บทนำ
ตุ้บ ผัวะ!!
“วะ...ไว้ชีวิตผมด้วยครับ”
เสียงแหบทุ้มสั่นเครือพลางยกมือขึ้นเหนือหัวอย่างหวาดกลัว และแอบวาดหวังในใจว่าร่างสูงตรงหน้าจะเห็นใจตนที่ตอนนี้แทบจะหมดลมหายใจอยู่รอมร่อ ทว่าดูท่าเจ้าของนัยน์ตาสีสนิมตรงหน้ากลับไม่ใส่ใจในคำอ้อนวอนขอชีวิตของผู้เสียเปรียบเลย
“...”
“ผะ...ผม...”
ปัง!
ไม่ทันทีเสียงนั้นจะเล็ดลอดออกมาจนหมด เจ้าปืนสั้นก็ปิดปากให้เงียบสนิทก่อนที่ร่างทั้งร่างจะล้มลงกับพื้นอย่าง
หมดสภาพพร้อมกับเหล่าของเหลวสีสดอาบไหลทั่วทั้งร่าง เจ้าของการกระทำอันแสนเหี้ยมโหดมองร่างไร้วิญญาณตรงหน้าด้วยแววตาเรียบนิ่งก่อนจะเก็บปืนใส่กระเป๋ากางเกงอย่างใจเย็น
‘โฮคิ’ นั่นคือนามของเจ้าของการกระทำแสนเลือดเย็นเมื่อครู่ เขามีใบหน้าเรียวยาวและเรือนสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ ดวงตาเรียวสวยตรงปลายตวัดขึ้นเล็กน้อยทำให้ดูเป็นคนที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวตลอดเวลา ทว่านัยน์ตาสีสนิมกลับเรียบนิ่งและแฝงความอันตรายเอาไว้มากมาย
เมื่อเลื่อนระดับสายตาลงมาจะพบว่าสันจมูกของเขายาวโด่งแบบพอประมาณซึ่งเข้ากันได้ดีกับริมฝีปากรูปกระจับสีแดงติดคล้ำ ซึ่งบ่งบอกได้อย่างดีเลยว่าเขาเป็นคนสูบบุหรี่จัดมากแค่ไหน
“บัดซบ” โฮคิสบถ พลางก้มมองร่างไร้วิญญาณของชายวัยเบญจเพสที่นอนหมดสภาพจมกองเลือดโดยที่ข้างกายนั้นมีซองสีน้ำตาลตกอยู่ข้างๆ
เขาหยิบมันขึ้นมาก่อนที่มือจะล้วงเอาไฟแช็กจากกระเป๋ากางเกงอีกข้างขึ้นมาแล้วจุดเผาซองดังกล่าวจนมอดไหม้ในขณะที่เขายังคงจับมันไว้อย่างไม่กลัวร้อน และเมื่อเปลวไฟลุกลามจนถึงขอบซองกระดาษเขาจึงยอมปล่อยให้มันไหม้เองจนหมด
ดูเหมือนทุกอย่างจะเสร็จสิ้นแล้ว...โฮคิเดินออกมาจากโรงเก็บเศษเหล็กก่อนจะหยิบสเก็ตบอร์ดสีดำตัดแดงลายหัวกะโหลกคู่ใจของตนที่ตั้งพิงกับผนังซีเมนต์ใกล้ๆ พร้อมกับเดินออกมา
และเมื่อออกมาด้านนอกโรงเก็บเศษเหล็ก เท้าที่สวมเพียงผ้าใบสีน้ำเงินตัดแดงเก่าๆ ซึ่งเต็มไปด้วยรอยปะและรอยเย็บก็จัดการถีบบานประตูที่เดิมเปิดอ้าเอาไว้ให้ปิดลงจนเกิดเสียงดังลั่นสนั่นไปทั่วบริเวณรอบๆ ที่เงียบสงัดไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ นอกจากเขา
ดวงตาคู่คมปรายมองไปรอบๆ ก่อนจะเดินไปยังทิศตะวันตกซึ่งเป็นเส้นทางกลับสู่ที่พักแคบๆ ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรไปจากห้องเก็บขยะอันเต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก...
ใช่แล้ว ที่พักของเขาเป็นอย่างที่กล่าวมาจริงๆ มันเป็นเพียงห้องเก็บของเก่าๆ ที่ถูกปล่อยรกร้างมานานแรมปี ภายในมีเพียงความสกปรก มีกลิ่นมีสาบและกลิ่นอับชื่นซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ควรแก่การเข้ามาเหยียบย่ำ แต่เขากลับมองข้ามจุดนั้นเพราะเกิดความเคยชินกับมันเสียแล้ว
“กรี๊ดด ปล่อยฉันนะ!! ไม่นะ ไม่!!"
