บทที่ 10 คนใช้
กลิ่นหอมอ่อน ๆ เนื้อตัวที่นิ่มหยุ่น ทำให้ปราบเหมือนเสียอาการไปชั่วขณะ
“อื้อ ปล่อยริน รินเจ็บ” ใบหน้าหวานร้อนผ่าว ส่วนหนึ่งก็เจ็บท่อนแขนที่เขาบีบเธออยู่ อีกส่วนก็เขินอายที่ต้องตกมาอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายเป็นครั้งแรก
“ไม่ใช่ว่าเข้าใกล้ผู้ชายแล้วห้ามใจไม่ได้?” เรียวคิ้วหน้าเลิกขึ้นเหมือนเยาะเย้ย ส่งผลให้คนตัวเล็กมองค้อนอย่างโกรธแค้นที่โดนดูถูกอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ปล่อย...ริน” สองแขนที่ดันตัวเองออก จนปราบรู้สึกถึงได้แรงของตัวเองที่บีบเธอแรงจนเกินไป เขายอมปล่อยเธอออกก่อนจะสังเกตเห็นต้นแขนคนตรงหน้า ปรากฎเป็นรอยนิ้วสีแดงบนเนื้อตัวเนียนขาวอย่างเด่นชัด ใจแกร่งกระตุกวูบ เริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย ยิ่งเมื่อเห็นรอยน้ำตาผุดออกมาบนดวงตาคู่หวานที่มองเขาอย่างไม่พอใจ
“ก็ดี ถ้าอยู่บ้านนี้แล้วมันเหงานัก งั้นฉันจะหาอะไรมาทำไม่ให้เธอเหงา เตรียมตัวก็แล้วกัน” เป็นปราบที่เดินเลี่ยงออกมาทันทีที่พูดจบ และไม่รู้ด้วยว่าทำไมกลับผู้หญิงอย่าางเฌอริน ที่เพิ่งเจอเธอครั้งแรก เขาถึงได้เป็นฝ่ายที่รู้สึกหงุดหงิดตัวเองขนาดนี้
----
หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา ชีวิตที่ดูจะเงียบเหงาของเฌอรินก็เปลี่ยนไปอย่างที่ปราบบอกเอาไว้ ช่างแตกต่างราวอยู่คนละโลกจากตอนแรก เธอไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกเลยเพราะ…
"คุณหนูคะ ถ้าล้างผักเสร็จเรียบร้อยแล้วช่วยไปตัดหญ้าในสวนทีนะคะ"
"คุณหนูคะ ถ้าตัดหญ้าในสวนเสร็จแล้วช่วยไปซักผ้าปูที่นอนด้วยนะคะ"
"คุณหนูคะ ถ้าซักผ้าปูที่นอนเสร็จแล้วก็เอาไปตากได้เลยนะคะ แล้วก็ช่วยเช็ดฝุ่นในห้องเก็บไวน์ด้วย…"
ใช่แล้ว ชีวิตของเฌอรินหลังจากได้เจอกับปราบที่พบกันในสวนได้เปลี่ยนไป เหมือนพระเจ้าได้รับฟัง แล้วจากนั้นก็ลงโทษเธอเลยทันที จากตอนแรกที่เหมือนไม่มีอะไรให้ทำและเหงาไปวันๆ จนเธอนึกอิจฉาเหล่าแม่บ้านของที่นี่เพราะว่าอย่างน้อยพวกหล่อนก็มีคนคุยด้วย แต่ตอนนี้มันกลับตาลปัตรกลายเป็นความวุ่นวายอย่างถึงที่สุด เพราะเธอมีงานมากมายจนแทบล้นมือ จนแทบจะฟันธงได้เลยว่างานเธอตอนนี้มีเยอะกว่าแม่บ้านทุกคนในคฤหาสน์หลังนี้อีก
หญิงสาวในชุดแม่บ้านสีขาวกระโปรงสีน้ำเงิน เธอมัดมวยผมดังโงะแบบลวกๆ ปาดเหงื่อใสที่ซึมออกมาตามกรอบหน้าหวานท่ามกลางแดดตอนบ่าย
“รู้งี้ตอนนั้นไม่ช่วยห้ามเลือดปล่อยให้ตายไปเลยซะก็ดี”
นึกถึงวันที่ตัวเองรีบเข้าไปช่วยเขา จนเอาเอกสารไปให้พี่สาวไม่ทัน และถ้าวันนั้นพี่สาวเจรจาไม่สำเร็จ ตอนนี้บ้านของเธอจะย่ำแย่ขนาดไหน พอคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง เฌอรินได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างออดทน ก่อนจะก้มหน้าก้มตารีบทำงานบ้านให้เสร็จเรียบร้อย แล้วรีบไปทำงานอื่นที่เหลือต่อ
หลังจากที่ทำงานทุกอย่างเสร็จสิ้นเธอก็แทบจะลมจับด้วยความเหนื่อยล้า ด้วยความที่เธอเป็นลูกคุณหนูแทบไม่เคยได้หยิบจับงานบ้าน แต่ตอนนี้เหมือนกำลังถูกโขกสับอยู่ก็ไม่ปาน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดทน เพราะอย่างน้อยเธอก็ยุ่งเสียจนลืมความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองจนสนิท
"มีอะไรให้ทำอีกหรือเปล่าคะ?"
