04
เรื่องของวิญญาณ
วิญญาณของอลินดาถูกยมทูตนำมาตรวจสอบที่แดนนรกเพราะ อลินดา วิเศษชัย มีกรรมชั่วมากจึงถูกนำมาที่แดนนรก
วิญญาณของญาณิสาก็ถูกนำมาด้วยเช่นกันเพราะวิญญาณของเธอออกจากร่างและอายุขัยของญาณิสาหมดลงแล้ว
“ท่านยมทั้งสองพวกท่านจะทำอย่างไรกับเรื่องราวที่ท่านทั้งสองทำผิดพลาดไป” พญายมพูดเสียงดังจนอลินดากับญาณิสาตกใจ
“ท่านยมวิชาญเราให้ท่านไปนำวิญญาณของ อลินดา วิเศษชัย ท่านไปเอาวิญญาณ อลินดา อัครโชค มาท่านจะทำอย่างไรตอนนี้ร่างของ อลินดา อัครโชค ถูกเผาจนหมดสิ้นแล้ว” พญายมพูดถึงความผิดพลาดของยมทูตมือใหม่
อลินดาได้ยินอย่างนั้น เธอตกใจมากที่เธอต้องมาตายเพราะความผิดพลาดของยมฑูต
“หมายความว่าอย่างไรคะ หนูยังไม่หมดอายุขัยอย่างนั้นหรือแล้วพวกท่านจะทำอย่างไรต่อไปคะ ถ้าเป็นอย่างนี้หนูก็ตายฟรีสิคะ” อลินดาเริ่มโมโห
“ใจเย็น ๆ ก่อน วิญญาณอลินดา” ท่านพญายมบอกกับเธออย่างใจเย็น
“ ส่วนท่านยมวิชัย ท่านไปทำอะไรอยู่ถึงไปเอาวิญญาณของญาณิสามาช้าจนทำให้วิญญาณของเธอกลับเข้าร่างก่อน ถึงตอนนี้ท่านจะนำวิญญาณมาสำเร็จแต่ร่างของญาณิสายังคงอยู่ ท่านจะทำอย่างไรกัน” ท่านพญายมเริ่มโมโหที่ยมทูตทั้งสองทำหน้าที่ผิดพลาด
ญาณิสาที่ได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจคิดว่าตนจะได้กลับเข้าร่าง “ถ้าอย่างนั้นก็ให้หนูกลับเข้าร่างสิคะจะนำหนูมาทำไม” ญาณิสาพูดออกมาอย่างมีความหวัง
“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ อายุขัยของเจ้าหมดแล้ว” ท่านพญายมบอกกับญาณิสา เมื่อเธอได้ยินอย่างนั้นก็ร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจ
“เอาอย่างนี้ในเมื่อท่านยมทูตทั้งสองยังคิดไม่ออกเดี๋ยวข้าจะแก้ปัญหานี้ให้แต่ถ้าคราวหลังมีอีก ท่านทั้งสองจะต้องได้รับโทษหนักกว่าครั้งนี้” ท่านพญายมพูดออกมาเสียงดุดัน
“ข้าจะให้อลินดาได้ไปเกิดใหม่ แต่เกิดในร่างของญาณิสา” เมื่อท่านพญายมพูดจบยมทูตก็นำวิญญาณของอลินดากลับมายังโลกเหมือนเดิม พูดจบยมทูตพาเธอไปที่โรงพยาบาลที่ร่างกายของญาณิสานอนอยู่
“ข้ามาส่งเจ้าได้แค่นี้เจ้าต้องหาทางเข้าร่างเอง เมื่อถึงเวลาเจ้าจะสามารถเข้าร่างได้เอง” ยมทูตพูดแค่นั้นก็จากไป
ส่วนญาณิสาเธอมีกรรมไม่มากเมื่อเธอใช้กรรมอันน้อยนิดหมดเธอจะได้ขึ้นสวรรค์ต่อไป
***************************************************************************
ที่โรงพยาบาล
เปมิกาที่หายจากไข้เธอเดินทางมาเยี่ยมญาณิสากับเขมนิจแต่เมื่อเธอเข้าไปในห้องที่ญาณิสานอนอยู่เธอมองเห็นญาณิสาที่นอนอยู่เป็นใบหน้าของอลินดา
เปมิกาขยี้ตาเพื่อดูอีกครั้งให้มั่นใจใบหน้าของอลินดาก็หายไปเรียบร้อยแล้ว
อลินดาตั้งใจที่จะยังไม่เข้าร่างของญาณิสาเธออยากแกล้งเปมิกาให้หัวโกร๋นก่อน “ดูสิว่าถ้าเราเป็นผีไปหลอกจะกลัวแค่ไหนอยากเลวนักใช่มั้ย” อลินดานึกสนุกขึ้นมา
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า น้องไหมเป็นอย่างไรบ้างคะ” เปมิกาเอ่ยถามญาณีและอภิชาติถึงอาการของญาณิสา
