บทที่3.2

1672 Words
เขาแลดูน่ากลัว...แต่หล่อมาก แล้วที่สำคัญนะ...เขาคนนั้นคือเพื่อนของโฮคิที่ฉันเห็นอยู่กับโฮคิหลังอาคารเกษตรเมื่อวานนี้ ให้ตายสิ...เป็นเพราะเมื่อวานฉันไม่ได้สังเกตใบหน้าเขาเท่าไหร่จึงไม่รู้ว่าเพื่อนของโฮคิจะดูดีขนาดนี้ แต่ประหลาดจังเลยแฮะ...เขาจะกรีดอายไลน์เนอร์แบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน เกิดความเงียบขึ้นมาทันทีที่เพื่อนของโฮคิปรากฏตัวขึ้น การแต่งตัวที่ผิดระเบียบกับท่าทางเหมือนคนเกเรทำให้ใครหลายคนถึงกับเดินออกจากโรงอาหารไปด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก และจุดสิ้นสุดของเขาคือโต๊ะที่ฉันกับยัยผู้หญิงปากไม่ดีนั่นยืนอยู่ “ละ...ลิม” ยัยนั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าของเธอซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเริ่มผุดขึ้นมาด้วยเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ เฉกเช่นเดียวกับคนในละแวกนั้นที่มีท่าทีหวาดกลัวไม่ต่างกัน ลิม...นายคนนี้ชื่อลิมสินะ “เออ! ทำไม? ตกใจหรือไง?” ลิมพูดด้วยน้ำเสียงห้วนมากถึงมากที่สุดเล่นเอายัยนั่นตัวสั่นระริก ทำอะไรแทบไม่ถูกทีเดียว ฉันมองลิมอย่างอึ้งๆ ในกิริยาอันแสนน่ากลัวของเขา ใบหน้าดูดีแบบนั้นช่างขัดกับคำพูดเมื่อกี้เสียเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นฉันแอบรู้สึกพอใจเล็กๆ ที่เห็นยัยนั่นมีท่าทีหวาดหวั่นเช่นนั้น “ฉะ...ฉัน” “ทีเมื่อกี้เห็นทำท่าอวดดีอยู่เลยนี่ ทำไมตอนนี้ตัวสั่นซะล่ะ!?” ลิมก้าวเท้าเข้าไปใกล้ยัยนั่นด้วยท่าทางถือดีจนคนรอบข้างต่างพากันถอยกรูกันออกห่าง ยัยนั่นเองก็ทำท่าจะหนีลิม แต่เขากลับคว้าข้อมือของยัยนั่นไว้เสียก่อน ก่อนจะกระชากร่างบางมากระแทกกับแผงอกของตัวเอง ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างมองด้วยความตกใจ เหมือนกับยัยนั่นที่ยืนชิดแผงอกหนาของลิมในระยะที่ค่อนข้างแนบแน่นพอควร ตอนนี้ใบหน้าของเธอต่างเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ตัวสั่นและเรี่ยวแรงเริ่มเหือดหายไปเมื่อถูกลิมจ้องหน้าด้วยแววตาของปีศาจ อ่า...น่ากลัวยิ่งกว่าโฮคิอีกนะเนี่ย... “ขะ...ขอ โท...” “ไม่ยกโทษ! เมื่อกี้ฉันได้ยินเต็มสองรูหูเลยว่าเธอด่าเพื่อนฉันว่าสวะ!!! “ ฉันกลืนน้ำลายลงคอพร้อมมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นแรง ไม่รู้ทำไม...ถึงแม้ฉันจะไม่ใช่ยัยนั่น แต่กลับรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย และฉันมั่นใจว่าทุกคนคงรู้สึกไม่ต่างกัน แม้กระทั่งแม่ค้าที่ขายอาหารในโซนต่างๆ ต่างก็แอบมองบ้างหลบตาบ้างด้วยความเกรงกลัว ลิมแลดูมีอิทธิพลต่อคนรอบข้างพอควรเลยแฮะ... “ฉะ...ฉัน” “ฉันขอเตือนเธอนะยัยหน้าวอก ถ้าฉันได้ยินเธอด่าเพื่อนฉันอีกละก็...เธอเละแน่!!” “...” “พวกแกก็เหมือนกัน!!...” ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่งเมื่อลิมตวัดดวงตาคมมองคนรอบๆ ตนเอง “อย่าสะเออะเรื่องของเพื่อนฉันให้มันมากนัก ไม่งั้นฉันจะฆ่าทิ้งแม่งให้หมด!!” ลิมตวาดเสียงดังพร้อมกับเหวี่ยงร่างบางในอ้อมอกของตนอย่างแรงจนชนเข้ากับโต๊ะอาหาร ฉันคาดว่ายัยนั่นคงจะเจ็บน่าดู แต่เธอคงไม่กล้าหือหรืออะไรมาก ทำได้แค่เพียงเบ้หน้าเพราะเจ็บแล้วก้มหน้าไม่สบตากับลิมผู้ซึ่งกระทำรุนแรงกับตนเอง น่ากลัวแฮะ...แต่ลิมดูจะรักโฮคิมากเลยนะ ฉันดึงสติกลับมาเมื่อลิมตวัดตามองฉัน เขามองฉันอยู่ครู่หนึ่งด้วยแววตาไม่เป็นมิตรแล้วเดินออกไปจากโรงอาหารทันที ทุกคนในบริเวณนี้ต่างยืนตัวสั่นกันราวกับว่านั่นคือซาตานตัวร้ายซึ่งมีอิทธิพลและสามารถเด็ดหัวออกมากองแทบเท้าเมื่อไหร่ก็ได้ “ดะ...เดี๋ยวสิ” เมื่อเห็นแผ่นหลังของลิมไกลห่างออกไป สองเท้าของฉันก็ก้าวฉับตามเขาไปพร้อมเรียกให้เขารอ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากคุยกับฉันสักเท่าไหร่เพราะไม่แม้แต่จะหันตามเสียงเรียกของฉันเลย หรือบางที...เขาจะไม่ได้ยินที่ฉันเรียกล่ะ อ้อ...และอย่าเข้าใจผิดว่าฉันสนใจเขาหรือหลงเสน่ห์ความดูดีของเขาหรอกนะ ที่ฉันเรียก เรียกเพื่อจะถามหาเพื่อนของเขาต่างหาก ตอนนี้ฉันไม่สนหรอกว่าคนในโรงเรียนนี้จะเกลียดหรือหวาดกลัวโฮคิยังไง เพราะสุดท้ายแล้วหัวใจของฉันสำคัญกว่าทุกสิ่ง “...” “ลิม รอฉันเดี๋ยวสิ” ฉันเพิ่มสปีดจนในที่สุดก็เดินตามเขาทัน แต่รู้อะไรไหม เขากลับเหลือบมองฉันด้วยแววตาเฉกเช่นเดียวกับที่มองนักเรียนพวกนั้นเมื่อครู่ ทำไมกันล่ะ? “ไปไกลๆ!” ลิมตวาดเสียงดังจนฉันเผลอสะดุ้ง มันเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์สุดๆ ดูหงุดหงิดเหมือนอยากกวาดล้างทุกอย่างที่ขวางหน้าให้พังพินาศอย่างไรอย่างนั้น พอเป็นแบบนี้ ฉันคิดว่าเขาน่ากลัวกว่าโฮคิเสียอีก เขาจะตวาดฉันทำไมเนี่ย ฉันไม่ได้นินทาเพื่อนของเขาลับหลังเหมือนยัยนั่นสักหน่อย “ฉันไม่ใช่ศัตรูนะ...” “รู้! แต่ให้ตายสิ!!” ลิมชะงักเท้ากึกเมื่อฉันยังคงเดินตามเขาแบบนั้น ลิมกระชากคอเสื้อฉันอย่างแรงจนเซถลาไปด้านหลัง ส่งผลให้ชนเข้ากับต้นไม้ต้นใหญ่แถวๆ นั้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และไม่อยากบอกจริงๆ ว่าพละกำลังของลิมมหาศาลมาก เพียงมือเดียวของเขาก็ทำให้ฉันเสียการทรงตัวได้มากขนาดนี้ “นี่! ฉันแค่จะถามเฉยๆ ทำไมต้อง...” ปึก! คำพูดของฉันถูกกลืนลงลำคอเมื่อลิมล้วงเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋านักเรียนก่อนปามันใส่หน้าฉันแรงๆ แต่ก่อนที่มันจะปลิวไปตามลมและร่วงหล่นลงพื้น ฉันก็รีบคว้ามันไว้เสียก่อนด้วยความข้องใจและตกใจในเวลาเดียวกัน “แหกตาดูซะ พูดถึงแล้วหงุดหงิดชะมัด” ลิมส่งสายตากร้าวมาจนฉันต้องรีบก้มหน้ามองกระดาษในมือด้วยความฉงนใจ และเมื่อมันปรากฏต่อสายตาของฉันในเสี้ยววินาทีแรกเท่านั้น ใบหน้าของฉันร้อนวาบอย่างห้ามไม่อยู่เลยจริงๆ “นี่มัน...” “มีหมาที่ไหนไม่รู้มันเผอิญไปเห็นพอดีน่ะสิ แล้วไอ้เวรนั่นก็คงคันมือมากล่ะมั้งเลยถ่ายรูปเธอกับไอ้โฮคิไว้ตอนที่กำลังจับมือกัน” “...” ฉันเงียบพร้อมมองแผ่นกระดาษ ไม่สิ! มันคือรูปถ่ายต่างหาก ภายในภาพนั้นปรากฏฉันกับโฮคิกำลังจับมือกันอยู่ในขณะที่ทั้งฉันและเขาหันหน้ามองไปด้านหน้าซึ่งฉันรู้ดีว่า วินาทีนั้น ฉันกับโฮคิเรากำลังมองอะไรกันอยู่ ใช่! ภาพในมือฉันคือเหตุการณ์เมื่อวานที่ลาน PARK ช่วงห้าโมงกว่าๆ ซึ่งเป็นตอนที่โฮคิกระชากฉันออกมาจากอ้อมกอดอันน่าขนลุกของนายหัวหน้าแก๊งอันธพาลหน้าหล่อนั่นยังไงล่ะ ว่าแต่... “เธอกับโฮคิคบกันเหรอ” ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมยัยนั่นถึงได้ถามฉันออกมาแบบนั้น ที่แท้...ต้นตอมันมาจากภาพใบนี้นี่เอง แต่ที่น่าสงสัยคือใครเป็นคนถ่าย...และทำไมทุกคนถึงได้ดูไม่ชอบใจเช่นนั้นล่ะ ที่สำคัญ...ยังว่าโฮคิเป็นขยะบ้างล่ะ สวะบ้างล่ะ... นึกแล้วมันน่าโมโหจริงๆ เลย!! ทำไมต้องมาว่าโฮคิแบบนั้นด้วยนะ “แล้วโฮคิอยู่ไหน ตอนนี้เขาอยู่ไหนเหรอ?” ฉันเงยหน้าขึ้นถามลิมหลังจากที่คิดอะไรอยู่สักพัก ลิมขมวดคิ้วเป็นปมพร้อมเพ่งมองฉันอย่างมีเลศมีนัย “เธอกับมันมีซัมติงกันเหรอวะ?” ถามไม่พอยังออกแรงกดคอเสื้อของฉันแน่นกว่าเดิมจนแผ่นหลังเบียดชิดกับต้นไม้ต้นเดิมยิ่งกว่าเก่าส่งผลทำให้รู้สึกปวดแปลบๆ ที่แผ่นหลัง บ้าที่สุดเลย! ผู้ชายข้างหน้าฉันคนนี้เขาไม่พอใจอะไรนักหนา ทำไมต้องกระทำรุนแรงและมองตาขวางเช่นนั้นด้วย “ปะ...เปล่า ฉันกับโฮคิน่ะ...” “หลังอาคารเกษตร” “ฮะ?” “เดี๋ยวตีตายเลยยัยบ้า บอกว่าอยู่หลังอาคารเกษตร! หูหนวกหรือไง??” ลิมตะคอกเสียงดังราวกับแค้นเคืองฉันอย่างถึงที่สุด ฉันซึ่งเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ได้แต่ยืนมองตาเขาปริบๆ ด้วยความกลัวและความไม่พอใจเล็กๆ แต่ก็นะ...ถึงลิมจะเป็นคนปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วจนน่าตกใจ แต่อย่างน้อยเขาก็ยอมบอกฉันล่ะนะว่าโฮคิอยู่ที่ไหนในตอนนี้ “ทะ...ทำไมนายต้องตะคอกด้วย ...เล่า” ฉันถามด้วยความกล้าๆ กลัวๆ ถึงอย่างนั้น ลิมก็เหลือบมองฉันด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจเช่นเคย “หนวกหูจริงๆ! ไปหาแฟนเธอโน่นไป มันอยู่หลังอาคารเกษตร” พูดจบ เจ้าของร่างสูงก็จ้ำเท้าเดินไปอีกทางหนึ่งราวกับโมโหอะไรอยู่สักอย่าง ฉันมองแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปพร้อมเกาศีรษะด้วยความงงงวย จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองภาพในมือของตนเอง อา...จะว่าอะไรไหมถ้าฉันอยากบอกว่า แค่เพียงได้มองภาพ หัวใจของฉันก็เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกจากหน้าอกแล้ว วินาทีที่ฝ่ามือของโฮคิสัมผัสลงมาน่ะ...มันเย็น...เย็นมาก แต่ฉันกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าแปลก ก็แหงล่ะนะ...เขาเป็นผู้ชายที่ฉันชอบนี่นา ไม่แปลกหรอกที่ฉันจะเป็นและรู้สึกแบบนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD