เมื่อคนที่อารมณ์ดีแล้ว นั่งทำงานไปจนใกล้เที่ยง ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายตัวเองสักหน่อยแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูโดยเข้าไปในแอปพลิเคชันไลน์ แน่นอนว่าเป็นดังที่เข้าคิดไว้ คือบทสนทนากว่าร้อยข้อความกำลังสงสัยว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในตอนนี้
ไอ้เคน ไอ้ซัน และไอ้ อ.กฤษ พวกมันต้องงงเป็นไก่ตาแตกแน่นอน
เพราะหัวข้อสนทนาก็คือ มันมีเรื่องพิเศษอะไรเกิดขึ้นกับเขา แต่เขาไม่ตอบ ให้พวกมันรู้ไว้ว่าเขาก็ไม่ใช่ขี้ๆ เดี๋ยวเที่ยงนี้ถ่ายช็อตเด็ดๆ ไปฝากพวกมันอีกรอบ ให้พวกมันดิ้นตายสมกับเวลาที่พวกมันทิ้งเขาเอาไว้คนเดียว ไว้ให้เขาลงไปดูงานกรุงเทพอีกเมื่อไหร่ค่อยมาซักไซ้แล้วกัน แต่ตอนนี้หิวข้าวแล้วจึงได้เดินออกจากห้องแล้วไปเรียกผู้ช่วยเลขาสาวไปทานข้าว เขาจะพานิชาดาไปทานอาหารร้านโปรด
"คนสวย.." วรรณนาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่แปลกประหลาด ทว่าสายตาเจ้าของน้ำเสียงหวานๆ นั้นไม่ได้มองเธอสักนิด ปัดโธ่!
"คนสวยคะ" ไม่ใช่เธอไม่ได้ยิน ทว่ามือกำลังพิมพ์งาน แต่เขาเรียกถึงสองครั้ง ถ้าไม่ใช่คุยเล่นกับเลขาของเขาก็คงหมายถึงเธอ แต่แล้วทำไมเขาต้องมาพูดเหมือนเราสนิทสนมกันด้วย เธออายพี่นานะ
"คนสวยคะหยุดทำงานก่อนค่ะ" ประโยคนี้จึงทำให้นิชาดาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองใบหน้า ก็เจอกับใบหน้าหล่อๆ เปื้อนยิ้มส่งมาให้
"ท่านรองเรียกดิฉันเหรอคะ" นิชาดาต้องดูเป็นการเป็นงานนิดหนึ่ง ถึงเขาจะแทนตัวเองว่าพี่กับเธอ แต่เธอไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับเขามากไปกว่านี้ต่อหน้าคนอื่น
"พี่เรียกน้องนิดค่ะ ไปทานข้าวกันค่ะพี่หิวแล้ว" แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สน แบบนี้พี่นาได้สงสัยแน่ว่าเธอเป็นอะไรกับเขากัน
"เอ่อ.." แต่เที่ยงนี้เธอนัดกับอาร์ตเอาไว้แล้ว คนที่ไม่เจอกันนานย่อมคิดถึงกันเป็นธรรมดาเลยอยากพูดคุย
"ทำไมคะ" น้ำเสียงหวานๆ ทว่าหน้าตาไม่ใช่แบบนั้น มันมีทั้งความสงสัยและความไม่พอใจที่ตัวเองกำลังจะโดนปฏิเสธต่อหน้าเลขาตัวเอง
"พอดีดิฉันนัดกับเพื่อนเอาไว้น่ะค่ะ" นิชาดาจำต้องบอกความจริง เธอไม่อยากผิดคำพูด
"แต่พี่มีเรื่องจะคุยกับเรา เรื่องงาน" ดูสิว่าเขากับแฟนเก่าเธออะไรมันจะสำคัญไปกว่ากัน!