พึ่บ!
ขายาวๆ ของโฮคิชะงักกึกลงทันใดเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งกำลังร้องขอความช่วยเหลือ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความทรมานและสั่นเครือราวกับจะตายอยู่รอมร่อ เขาหัวเราะในลำคอเมื่อสายตาเหลือบไปทางต้นตอของเสียงซึ่งมาจากด้านซ้ายมือของเขา มันเป็นตรอกแคบๆ เล็กๆ แต่ด้านในนั้นฉายภาพชายฉกรรจ์เกือบสิบคนกำลังรุมกระทำชำเราร่างบางซึ่งนอนแดดิ้นกับพื้นอย่างทุรนทุราย
มือของพวกมันฉีกกระชากเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้นอย่างสนุกสนาน ใบหน้าหื่นกระหายเหยียดยิ้มราวกับพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองกระทำ
โฮคิดึงสายตาของตัวเองกลับมาดังเดิมก่อนจะเดินไปด้านหน้า เพราะเขาไม่ใช่พวกที่จะไปใส่ใจกับเรื่องของคนอื่น ถึงแม้เธอผู้นั้นจะเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ผู้น่าสงสาร ถูกไอ้พวกเดนนรกทำเรื่องต่ำช้าอย่างน่าสมเพชเวทนา แต่ต่อให้เธอโดนกระทำจนตาย... มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่ดี
เพราะถ้ามันไม่ได้แลกมาซึ่งเงิน อย่าหวังว่าเขาจะเฉียดกายเข้าไปยุ่ง!
“อึก!! ไม่นะ! คะ..ใครก็ได้ ช่วยฉัน..ที!”
น้ำเสียงสั่นคลอนยังดังติดหูเขาทั้งๆ ที่เขาก้าวหนีมันมาเรื่อยๆ นิ้วทั้งห้าซึ่งถูกสวมไปด้วยแหวนหัวกะโหลกเริ่มกำแน่นขึ้นอย่างไร้สาเหตุ ริมฝีปากติดคล้ำเม้มเข้าหากันราวกับต้องการระงับความขุ่นเคืองที่ก่อตัวขึ้นอย่างกะทันหันซึ่งเขาก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเขา
“หยุดร้องเถอะน่า! ไม่มีหมาไหนมันมาช่วยเธอหรอก ขนาดไอ้เวรหัวเหลืองเมื่อกี้มันยังเมินเธอเลย ไม่เห็นหรือไง...” น้ำเสียงทุ้มใหญ่ดังตามมาซึ่งเป็นเสียงของหนึ่งในพวกชาติชั่วที่กำลังกระทำเรื่องเลวทรามกับผู้หญิงคนนั้น
โฮคิชักฝีเท้าก่อนจะสาวเท้าเดินกลับไปยังจุดเกิดเหตุ เขาไม่รู้หรอกว่าเพราะเหตุใดเขาจึงตัดสินใจแบบนี้ แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้เขาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หยุด” โฮคิพูดเสียงเรียบในขณะที่แววตาเย็นชาของเขาเหยียดมองพวกเดนนรกอย่างเฉยชา พวกมันจำนวนเกือบสิบซึ่งกำลังหมกมุ่นกับเรือนร่างหญิงสาวที่บัดนี้เปลือยเปล่ามีเพียงบราเซียร์สีชมพูอ่อนกับกระโปรงที่ถูกเปิดขึ้นจนแทบเห็นอะไรภายในได้หันหน้ามองมายังเขา
ชายฉกรรจ์ใบหน้าอวบอูมสีผิวคล้ำแห้งกร้านหนึ่งในนั้นลุกขึ้นจากกายหญิงสาวเมื่อเห็นเช่นนั้น มือหนาเสยผมอันน้อยนิดบนศีรษะก่อนจะพินิจพิจารณาโฮคิตั้งแต่เท้าจรดหัวและหัวจรดเท้าด้วยใบหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่าง โดยนั่นไมต่างจากจาการท้าทายนรกเลยสักนิด
“แกอยากร่วมวงกับพวกฉันเหรอไงไอ้หน้าอ่อน?” คนเดิมถามพร้อมกับรอยยิ้มเหยียด พวกมันที่เหลือซึ่งล้อมรอบหญิงสาวผู้น่าสงสารเองก็ส่งสายตามองมาที่เขาด้วยเช่นกัน
แน่นอน เป็นใคร ใครก็คิดว่าเขาอาจจะเข้าร่วมกระทำเรื่องต่ำช้านั่น ด้วยลักษณะท่าทางดูไม่เป็นมิตรและน่ากลัวของเขา ดูยังไงก็ไม่มีคำว่าประสงค์ดีติดอยู่เลยแม้แต่เศษเสี้ยว คงมีแต่ความเลวและเรื่องเลวร้ายเท่านั้นที่เหมาะสมกับคนอย่างเขา
แต่ขอเถอะ... เรื่องพรรค์นี้เขาไม่ยอมลดตัวลงไปทำกับพวกมันหรอก ถึงเขาจะฆ่าคนได้ไม่เลือกหน้า ทรมานได้ไม่เลือกเพศ แต่สิ่งที่พวกมันทำก็อาจจะดูเกินไปเสียหน่อย อีกอย่าง... ภาพตรงหน้ามันช่างอุจาดตาเสียเหลือเกิน เห็นแล้วมันน่าสมเพชจนเขาอดที่จะหักห้ามพวกมันไว้ไม่ไหว
“ปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ “ โฮคิพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าแฝงไปด้วยความน่ากลัว หากแต่พวกเดนนรกตรงหน้ากลับฉีกยิ้มเหยียดราวกับคำพูดของเขาเป็นเรื่องน่าขันเสียจนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
และเสียงหัวเราะแบบนั้น...เป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด
ไอ้เสียงหัวเราะที่คล้ายกับการเห็นคำพูดของเขาเป็นเรื่องตลกพรรค์นั้น...
