เทพีแอสตาร์เต้

1261 Words
บัวชมพูเร่งฝีเท้าเดินลงบันไดหินอ่อน ในวงแขนเรียวเล็กหอบหนังสือโบราณปกแข็งเกือบสิบเล่มที่ปาหนันพึ่งได้มาจากการฝากประมูลสินค้า ภายในตัวอาคารกร็องอิตาเลียแห่งนี้เต็มไปด้วยเครื่องประดับตกแต่งบ้านยุคโบราณมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะรูปปั้นเทพีแอสตาร์เต้ขนาดสูงหนึ่งเมตรครึ่งที่ปาหนันเป็นเจ้าของ รูปปั้นชิ้นนี้สวยงามไร้ตำหนิ สมบูรณ์แบบเสียจนไม่น่าเชื่อว่ามีอายุมากกว่าสองพันปี และจะมีมหาเศรษฐีจากทั่วทุกมุมโลกติดต่อมาเสนอราคาซื้อขายปฏิมากรรมล้ำค่าชิ้นนี้่แทบทุกวัน  “หนังสือพวกนี้น่าอ่านและปกก็สวยเว่อร์ทั้งนั้นเลย ทำไมเจ้าของถึงกล้าขายก็ไม่รู้”  หญิงสาวเลือดผสมเชื้อสายไทยอิตาเลี่ยนวัยสิบแปดปี บ่นพึมพำหลังจากวางหนังสือกองลงบนโต๊ะหินอ่อนสีขาวตัวยาวซึ่งแม่ปาหนันของเธอกำลังจัดเรียงและตรวจเช็คสิ่งของที่จะทำการเปิดประมูลในวันพรุ่งนี้  “ถ้าชมพูชอบ เดี๋ยวแม่โทรไปขอซื้อกับเจ้าของหนังสือให้ดีไหม”  ปาหนันเอ่ยถามลูกสาวบุญธรรมด้วยน้ำเสียงล้อเลียนบัวชมพูติดนิสัยชอบสะสมของเก่ามาจากเธอและระยะหลังมานี้ทั้งสองมักจะขอซื้อของเก่าที่ถูกใจเอาไว้เสียเอง จนภายในบริเวณกำแพงของอาคารกร็องด์อิตาเลียแทบไม่มีที่ว่างให้ตั้งสิ่งของประดับตกแต่ง  “ไม่เอาดีกว่าค่ะ ฉากผีบรรณารักษ์ตามทวงหนังสือคืนห้องสมุดในหนังสยองขวัญที่ไปดูกับเพื่อนมาเมื่อตอนกลางวันยังติดตาชมพูอยู่เลย”  บัวชมพูแสร้งทำท่ามองหนังสือเก่าพวกนั้นด้วยอาการขนลุกขนพอง อันที่จริงแล้วเธอก็อยากได้หนังสือกองนี้ใจแทบขาด แต่ไม่อยากรบกวนแม่ปาหนัน “กลัวผีแต่ก็ชอบดูหนังผี คืนนี้ไม่ต้องมาขอนอนกับแม่นะ” ปาหนันทำตาดุส่งให้ลูกสาวบุญธรรม “แม่ปาใจร้าย” บัวชมพูทำหน้าเศร้า “แล้วงัย? ใครแคร์? ” ปาหนันยกมือสองข้างขึ้นเสมอไหล่ ทำท่าทางประชดประชันเหมือนบทบาทการแสดงในละครทีวีช่องoneของซุปเปอร์สตาร์สาวชาวไทยเจ้าของวลีเด็ดที่มีรูปลักษณ์โดยรวมละม้ายคล้ายกับลูกสาวบุญธรรม และบัวชมพูยังเอาไปสอนเพื่อนที่มหาลัยจนกลายเป็นเทรนด์ยอดฮิตของวัยรุ่นในตอนนี้ บัวชมพูเอามือปิดปากหัวเราะคิกคักแล้วเดินไปกอดแม่ปาหนันอย่างประจบ “คืนนี้เราออกไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารไทยกันดีไหมคะแม่ ชมพูอยากกินต้มข่าไก่”  “ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ เพราะแม่อยู่ในสภาพพร้อมแล้ว” “แม่ปาใจดีที่สุดในโลก” เธอเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มปาหนันฟอดใหญ่ แล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดตรงไปยังห้องพักของเธอกับปาหนันซึ่งอยู่บนชั้นสองของตัวอาคารกร็องด์อิตาเลีย บัวชมพูใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น โชคดีที่เธอมีผิวพรรณขาวเนียนสะอาดสะอ้าน ริมฝีปากสีแดงอมชมพูเป็นสีสันที่ธรรมชาติปรุงแต่งมาให้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องสำอางค์ใดๆ เพียงแค่ทาลิปกรอส แตะดิออร์ ทัช เดอ ปาร์แฟ็ง น้ำหอมกลิ่นโปรด หวีผมซึ่งหยิกเป็นลอนใหญ่ให้เข้าทรงและทาน้ำมันบำรุงเส้นผมเท่านั้น  เธอส่งยิ้มให้หญิงสาวในกระจกที่สวมชุดเดรสกระโปรงสั้นเหนือเข่าทรงดอกลิลลี่ทำจากผ้าไหมสีขาวด้วยความรู้สึกพึงพอใจ ก่อนจะคว้ากระเป๋าถือและหมุนตัวเดินแกมวิ่งออกจากห้อง “ชมพู! ช่วยขนหนังสือที่วางบนโต๊ะมาให้แม่ที่โซนรับรองแขกทีสิลูก” เสียงปาหนันตะโกนดังมาจากหลังชั้นหนังสือ “ได้ค่า”  บัวชมพูสั่นศรีษะ พลางบ่นพึมพำด้วยรอยยิ้มขบขัน ในที่สุดแม่ปาหนันก็อดใจไม่ไหว ช่วงที่เธอขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแม่ปาคงโทรไปขอซื้อหนังสือพวกนี้กับคนที่ฝากประมูล บัวชมพูกระชับกระเป๋ามือในมือแล้วหอบเอากองหนังสือที่วางบนโต๊ะหินอ่อนไว้ในอ้อมแขน ก่อนเดินตรงไปหาปาหนันที่โซนรับรองแขก ระหว่างทางเดินของห้องแสดงสินค้า ซึ่งบัวชมพูต้องเดินผ่านรูปปั้นเทพีแอสตาร์เต้ หางตาของเธอได้มองเห็นบางสิ่ง ทำให้ต้องหยุดชะงักและเดินถอยหลังกลับไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าแท่นหินที่ตั้งของเทพีแอสตาร์เต้ที่บรรพบุรุษของชาวโรมันเชื่อว่าเป็นพระมารดาผู้สร้างสรรค์มนุษยชาติ “แปลกจัง”  บัวชมพูเพ่งมองอักษรโบราณที่ปรากฎบนแผ่นศิลาซึ่งเธอมั่นใจว่า เมื่อก่อนนี้ไม่เคยมีตัวอักษรหรือแม้แต่รอยขีดข่วนใดๆ จารึกอยู่ ทว่าสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ เธอสามารถเข้าใจภาษาโบราณที่สลักอยู่บนแผ่นศิลา! “ควันโด อะปาเร ลา เล็ตเตร่า ซุย อิ ครีซ เซียนโยเน่ อัง ปิเอ็ตตร้า อัลโลร่า ลา เดอา ดิ อูนิตี้ อาสตรา ดิ นูโว อากลี เอ็ท ทรุชชิ” หลังจากบัวชมพูอ่านอักษรโบราณที่จารึกบนแท่นศิลา ก็บังเกิดแสงสีทองที่ค่อยๆ เรืองรองตามขอบอักษรก็สว่างจ้าขึ้นทันใด เธอรีบยกมือบังแสงที่สาดเข้าม่านตาและทำให้หนังสือที่หอบไว้เต็มอ้อมกอดตกกระแทกพื้นกระเบื้องเสียงดังโครมคราม  “ชมพู! เป็นอะไรรึปล่าว” ปาหนันรีบวิ่งออกมาจากหลังชั้นหนังสือด้วยความเป็นห่วงลูกสาวบุญธรรมจับหัวใจ ทว่าปาหนันไม่สามารถฝ่ารัศมีของแสงสีทองและกลุ่มควันสีขาวหนาทึบที่โอบล้อมรอบกายบัวชมพู ซึ่งขวางกั้นระหว่างเธอกับลูกสาวบุญธรรมเอาไว้เหมือนกำแพงเหล็กโปร่งแสง  ชั่วครู่กลุ่มควันสีขาวก็หมุนเร็วเหมือนพายุเฮอริเคนแล้วห่อหุ้มบัวชมพูเอาไว้ทั้งตัว ต่อมาห้องทั้งห้องก็สว่างด้วยลำแสงสีทองและสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหว ก่อนที่ร่างเล็กของบัวชมพูกับกลุ่มควันสีขาวจะเลือนหายไปภายในเวลาเพียงชั่วกระพริบตา  ครู่ต่อมาภายในตัวอาคารกร็องด์อิตาเลียตกอยู่ภายใต้ความเงียบงัน ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสภาพปกติเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น  “ชมพู ถึงเวลาที่หนูต้องกลับบ้านแล้วสินะ”  ปาหนันเงยหน้ามองรูปปั้นแล้วอธิษฐานขอพรจากเทพีแอสตาร์เต้ให้ช่วยคุ้มครองบัวชมพู พลางใช้หลังมือเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลเลอะสองข้างแก้มขณะเดินไปหยิบหนังสือเก่าที่เธอพึ่งขอซื้อไว้ให้บัวชมพูจากพื้นเอามากอดแนบอก  ยี่สิบปีก่อน ปาหนันกับบุษกรเพื่อนรักของเธอได้ตกลงร่วมหุ้นกันซื้ออาคารชุดเพื่อก่อตั้งร้านขายเครื่องประดับตกแต่งบ้านแบบโบราณ และชายชราเจ้าของบ้านเดิมได้มอบรูปปั้นเทพีแอสตาร์เต้ให้เธอทั้งคู่เป็นของแถม หลังจากนั้นไม่นานนักบุษกรก็หายสาปสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งเจ็ดปีต่อมาเพื่อนรักของปาหนันก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับลูกสาวหน้าตาน่ารักน่าชังวัยหกขวบและฝากฝังให้เธอช่วยดูแล  เด็กหญิงทาลีน่าหรือบัวชมพู สวยน่ารักราวกับเทพธิดาตัวน้อย เฉลียวฉลาด ขี้อ้อนและจิตใจดีเหมือนบุษกรเพื่อนรักของเธอ เวลาสิบสองปีที่ปาหนันเลี้ยงดูบัวชมพู สายสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่แน่นแฟ้นไม่ต่างจากแม่ลูกจริงๆ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD