสแลงค์ตั้น รถม้าจอดที่หน้าประตูขนาดใหญ่ คฤหาสน์สีขาวกว้างสุดลูกหูลูกตา
มีพ่อบ้านท่าทางใจดีมายืนต้อนรับเอวา
“พวกเราจัดห้องไว้ให้แล้วครับท่านนักบุญหญิง มื้อเย็นท่านดยุคจะลงมารับประทานอาหารเย็นด้วย ขอท่านนักบุญหญิงเตรียมตัวให้พร้อมครับ”
เอวาพยักหน้า มีสาวใช้นำทางเธอไปยังเรือนรับรองด้านหลัง ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสอง เอวาเกิดรู้สึกเบื่อจึงขออนุญาตพ่อบ้านเพื่อจะไปชมสวนดอกไม้ด้านหลัง
ตระกูลแลงค์ตั้นนั้นร่ำรวยมหาศาล ท่านแกรนด์ดัชเชสของตระกูลเป็นน้องสาวขององค์จักรพรรดิ ส่วนท่านแกรนด์ดยุคเป็นแม่ทัพใหญ่ นำทัพออกรบชนะศึกทุกครั้ง จนได้ฉายาว่าตระกูลแลงค์ตั้นคือเสือดำที่ยากแก่การโค่นล้ม
พวกเขามีบุตรชายหนึ่งคน ชื่อว่าออสติน
ข่าวลือของออสตินคือเขาเป็นคนตายด้าน….บุรุษ…ที่นกเขาไม่ขัน…
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มต้นข่าวลือนี้
พอรู้ตัวอีกที….ชื่อของดยุคออสตินก็โด่งดังในชั่วข้ามคืน
เขาแต่งภรรยาทั้งหมดสี่คนแล้ว….ภรรยาทั้งสี่ของออสตินล้วนหย่ากับเขาด้วยเหตุผลเดียวกัน
คือ…นกเขาของออสตินนั้นหลับสนิทและปลุกไม่ตื่น…..
เอวาคิดว่าแต่ละคนล้วนแล้วแต่คงจะมีเหตุผลของตัวเอง ออสตินเองก็คงน่าเห็นใจเพราะเขาเป็นถึงท่านดยุค
หากตรงนั้นใช้การไม่ได้ เรื่องทายาทและผู้สืบทอดคงจะเป็นปัญหาแน่ๆ
เอวาเดินมาหยุดที่แปลงดอกทิวลิปสีแดงสด เธอนั่งลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สวนดอกไม้นี้มีดอกไม้หลากหลายชนิด แต่ละชนิดล้วนแล้วแต่มีราคาแพงระยิบ ทิวลิปดอกหนึ่งราคาราวสามเหรียญทอง เธอไปปราสาทพรได้เงินวันละ ห้าเหรียญทอง
เธอปราสาทพรทั้งวัน จะซื้อดอกทิวลิปได้เพียงดอกครึ่งเท่านั้น….
ความจนนี่…น่ากลัวเหมือนกันแฮะ
ถ้าถอนดอกทิวลิปทั้งแปลงนี้ไปขายคงได้เงินมหาศาล…..ไม่ได้นะเอวา!!!
ขโมยของมีโทษถึงตัดมือ…เธอจะไม่มีมือสวยๆ เอาไว้กุมหน้าสุดหล่อของโคลว์นะ เอวารู้สึกเขินอายทุกครั้งที่นึกถึงหน้าโคลว์
เขาทำงานในคฤหาสน์แห่งนี้นี่นา…จะมีพรหมลิขิตแบบเดินไปจ๊ะเอ๋กันไหมน้า~~
เอวาล้มตัวนอนลงบนพื้นหญ้า
“โป๊ก!!”
เอวารีบดีดตัวขึ้นทันทีที่หัวเธอไปกระแทกกับอะไรสักอย่างบนพื้น เธอยกมือมากุมหัวที่เริ่มปูดบวม
“ใคร!!..กล้ารบกวนการนอนของข้า”
เอวาเงยหน้าไปมอง เธอเห็นว่ามีชายคนหนึ่งนอนลงด้านหลังต้นไม้ที่เธอนั่งอยู่ เขายกมือขึ้นมากุมหน้าผากที่บวมแดง
“ขะ…ขอโทษค่ะ…ข้าไม่รู้ว่ามีคนนอนอยู่”
เขาลุกขึ้นเสยผมดำสนิทที่ปกหน้าผากก่อนจะมองเธอด้วยสายตาโกรธแค้น
“เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าชื่อเอวาค่ะ…เป็นนักบุญหญิงที่จะออกไปร่วมรบกับท่านดยุคแลงค์ตั้น”
หางตาเขากระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเธอเอ่ยชื่อ
เอวาถือวิสาสะขยับเข้าไปหาเขา เธอยกมือขึ้นท้าวกับต้นไม้ส่วนอีกมือแตะที่หน้าผากเขา เธอร่ายเวทย์รักษาให้เขา มีลมสายหนึ่งพัดผ่านเขาไป พอรู้ตัวอีกทีก็ไม่รู้สึกเจ็บที่แผลแล้ว
“พรืด!!…”
มือที่ยันต้นไม้ไว้ของเอวาเกิดลื่น…เอวาพยายามคว้าต้นไม้ไว้แต่เธอก็คว้าได้แต่เพียงอากาศ
“ตุบ!!!”
เอวาล้มตัวไปทับเขา หน้าของเธอกระแทกที่หน้าอกแกร่งของเขาอย่างจัง เอวารู้สึกว่าเธอได้ยินเสียงดัง ก็อก!! ดังก้องอยู่ในหู
“!!!!”
กลิ่น….กายของเขา!!!!
เอวาไม่มีทางลืมกลิ่นนี้ได้เด็ดขาด กลื่นที่เธอสูดดมตอนที่เธอซบแนบอิงอกแกร่งของเขาโดยไร้ซึ่งสิ่งปิดกั้น เอวาเงยหน้ามองที่ใบหน้าของเขา
ถึงจะเลือนลาง ทว่ามีความคล้ายกับชายในความทรงจำของเธออยู่หลายส่วน
ไม่ผิดแน่!!! เขาคือชายที่มีค่ำคืนอันหอมหวานรัญจวนใจกับเธอ เอวาไม่มีทางลืมอกแกร่งที่เธอซบและลูบคลำตอนนั้นได้
“แหมะ!!…”
เลือดสีแดงสด….ไหลลงมาจากจมูกของเอวา
“!!!!”
ชายเบื้องหน้าก็ตกใจพอๆ กับที่เอวาตกใจ เขารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าไปซับเลือดที่กำลังไหลลงมาจากจมูกของเธอ
เอวาหลับตาลง….เธอไม่แน่ใจว่าเลือดที่ไหลออกมาทางจมูกนี้….ไหลเพราะว่าจมูกเธอกระแทกหรือเพราะว่าเธอนึกถึงเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของเขาในคืนนั้นกันแน่!!!!