“อย่ายึดบ้านของเราเลยนะเสี่ย” กำนันบุญส่งกับภรรยานั่งกับพื้นบ้านขอร้องเจ้าหนี้ของตัวเองเมื่อตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยที่ยืมมาตามที่นัดแล้ว แต่สองสามีภรรยาก็ยังไม่มีเงินมาคืน และสิ่งที่นำไปค้ำประกันคือบ้านหลังน้อยของตัวเอง
“นั่นไม่ใช่เรื่องของฉัน ตอนอยากได้เงินฉัน ไม่เห็นต้องขอร้องนานเลย และพอฉันอยากได้เงินฉันคืนทำไมถึงไม่มีล่ะ” คลังแสงกอดอกยืนมองสองสามีภรรยาที่นั่งคุกเข่าขอร้องอยู่กับพื้นบ้านด้วยความสมเพช ก่อนจะเดินออกไปหน้าบ้าน
“เสี่ย...เสี่ยอย่ายึดบ้านเราเลยนะครับ ถ้ายึดไปแล้ว พวกเราจะไปอยู่ที่ไหน” บุญส่งลุกขึ้นเดินตามไปขอร้องหนุ่มใหญ่พร้อมกับเขย่าแขนของเขาแรงๆ
“อย่าเอามือสกปรกมาแตะต้องตัวฉัน” คลังแสงสะบัดแขนตัวเองข้างที่ถูกกำนันเขย่าจนกำนันวัย 58 ปีล้มลงไปกับพื้น และทันจังหวะที่เจนจิราเพิ่งกลับมาจากสอนเห็นเข้าพอดี เธอจอดมอเตอร์ไซค์แล้วรีบวิ่งไปหาคนเป็นพ่อที่ล้มลงไปกับพื้นจากแรงสะบัดของชายแปลกหน้าทันที
“พ่อจ๋า...พ่อ คนพวกนี้เป็นใคร” เธอชี้หน้าชายหนุ่มที่ยืนกอดอกมองจ้องหน้าเธอ
“เธอจำฉันไม่ได้เหรอ คนที่เธอตบหน้าเมื่ออาทิตย์ก่อนไงเจนจิรา” เขาโน้มตัวลงไปพูดกับเธอที่นั่งกอดพ่อตัวเองอยู่กับพื้นแล้วยื่นมือไปเชยคางมน ก่อนจะปล่อยมือออกแล้วยืดตัวยืนเต็มความสูง
“จ้อย จ้อน ไล่ทุกคนออกจากบ้านนี้ ตอนนี้บ้านหลังนี้เป็นของฉันแล้ว” คลังแสงล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วเดินไปยังรถยนต์ของตัวเอง ส่วนจ้อยกับจ้อนและลูกน้องคนอื่นๆ ก็จัดการทันที สุดใจร้องไห้ออกมากอดสามีและลูกสาว เจนจิราที่ไม่รู้เรื่องของครอบครัวและไม่รู้จักผู้ชายคนเมื่อกี้ หล่อนลุกขึ้นเดินตามเขาไปยังรถยนต์ส่วนตัวของเขาแล้วกระชากแขนของเขาให้หยุด
“คุณจะมาไล่พวกเราออกจากบ้านแบบนี้ไม่ได้นะคะ คุณเป็นใคร แล้วมีสิทธิ์อะไรมาไล่เรา”
“เหอะ! คงไม่รู้สินะว่าบ้านตัวเองเป็นหนี้ของผมอยู่ และบ้านหลังนั้นก็เป็นหลักประกัน ในเมื่อหาเงินมาใช้คืนผมไม่ได้ทั้งต้นและดอกเบี้ย บ้านก็ต้องเป็นของผม” คลังแสงยิ้มหยันคนตัวเล็กตรงหน้า
“คุณ!” เจนจิราเพิ่งได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ แล้วก็รีบปล่อยมือตัวเองที่จับแขนของเขาทันทีเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
“จำผมได้ด้วยเหรอ นึกว่าจะบอกว่าเราไม่รู้จักกัน เก็บของออกจากบ้านผมไปซะ ตอนนี้พวกคุณไม่มีสิทธิ์มาอยู่ในบ้านของผม นอกเสียจาก...”
“นอกจากอะไร”
“ขึ้นไปคุยกันบนรถ ถ้าไม่อยากเสียบ้านและที่นาที่พ่อของคุณเอาไปค้ำประกันกู้เงินกับผมก็ขึ้นไปคุยกันบนรถ” เขาบุ้ยปากไปทางรถของตัวเองแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งรอเจนจิราบนรถของตัวเองที่ลูกน้องติดเครื่องยนต์เปิดเครื่องปรับอากาศรอท่าอยู่ก่อนหน้าแล้ว
“มึงลงไปก่อน กูมีเรื่องจะคุยกับผู้หญิงคนนี้” เขาสั่งให้คนของตัวเองลงไปจากรถแล้วหันไปยิ้มให้เจนจิราเล็กน้อย
เจนจิรามองไปทางพ่อกับแม่ที่กอดกันร้องไห้อยู่หน้าบ้านแล้วหัวใจของหล่อนเจ็บปวดทรมาน เธอจึงตัดสินใจก้าวเดินขึ้นไปบนรถของเขาแล้วเสียงประตูรถก็ปิดดังสนิทโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคนของเขาเดินมาปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีเธอก็อยู่กับคนแปลกหน้าบนรถเสียแล้ว
“พ่อกับแม่ฉันติดเงินคุณเท่าไหร่” เธอถามทันทีเมื่อมองออกไปข้างนอกเห็นพ่อแม่แล้วน้ำตาของเธอก็แทบตกในด้วยความสงสารทั้งสอง
“ถามแบบนี้มีเงินจะมาใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ยฉันเหรอ”
“แล้วมันเท่าไหร่ล่ะ”
“ต้นและดอกเจ็ดแสน” เขาบอกหญิงสาวเสียงดัง
“ฮะ! เจ็ดแสน” เธอตกใจกับยอดหนี้ที่ได้รู้
“ต้นหกแสนห้า ดอกเบี้ยห้าหมื่น และพ่อกับแม่เธอก็ผลัดฉันมาหลายรอบแล้ว ถ้ามีดอกเบี้ยมาจ่ายฉันก็ยังดี แต่นี่ไม่เคยจ่ายฉันเลยสักครั้ง และครั้งนี้ฉันก็ไม่อยากเสียเวลากับลูกหนี้อย่างพ่อแม่ของเธอแล้ว”
“อย่าบอกนะว่าคุณคือเสี่ยที่เขาบอกว่าเป็นมาเฟียโหดที่ปล่อยกู้หน้าเลือดที่ชาวบ้านต่างพูดถึงกัน”
หึหึ
เขายิ้มขำในลำคอก่อนจะตอบ
“ชาวบ้านพูดแบบนั้นเหรอ และพูดอีกไหมว่าใครไม่จ่ายหนี้ฉันสั่งอุ้มฆ่าด้วยนะ หรือเธออยากตายยกครัวก็ได้นะ แต่บ้านยังคงเป็นของพวกเธอ แต่ว่าไม่มีสิทธิ์ได้อยู่หายใจต่อบนโลกนี้” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเสียงดังออกมาจากปากหนาและทุกคำเขาเน้นตลอดการพูด จนทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ห่อตัวสั่นกลัวกับคำพูดของเขา เธอรู้ว่าเขาทำได้แน่นอน เพราะใครๆ ก็บอกว่าเขาทำได้ทุกอย่าง เขาอยู่เหนือทุกกฎหมายในจังหวัดนี้
“คะ...คือ...”