“นี่แกคิดว่าแกเป็นพระเอกหนังหรือไงวะ ฮ่าๆๆ แม่งฮาว่ะ! ไปๆ กลับบ้านไปดื่มนมซะไปหนุ่มน้อย พอดีพวกฉันไม่นิยมชมตลกคาเฟ่ตอนดึกๆน่ะ” เจ้าของใบหน้าอวบอูมหัวเราะก่อนจะโบกมือไล่ราวกับสิ่งที่โฮคิพูดเป็นเรื่องตลกจริงๆ
พวกมันไม่รู้เสียแล้ว...หายนะกำลังคืบคลานไปหาพวกมัน
โฮคิไม่ใช่ผู้ชายใจเย็นที่อดกลั้นกับน้ำเสียงดูหมิ่นแบบนั้นได้นานเท่าไหร่นักหรอก
และดูเหมือนทางเลือกของเขาจะน่ากลัวกว่าที่ใครๆ คาดไว้ เพราะหัวใจของเขาด้านชาจนไม่อาจรับรู้ความเมตตาได้อีก
“เฮ้ย เสียเวลาว่ะ! รีบๆกลับบ้านซะไป กำลังเข้าที่แล้วเชียว! “คราวนี้ไม่ใช่เสียงของชายคนเดิมแต่เป็นเสียงของหนึ่งในพวกที่กำลังละเลงความสกปรกบนกายหญิงสาวคนนั้นซึ่งตอนนี้ทั่วทั้งใบหน้าเธอแปดเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ตามเนื้อตัวมอมแมมเปรอะไปด้วยคราบดินทราย
มีเพียงความสังเวชที่เขารู้สึก แววตาเย็นชาทอดมองร่างบางที่หมดเรี่ยวแรงดีดดิ้นเพื่อเอาตัวรอด เหล่าเดรัจฉานประเคนความโสมมบนกายเธออย่างไม่ปรานีทั้งๆ ที่เขายังยืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ พวกมันก็ยังทำเรื่องต่ำทรามได้อย่างไม่รู้สึกกระดากอาย
ปัง!
“อะ...อึก”
จู่ๆ เจ้าของประโยคพูดล่าสุดก็ทรุดกายลงกับพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเนื่องจากความเจ็บปวดที่แล่นเข้าสู่ร่างกายและมันค่อยๆ เดินทางไปสู่หัวใจที่ดูเหมือนว่าจะเต้นช้าลงทุกทีๆ
“เฮ้ย!! มึง!! นี่มึงยิงเพื่อนกูเหรอไอ้เวร!!!“
ดูท่าทุกคนจะตื่นตะลึงกับการกระทำของโฮคิมากจึงละความสนใจจากร่างบางผู้น่าสงสารนั่นและพุ่งเป้าหมายมายังเขาอย่างพร้อมเพรียง ทว่าสิ่งที่อยู่ในมือของโฮคิกลับทำให้พวกมันชะงักและกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก
จะไม่ให้หวาดวิตกก็ยังไงอยู่...ในเมื่อโฮคิถือปืนสั้นอยู่แบบนั้น ขืนเข้าใกล้ก็อาจจะลงไปแดดิ้นเป็นหนอนเหมือนเพื่อนมันเมื่อครู่ และแน่นอน...ตอนนี้ผู้ถูกยิงกำลังดิ้นทุรนทุรายราวกับจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด
แค่เพียงนัดเดียวเท่านั้น โฮคิสามารถทำให้มันหมดลมหายใจได้ง่ายๆ ไม่จำเป็นที่เขาจะเล็งไปที่หัวใจของมัน เพราะเขาฆ่าคนมามากมาย เส้นเลือดและจุดชีพจรอยู่ตำแหน่งไหนเขาสามารถเล็งแล้วยิงได้อย่างแม่นยำราวกับจับวาง
และอีกเพียงไม่ถึงนาที...มันก็จะหมดลมหายใจ
การกระทำของเขามันช่างเลือดเย็นเกินกว่าใครจะคาดเดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกเดนนรกตรงหน้าที่บัดนี้ยืนตัวแข็งทื่อราวกับรูปั้น และใบหน้าซีดเซียวด้วยความหวาดกลัว พวกมันคงอาจคาดไม่ถึงว่าไอ้หน้าอ่อนที่พวกมันเห็นคนนี้จะมีปืนติดตัวและกล้าที่จะปลิดลมหายใจคนอื่นได้อย่างไม่ลังเล
“ไสหัวกลับไปถ้าไม่อยากตายเหมือนเพื่อนของพวกแก...”