".." นิชาดาปรายตามองหัวหน้าของเธอเล็กน้อยก็เห็นพี่เขายิ้มเจื่อนมาให้ ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู "อีกตั้งยี่สิบนาทีนะคะ" มาวันแรกก็จะให้เธอเกเรเสียแล้วสิ
"แต่พี่หิวข้าวตอนนี้ นะคะ ไปกันค่ะ" ไม่ว่าเปล่าเขายังผายมือให้เธอเดินออกมา นิชาดาจำต้องเก็บของใส่กระเป๋าแล้วเดินตามหลังเขามาด้วยอย่างปฏิเสธไม่ได้
เธอรู้ว่าหัวหน้าของเธอกำลังมีคำถามในหัวอย่างไร ทั้งคำพูดและการกระทำที่ดูสนิทสนมขนาดนี้เธอกับเขาเป็นอะไรกัน
ทั้งที่วันแรกเธอมาสัมภาษณ์งานเขายังไม่รับเธอเข้าทำงาน แต่ดูสิ ผ่านมาวันเดียวเสียงหวาน อีกทั้งยังพาพนักงานใหม่ไปทานข้าวด้วยกันเป็นการส่วนตัว
แต่ถ้าพี่เขาไม่ถามก็แล้วไป แต่ถ้าถามมาเธอก็จะบอกไปตามความจริงว่าบ้านเขาอุปการะเลี้ยงดูบ้านเธอมา จึงทำให้เธอกลับมาทำงานที่นี่ได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องต้องปิดบังกันขนาดนั้น
ขณะนั่งอยู่บนรถเธอจึงไลน์ไปหาอาร์ตว่าเธอต้องไปดูงานด่วนกับหัวหน้าที่ด้านนอก
"อาร์ต นิดติดไปดูงานข้างนอก เดี๋ยวเย็นนี้หลังเลิกงานค่อยเจอกันได้ไหม"
(ได้สิ) อาร์ตตอบกลับมาทันทีเพราะเจ้าตัวกำลังใช้โทรศัพท์มือถืออยู่
"คุยกับใครคะ" คนที่รับหน้าที่เป็นคนขับเอ่ยปากขึ้นถามตุ๊กตาหน้ารถ และก็อยากรู้เรื่องที่ตุ๊กตาหน้ารถกำลังทำ
"นิดไลน์ไปบอกเพื่อนว่าติดงานค่ะ"
"ดีมากค่าาา.." แล้วภูผาก็เร่งเสียงเพลงให้ดังขึ้นเพราะอารมณ์ดี๊ดี
@ร้านอาหารชื่อดังในห้างสรรพสินค้า
ทั้งสองคนเข้ามาอยู่ในร้านอาหารกันแล้ว ถือว่าเป็นร้านโปรดของภูผาที่เจ้าตัวมักมาฝากท้องที่นี่เป็นประจำ เขาชินกับอาหารสไตล์อิตาเลียนจึงอยากพานิชาดามาทานด้วยกัน จัดการสั่งเมนูที่เขาชอบมามากกว่าห้าอย่างเพราะน้องบอกไม่สันทัดเรื่องอาหารประเภทนี้เท่าไหร่
"แต่พี่รับประกันว่าไม่เลี่ยนแน่นอนค่ะเพราะเขาทำออกมาเป็นรสชาติคนไทย" คนที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน พาดแขนไปกับพนักเก้าอี้ของนิชาดาราวกับคนเป็นแฟน
ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกเกร็งมาก บางทีเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา บทจะนิ่งก็นิ่ง บทจะอ่อนหวานก็อ่อนหวาน เอาจริงเธอไม่น่าได้รู้จักกับเขาเลย
"สัปดาห์หน้าพี่ต้องไปดูงานที่กรุงเทพน้องนิดไปช่วยงานพี่นะคะ"
"แต่นิดยังไม่เก่งงานนะคะ" เธอคิดว่าเขาจะกล้าให้เธอไปทำงานนอกสถานที่ด้วยเลยเหรอ
"เดี๋ยวพี่สอนให้ทุกกระบวนการเองค่ะไม่เป็นไร" เอาให้ครบทุกท่า
"แล้วปกติพี่นาไปไหมคะ"
"ไม่ไปค่ะ"
"อ้าว.."