“หรือต้องการแบบนี้ก็บอกฉันได้นะ ฉันจะได้สั่งให้ลูกน้องฉันเป่าหัวพ่อกับแม่เธอและรวมทั้งเธอด้วย แต่จะว่าไปก็เสียดายเหมือนกันนะ ผิวขาวๆ แบบนี้จะตายไปแบบนี้ทำไมกัน ว่าไหมเจนจิรา” เขาพูดพร้อมกับวางมือหนาหยาบกร้านของตัวเองลงบนขาของหญิงสาวพร้อมลูบไล้ไปมา
“คุณต้องการอะไร และฉันต้องทำยังไง บ้านถึงจะยังเป็นของฉันอยู่”
“ไม่ยากหรอก...ก็แค่...” พูดพร้อมกับไล้สายตาหื่นกระหายของตัวเองมองจ้องหน้าอกอวบอูมที่ซุกซ่อนดุนดันอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีเหลืองอ่อนของเธอ พร้อมกับมือใหญ่ลูบไล้มือไปมากับต้นขาของเธอ
“มะ...หมายความว่ายังไง”
“เป็นนางบำเรอฉันแล้วฉันจะคิดเรื่องยึดบ้านไล่พ่อกับแม่เธอออกจากบ้านอีกที”
หัวใจของหนุ่มใหญ่เต้นแรงไม่เป็นจังวะ เขาไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าเพราะอะไร เพราะกลิ่นหอมแป้งเด็กที่ลอยอบอวลในรถหรือเพราะใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มของหล่อนกันแน่ คลังแสงไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เพราะครั้งที่แล้วที่ได้หอมแก้มนวลเนียนของเจนจิรา เขาถึงกับนำไปนอนเพ้อฝันและคิดถึงผิวกายขาวๆ ของหล่อนจนปวดร้าวทรมานความเป็นบุรุษตัวเองทุกคืน ทั้งๆ ที่มีสาวๆ แวะเวียนมาให้ปลดปล่อยทุกคืน แต่ก็ยังรู้สึกทรมานทุกครั้งเมื่อนึกถึงหน้าของคนที่นั่งข้างๆ ตอนนี้
ตึก! ตัก! ตึก! ตัก!
ไม่ใช่แค่เสียงหัวใจของหนุ่มใหญ่เต้นแรง เสียงหัวใจของเจนจิราเองก็เต้นแรงไม่ต่างกัน เธอตัวสั่นห่อตัวหวาดกลัวสายตาที่จดจ้องมองมายังตัวเอง มือเล็กจับมือของเขาที่ลูบขาตัวเองให้หยุดพร้อมกับดึงออกแล้วต่อรองเมื่อคิดว่าเธอควรต่อรองกับเขา
“แล้วทางอื่นมีไหม หรือฉันต้องเลือกทางนี้” เธอถามเสียงแผ่ว
“เธอยังคิดว่าเธอมีทางเลือกอื่นอีกเหรอเจนจิรา อึก!” พูดจบก็กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก เมื่อเขามองเห็นเนินอกอวบอูมของเธออยู่ตรงหน้ารำไรๆ จนเขาต้องมองผ่านออกไปยังกระจกนอกรถที่ตอนนี้ลูกน้องของเขากำลังขนข้าวของในบ้านของเธอออกมาโยนทิ้ง
“ถ้าฉันยอม” เธอถามเขาอย่างไม่มีทางเลือก ตอนนี้คิดอย่างเดียวแค่ว่าพ่อกับแม่ของเธอต้องได้บ้านคืน เพราะบ้านหลังนี้พวกท่านสร้างมาด้วยความยากลำบาก
“พ่อกับแม่เธอก็ยังอยู่บ้านหลังนี้ได้ และยังสามารถทำกินบนที่นาที่เอามาจำนองฉันได้ด้วย” ไม่ใช่แค่บ้านที่นำไปค้ำประกันกู้ยืมเงินจากเขา ยังมีที่นาที่นำไปจำนองอีก
“ฉันต้องเป็นนางบำเรอคุณนานแค่ไหน”
เธออยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ต้องกัดฟันตัวเองไว้ เมื่อตอนนี้พ่อกับแม่อ่อนแอแล้วเธอจะอ่อนแอไม่ได้ เธอต้องเข้มแข็งเป็นที่พึ่งให้กับพวกท่านให้ได้ในยามนี้ แต่จะด้วยวิธีไหนก็ได้ ขอแค่ตอนนี้เธอรักษาบ้านหลังนี้ไว้ได้ก็เพียงพอแล้ว หล่อนยอมทุกอย่างแม้กระทั่งยอมเป็นของเล่นให้มาเฟียหน้าเลือดใจโฉดคนนี้