หลังจากที่เธอเช็ดฝุ่นแบบทุกซอกทุกมุมในห้องเก็บไวน์หมดแล้ว หญิงสาวร่างเล็กก็กลับเข้ามาหาแม่บ้านที่กำลังง่วนอยู่ในห้องครัวอีกครั้ง พวกเธอเหล่านั้นหันมาหาด้วยใบหน้าประหลาดใจ
“หืม เสร็จแล้วหรือคะ” ป้าแก้วเงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่เชื่อสายตา หลายต่อหลายครั้งที่ทุกคนเอางานบ้านมาโยนให้ เฌอรินแทบไม่มีปฏิเสธ แทบยังพยายามทำจนเสร็จ
“ถ้าอย่างนั้นคุณหนูก็พักบ้างก็ได้นะคะ”
เพียงแค่เหล่าบรรดาแม่บ้านเริ่มเปิดใจหรือทักทายเธอมากขึ้น แค่นี้ก็เพียงพอที่จะให้เฌอรินยิ้มออกมาได้บ้าง อย่างน้อยเธอก็เริ่มมีเพื่อนคุยหลังจากที่ทุกคนเห็นเธอเป็นอากาศธาตุเสียอยู่นาน
หญิงสาวเดินไปนั่งพักบนเก้าอี้ทรงสูงที่ไอแลนด์ตรงกลางห้องครัวสไตล์ยุโรป ก่อนจะถามหางานอย่างอื่นอีกครั้ง
"ให้ฉันช่วยหั่นผักตรงนี้มั้ยคะ?" เธอเสนอ
“อุ้ยคุณหนูรินไม่ต้องคะ ไม่ต้อง!" อีกฝ่ายอุทานออกมาเหมือนตกใจอะไร ก่อนจะรีบปฏิเสธข้อเสนอของเฌอรินอย่างลนลาน
"ไม่ต้องแล้วค่ะ ถ้าขืนหั่นอีกนิ้วคุณหนูอาจจะขาดจริงๆแล้วนะคะ" แม่บ้านที่ชื่อป้าแก้วหันมาปรามเฌอรินแทบจะทันที
ก็เพราะว่าเธอได้ใช้ของมีคมทีไรเป็นต้องมีเหตุการณ์เลือดตกยางออกทุกที หญิงสาวหัวเราะแห้ง ก่อนจะก้มมองดูฝ่ามือและนิ้วมือที่เธอเผลอทำมีดบาดไปหลายแผลจนบนมือเธอตอนนี้เกือบไม่มีที่ว่างให้แปะพลาสเตอร์ได้อีกแล้ว
ที่ป้าแก้วพูดก็น่าจะจริง วันนี้ก็หวิดนิ้วขาดไปหลายรอบแล้ว
“ถ้างั้นให้รินช่วยล้างของก็ได้ค่ะ” ใบหน้าหวานหัวเราะกลบเกลื่อนนิด ๆเพราะเขินกับความจริงที่อีกฝ่ายเพิ่งจะพูดกลับมา ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องแทน
"งั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ"
ป้าแก้วหันมายิ้มให้อย่างอบอุ่น เพียงเท่านี้เธอก็คลายความเหงาที่เกาะกุมในจิตใจไปได้บ้าง