"คุณวรรณนาเคยไปกับพี่ที่ไหนล่ะคะ ปกติพี่ไปคนเดียวทุกที" ภูผาเอ่ยอย่างชิลๆ เขาไม่เคยหนีบเลขาสาวไปด้วยสักที ปกติลุยเดี่ยวตลอดแต่นิชาดาคือกรณีพิเศษไง
"แล้วทำไมครั้งนี้พี่ภูไม่ไปคนเดียวล่ะคะ"
"คือ..ครั้งนี้มันมีงานที่พี่ต้องไปหลายที่ไงคะ บางทีพี่อาจหมดแรง อยากได้คนไปช่วย ที่พี่ไม่ให้คุณวรรณนาไปด้วยเพราะว่าคุณวรรณนามีครอบครัว มีแฟนมีลูก พี่จึงทนทำงานคนเดียว ตามจริงอยากให้ไปมากแต่พี่เข้าใจหัวอกคนเป็นสามีกับลูก" ภูผาทำหน้าตาน่าสงสาร หนักเอาเบาสู้ สู้อยู่คนเดียว ดูวันนี้เขาเป็นหัวหน้าที่ดูเข้าใจลูกน้องมากจริงๆ
งั้นคงเป็นเพราะเธออยู่ตัวคนเดียวสินะเขาถึงให้เธอไปด้วย
"แต่น้องนิดไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ พี่สัญญาว่าจะรีบทำรีบเสร็จค่ะ" นิชาดาหันหน้าขวับมองเขา
"ทำงานน่ะค่ะ ถ้าเสร็จเร็วเราจะได้กลับมาเร็ว โอเคนะคะ"
แล้วเธอเลี่ยงได้ไหมล่ะ ถ้าบอกว่าไม่เขาคงสรรหาเรื่องมาให้เธอได้กังวลใจอีก ก็ต้องจำยอมตกลงในเมื่อเขาคือหัวหน้าของเธอ
ทั้งสองคนพากันทานอาหารเสร็จภูผาก็พานิชาดาไปเดินซื้อของ ร้านกระเป๋าแบรนด์เนมที่เขามองแล้วว่าแบรนด์นี้แหละผู้หญิงใฝ่ฝันมากๆ
นิชาดาเดินตามหลังเขาแล้วมองอยู่ห่างๆ กวาดสายตามองของในร้านไปด้วยก็รู้สึกว่ามีแต่ใบสวยๆ งามๆ ตอนเธอเรียนอยู่ที่กรุงเทพ เพื่อนในห้องของเธอบางคนก็ใช้กระเป๋าแบรนด์เนมแทบจะครึ่งห้องด้วยซ้ำ มันแพงมากขนาดนั้นเธอไม่มีเงินหรอก
"น้องนิดมานี่ค่ะ" เมื่อเดินดูแล้วเห็นใบหนึ่งเป็นเป้าสายตา เขาคิดว่ามันต้องเข้ากับนิชาดามากแน่ๆ
นิชาดาเดินไปหาเขาทันที เขาก็จูงแขนเธอไปยืนตรงหน้ากระจก การกระทำที่ถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้แน่นอนว่าหญิงสาวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่มีพนักงานมองอยู่ด้วยเธอจึงยอมให้เขาทำ
กระทั่งมีกระเป๋าสะพายสีดำใบหนึ่งพาดลงมาบนไหล่ของเธอ โดยคนที่ยืนซ้อนหลัง เขาจับต้นแขนของเธอทั้งสองข้าง ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ ซอกคอมองเราทั้งคู่ผ่านกระจกตรงหน้า
"ชอบไหมคะ พี่ว่ามันเหมาะกับน้องนิดมากๆ ค่ะ" นิชาดาได้สติเมื่อเขาว่าอย่างนั้น
"ไม่ค่ะพี่ภู นิดไม่ชอบค่ะ" นิชาดารีบปฏิเสธทันทีเพราะมันแพงเกินไป
"พี่ซื้อให้ค่ะ ใบนี้เท่าไหร่ครับ" ภูผาหันกลับไปถามพนักงาน
"หนึ่งแสนแปดหมื่นบาทค่ะ"
นิชาดาตาโตเมื่อพนักงานว่าอย่างนั้น
"ไม่มีใบที่แพงกว่านี้เหรอครับ"
"พี่ภูคะ" นิชาดารีบคล้องแขนเขาไว้ ส่ายหัวทันทีกับการกระทำที่รวดเร็ว
"มีค่ะใบนั้น ราคาหนึ่งล้านบาทค่ะ"
แต่ภูผากลับหนีบมือของนิชาดาให้เดินไปดูด้วยกัน รับจากมือพนักงานมาสำรวจดูด้านในด้านนอก เพราะเขาที่ใช้แต่ของแบรนด์เนมและค่อนข้างมีรสนิยมจึงรู้จักอยู่พอตัว ถ้าให้นิชาดาเลือกเขาคงได้จ่ายไม่ถึงแสนแน่นอน วันนี้เงินในกระเป๋ามันร้อนมากอยากเปย์สาวสุดๆ
ไม่ได้มีโมเมนต์แบบนี้นานแล้วหลังจากที่เพื่อนแต่งงานกันไปหมด อย่างมากก็แค่ซื้อกินแต่ไม่ได้เปย์มากมายขนาดนี้ แต่เห็นทีคงต้องเลิกเปย์คนอื่นแล้วหันมาเปย์คนในครอบครัวตัวเองแล้วล่ะ
"ผมเอาใบนี้ครับ ใบนั้นด้วย นั่นอีก อันนั้นก็ด้วยครับ" พนักงานรีบตอบรับอย่างไว ทำงานกันอย่างขะมักเขม้นสุดๆ เพราะนานๆ ทีจะมีใครมาซื้อใบที่แพงที่สุดในร้านแถมยังสอยตั้งหลายใบแบบนี้
ถุงกระดาษสีสวยมีโลโก้แบรนด์ดังมาอยู่ในมือของภูผา ชายหนุ่มรวบมันไปไว้ที่มือข้างเดียวแล้วคว้าเอามือของนิชาดาเดินออกมาด้านนอกร้านด้วยกัน
นิชาดางงมาก คือเหตุการณ์อะไรมันปุบปับไปหมด สรุปว่าเขาซื้อกระเป๋าให้เธอสี่ใบบ้าไปแล้ว รวมราคาทั้งหมดซื้อบ้านได้หลังหนึ่ง
"น้องนิดอยากได้อะไรอีกไหมคะ มือข้างนี้ของน้องนิดว่างพี่ว่าเราไปดูแหวนกันดีกว่าค่ะ"
"เออพี่ภูคะ นิดว่าเรากลับไปทำงานกันดีกว่าค่ะ ขอบคุณที่สงสารนิดนะคะแต่พี่อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ" นิชาดารีบห้ามเมื่อมันเริ่มไม่ใช่แล้ว เธอไม่ได้โง่และไม่ใช่เด็กเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจีบเธอ แต่มันเป็นวิธีที่เธอไม่โอเคมากๆ
"สงสารอะไรกันคะพี่เต็มใจค่ะ" เดี๋ยวพี่ไปทบต้นทบดอกทีหลัง ตอนนี้น่ะซื้อใจคนไปก่อน เผื่อถ่านไฟเก่ามันคุล่ะยุ่งเลย นิชาดาก็ดูจะดีใจมากที่ได้เจอไอ้นั่นเสียด้วย
"งั้นเดี๋ยวพี่ไปซื้อชาแป๊บหนึ่งแล้วเรากลับกันเลยก็ได้ค่ะ" กลัวว่านิชาดาจะช็อกตายไปเสียก่อน แต่อย่าเพิ่งตายสิ ถ้าเนื้อคู่เขาตายไปเขาคงอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต
นิชาดาจึงพยักหน้า จากนั้นเดินตามเขาไปยังร้านกาแฟแบรนด์ดังอีกที
ทั้งสองคนกลับเข้ามาบริษัทในเวลาบ่ายโมงสิบนาที ปกติแล้วถือว่านิชาดากลับเข้ามาทำงานสาย ทว่าคนที่พาเธอไปกลับเป็นเขาคนนี้คนที่อยู่เหนือการควบคุมของกฎเกณฑ์การทำงาน
นิชาดาเดินก้มหน้าอย่างเร่งรีบเพื่อไปให้ถึงลิฟต์เร็วๆ ไม่อยากโดนสายตาของพนักงานคนอื่นๆ ที่มองมา
"น้องนิดคะ!" แต่เสียงที่เรียกชื่อเธอในเวลานี้ทำให้ขาเรียวต้องหยุดชะงัก เขาเรียกเธอดังมาก และอีกอย่างเขาเป็นหัวหน้า ถ้าเธอไม่หยุดมันคงบ้ามากแน่ๆ แต่ที่มันบ้ามากกว่าก็คือเขาเพียงแค่เรียกเธอแล้วบอกออกมา
"รอพี่ด้วยสิคะ จะรีบเดินเร็วไปไหนหื้ม" ไม่เพียงแค่นั้นเขายังประคองมือที่เอวของเธอแล้วดันให้เธอเดินไปด้วยกัน พอเข้ามาในลิฟต์เท่านั้นนิชาดาหน้าบึ้ง พูดก็พูดเถอะนะ
"พี่ภูน่ะ ทำแบบนี้นิดไม่โอเคนะคะ นิดเป็นใครแล้วพี่เป็นใคร อีกอย่างพี่มาทำแบบนี้กับพนักงานในบริษัทตัวเองพี่ไม่กลัวใครนินทาเหรอคะ"
"นิดเป็นใครแล้วพี่เป็นใคร" ภูผาทวนประโยคคำถาม อีกอย่างใครที่ไหนมันจะกล้านินทาให้เขาได้ยิน! ส่วนไม่ได้ยินไม่นับ
"ใช่ไงคะ"
"ก็เราเป็นคนในครอบครัวเดียวกันนี่คะ คุณปู่บอกว่าให้พี่ดูแลนิดให้ดี"
"พี่ภู.." นิชาดาจนปัญญา คือไม่แน่ใจว่าคนแบบเขาเนี่ยนะพาบริษัทเติบโตมาได้อย่างไร เขาเป็นถึงท่านรองประธานบริษัทแต่ดูติ๊งต๊องมาก คือเขาทำให้เธอเป็นกันเองกับเขามากถึงได้กล้ามีพฤติกรรมแบบนี้ แต่ที่มันไม่ปกติก็คือเขาไม่ควรมาแสดงความห่วงใยกับเธอที่นี่ นี่มันที่ทำงาน
กระทั่งคนทั้งสองเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยกัน ชาเขียวแก้วที่ภูผาแวะซื้อก่อนกลับบริษัทถูกวางลงให้กับเลขาสาวสวยของตัวเองอย่างรู้ใจ
"วันนี้ผมอารมณ์ดี๊ดี จึงมีชาเขียวหวานร้อยเปอร์เซ็นต์มาฝากครับคุณวรรณนา" ขยิบตาให้เลขาสาวไปที
นิชาดาส่งยิ้มให้หัวหน้าเล็กน้อย ตามจริงเขาก็เป็นห่วงใส่ใจคนรอบข้าง ถึงจะชอบเอาแต่ใจตัวเองก็เถอะ ก่อนเดินเข้าห้องน้ำพร้อมอุปกรณ์แปรงฟัน ไม่นานก็เดินกลับมานั่งลงเก้าอี้เพื่อทำงานที่ยังค้างไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าต่อ ไม่ถึงนาทีหัวหน้าก็ชวนคุย
"นี่รู้มั้ยคะน้องนิด"
"คะพี่นา" เธอจึงทำไปด้วยคุยไปด้วย
"ตามจริงท่านรองน่ะไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรหรอกค่ะ ออกจะใจดีด้วยซ้ำ" เธอวงเล็บว่าหากอีกฝ่ายอารมณ์ดี๊ดี "แต่หากเวลาอารมณ์ไม่ดีนี่นะ มดเดินผ่านนี่ตัวขาดครึ่งค่ะ"
"ขนาดนั้นเลยเหรอคะ" นิชาดาตาโต คือเห็นพฤติกรรมเขาแบบนี้แล้วเธอคิดว่าเขาไม่น่าดุอะไรขนาดนั้น อาจจะเอาแต่ใจตามสไตล์ลูกชายคนเดียว แต่ทำไมเธอไม่เห็นเป็นเหมือนเขาเลย