สิ้นเสียงโฮคิ พวกมันก็ลนลานรีบวิ่งกระจุยกระจายไปคนละทิศละทาง และเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่พวกมันหายหัวไปอย่างรวดเร็วจนบริเวณนี้เกิดความเงียบอีกครั้ง
ช่างน่าสมเพชเสียจริง...
ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจไอ้เวรที่นอนจมกองเลือดปลายเท้าเขาเลย ไหนว่าเป็นเพื่อนของพวกมันไงล่ะ...
โฮคิก้มมองร่างที่เขาปลิดลมหายใจไปเมื่อครู่อย่างเย็นชาและไร้ความรู้สึก เขาไม่รู้สึกสงสาร ไม่รู้สึกเสียใจ และหวาดกลัวกับความตายที่เขามอบให้มัน เพราะกลิ่นคาวเลือดและชีวิตของผู้คน...เปรียบเสมือนปัจจัยที่ห้าของเขาไปเสียแล้ว
“ฮึก...”
ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับออกจากบริเวณนี้ เสียงสะอึกสะอื้นของหญิงสาวร่างบางก็ทำให้เขาหันหน้ามอง ใบหน้าสะสวยกำลังแสดงออกถึงความเศร้าและเสียใจอย่างเต็มที่
“ชะ...ช่วยฉันด้วย...”
น้ำเสียงหวานเคล้าอ้อนวอนกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากเขา โฮคิปรายตามองร่างบางที่มีสภาพยับเยินไม่ต่างจากหมาข้างถนน เสื้อขาวบางถูกฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี ตามเนื้อตัวขาวเนียนเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกกระแทกทำร้ายด้วยน้ำมือของพวกนั้น
“...”
โฮคิเพียงปรายตามองและไม่ปริปากพูดอะไรออกมาก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกจากบริเวณดังกล่าว ทว่าน้ำเสียงสะอึกสะอื้นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจนแทบบ้า
“ขอร้องล่ะ ฉะ...ฉันไม่มีแรงเลย”
โฮคิชะงักเท้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้หันหลังกลับไปมองร่างบางที่ร้องขอให้เขาช่วยราวกับจะตายแหล่มิตายแหล่ เพราะเสี้ยววินาทีหนึ่งที่เขาหันไปยังซ้ายมือของตัวเอง เขารับรู้ว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้...
แน่นอน...ถ้าคนที่กำลังจะเดินมาทางนี้ใจดีพอก็คงจะช่วยเหลือเธอ
กลับกัน ถ้าเจอพวกตัณหากลับซ้ำเติมความเจ็บปวดบนร่างกายเธออีก อันนี้ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้
เพราะยังไงซะ...มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะเข้าไปยุ่งอยู่ดี
แค่เข้ามาห้ามไอ้พวกเวรนั่นทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองมันก็มากพอแล้วไม่ใช่หรือยังไง?
โฮคิวางสเก็ตบอร์ดลงกับพื้นก่อนจะสไลด์มันไปด้านหน้าพลางล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ นัยน์ตาสีสนิมฉายแววราบเรียบพร้อมกับความว่างเปล่าที่มีอยู่ในหัวสมองของเขา
วันนี้เขาฆ่าคนไปสองคน...
ไอ้คนแรกเขาพึงพอใจเพราะมันเป็นงานที่ถูกจ้างมาอีกทีซึ่งมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง
แต่ไอ้รายล่าสุดเนี่ยสิ...
ถึงเขาจะสะใจเมื่อได้เห็นเลือดและความทุกข์ทรมานของมัน แต่ก็รู้สึกเสียดายลูกกระสุนชะมัด เพราะความตายของมันทำให้เขาได้มาเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น...