"ใช่ค่ะ"
"งั้นเมื่อวานคงอารมณ์ไม่ดีแน่ๆ เลยใช่ไหมคะนิดถึงได้โดนปฏิเสธกลับมา"
"น่าจะใช่ค่ะ"
กริ๊งงงงง.. แล้วเสียงโทรศัพท์ประจำโต๊ะก็ดังขึ้นทำให้เลขาสาวสวยของท่านประธานต้องยกหูขึ้นรับแล้วตอบกลับเสียงหวาน
"สวัสดีค่ะ วรรณนาเรียนสายค่ะ" จีบปากจีบคอพูด
(นินทาเจ้านายระวังอดโบนัสปีนี้นะครับคุณวรรณนา) ภูผาเอ่ยเสียงเข้ม
"คะ" วรรณนาเหล่ตาลงมองเบอร์โทรศัพท์ทันที
"ท่านรอง!" ร้ายมาก! เขารู้ได้อย่างไรเนี่ย ก่อนจะมองซ้ายมองขวา ทว่ามันกลับอยู่ตรงหน้า กล้องวงจรปิด! ทำงานมาตั้งกี่ปีกล้องวงจรปิดจะเป็นมุมทางเดินเข้าห้องเขามากกว่า นี่อยู่ตำแหน่งเหนือศีรษะขึ้นไปถึงสามเมตรส่องลงมายังโต๊ะทำงานของเธอบ้ามาก! แล้วมาติดตั้งตอนไหนอีกเนี่ย
จะดูอะไร ดูเธอฟังไลฟ์สดหรือดูเธอแอบงีบ ซวยแล้วสิ แบบนี้งีบไม่ได้แน่นอน
"ไม่มี๊ค่ะท่านรองขาาาา"
(เอาแฟ้มงานที่ผมต้องลงไปดูงานที่กรุงเทพสัปดาห์หน้ามาดูหน่อยครับ) ภูผาเอ่ยไปด้วยอมยิ้มไปด้วยเมื่อเห็นนิชาดายิ้มมา ใช่เพียงแค่กล้องวงจรปิดที่เขาให้พนักงานมาติดเพิ่มที่ไหน ไมโครโฟนก็ด้วย เขาอยากรู้ว่าระหว่างวันมีใครโทรหานิชาดาบ้างไหม ก็บอกแล้วว่าเขาจริงจัง คนมันจะเป็นคู่กันน่ะระยะเวลาไม่ใช่อุปสรรค ถ้าเขารู้สึกว่าใช่มันก็คือใช่
"ได้ค่ะ"
(แล้วบอกน้องนิดเข้ามาหาผมด้วยครับ)
"ได้ค่าาาา"
(ไม่จริงใจ)
"คะ" วรรณนาขมวดคิ้ว
(ผมรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่)
"วรรณนาไม่ได้คิดว่าท่านรองกำลังโปรดน้องนิดจริงจิ๊งค่ะ อุ๊ย!" เอามือแตะปากเมื่อเผลอเอ่ยออกไป "แต่ว่าท่านรองอย่าลดโบนัสวรรณนาเลยนะคะ วรรณนาจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เชื่อฟังและเป็นเด็กดีของท่านรองค่ะ"
(เพ้อเจ้อ เรียกน้องนิดเข้ามาหาผมได้แล้ว)
"ค่าาา เอ๊ย ค่ะ"
หลังจากวางสายเสร็จวรรณนาหันเก้าอี้ไปหาคนที่มือทำงานแต่ทว่าหูได้ฟังเรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวเองแน่ๆ
"น้องนิดขาาา ท่านรองเรียกเข้าไปพบค่ะ"
"พี่นาทราบหรือเปล่าคะว่าเรื่องอะไร" นิชาดาดูเป็นกังวล กลัวเขาแกล้งอะไรเธออีก
"พี่นาไม่ขอทราบแล้วกันนะคะ โบนัสใกล้ออกพี่ต้องปิดหูปิดตาค่ะ" นิชาดาหน้ามุ่ยลงเล็กน้อย "แต่ว่าน้องนิดอย่าลืมเอาแฟ้มงานเข้าไปด้วยนะคะ"
นิชาดาพยักหน้ารับแล้วหยิบแฟ้มงานที่พี่เขาเตรียมให้ก่อนเดินเข้าไปในห้องเจ้านายอีกที