“คุณหมอบอกว่าสมองน้องได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ดีที่สุดก็คือเป็นเจ้าหญิงนิทรา” ญาณีพูดไปน้ำตาของคนเป็นแม่ก็พรั่งพรูออกมาอย่างหนัก
“คุณป้าคะ คุณป้ายังโชคดีที่มีน้องไหมนอนอยู่ตรงนี้ยังดีกว่าน้องจากเราไปนะคะ” เปมิกาพูดให้กำลังใจญาณีทั้ง ๆ ที่ตัวเธอเองก็ยังทำใจไม่ได้เช่นกัน
“ก็จริงอย่างที่ปริมพูด ป้าขอบใจมากนะ” ญาณีพูดพร้อมกับจับไหล่ปริมเบา ๆ
“ขอปริมเข้าไปคุยกับน้องหน่อยได้ไหมคะ” เปมิกาดูเหมือนมีเรื่องอะไรจะคุยกับญาณิสา
“ใยไหมได้ยินพี่ปริมไหมคะ พี่มาแล้วนะ ไหนบอกอยากกินไอติมสิบแท่งไงคะ ใยไหมช่วยให้พี่หาพี่อันดาเจอแล้วทำไมไม่มาเอารางวัล ถ้าไหมตื่นขึ้นมาพี่ปริมจะให้หนูห้าสิบแท่งเลยเอาไหมคะ” เปมิกากระซิบข้าง ๆ หูของญาณิสา
“คอยดูนะ ถ้าอันได้เข้าร่างใยไหมเมื่อไรระวังให้ดีเถอะปริม จะจัดหนักให้เลย” วิญญาณของอลินดาที่รอคอยวันนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากกลับจากเยี่ยมญาณิสาปริมตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่างแต่เธออยากปรึกษาแม่ของเธอเสียก่อน
“แม่คะ ปริมอยากบวชชี” เปมิกาพูดออกอย่างแน่วแน่
“คิดยังไงถึงอยากบวชชีล่ะลูก มันไม่เหมือนไปเที่ยวนะปริม หนูจะทำได้อย่างนั้นหรือ” เขมนิจผู้เป็นแม่ไม่มั่นใจในตัวลูกสาวของเธอ
“ปริมอยากบวชชีเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้อันและน้องไหมด้วย ปริมอยากทำอะไรสักอย่างเพื่ออันบ้าง” เปมิกามีแววตาที่ค่อนข้างตั้งใจ
“แล้วปริมจะบวชชีนานเท่าไรล่ะ”
“ปริมอยากบวชสัก 1 เดือนค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นแม่ขอบวชชีเป็นเพื่อนปริมนะ แม่ก็อยากอุทิศส่วนบุญนี้ให้อันดาเช่นกัน เพื่อที่ว่าส่วนบุญจะนำพาอันดาไปในภพภูมิที่ดี” เขมนิจบอกกับลูกสาวของเธอ
“ถ้าแม่ตั้งใจเช่นเดียวกับปริมเราเริ่มพรุ่งนี้เลยไหมคะ” เปมิกาบอกกับแม่ของเธอ
“ได้สิลูกอะไรที่ลูกทำแล้วลูกสบายใจแม่พร้อมที่จะสนับสนุนหนูทุกอย่างอยู่แล้ว” เขมนิจบอกกับลูกสาวของเธอ
เมื่อถึงเวลาเข้านอนเปมิกาเริ่มที่จะนอนหลับโดยไม่ร้องไห้ได้บ้างแล้ว เธอเข้านอนเร็วทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน
“อันดา ไม่ว่าตอนนี้อันอยู่ที่ไหน ปริมอยากให้อันรับรู้นะว่าปริมยังคงคิดถึงอัน” หลังจากเปมิกาไหว้พระเสร็จเธอจะมานั่งพูดกับรูปถ่ายของอลินดาทุกวัน
เปมิกาเอนกายลงนอนได้ไม่นานเธอนอนหลับสนิททันทีเพราะฤทธิ์ยาลดไข้ที่เธอทานเข้าไป
เวลาเงียบสงัดเปมิกากำลังนอนหลับบนเตียงนอนสีชมพู อลินดาอยากแกล้งให้เปมิกากลัวเธอ
“ปริม ปริมเรียกหาอันใช่ไหม นี่ไงอันมาหาปริมแล้วนี่ไง” อลินดามาในรูปแบบที่ค่อนข้างน่ากลัวเธอกำลังจะเข้าไปใกล้เปมิกาแต่เธอโดนยมทูตมาขัดขวางเธอไว้
เปมิกาที่สะดุ้งตื่นเพราะเธอรู้สึกได้ว่าอลินดามาหาเธอเมื่อครู่แล้วเธอหายไปทันทีที่เปมิกาลืมตา เปมิกาจึงคิดว่าตนเองฝันไป
“นี่วิญญาณ อลินดา อัครโชค ถ้าเจ้ายังคงก่อกรรมด้วยการกลั่นแกล้งผู้คนอย่างนี้ระวังเจ้าจะเข้าร่างของญาณิสาไม่ได้นะ ข้าเตือนเจ้าแค่นี้หวังว่าเจ้าจะเข้าใจที่ข้าพูดนะ” ยมทูตพูดจบก็จากไป
อลินดาจึงหยุดความคิดที่จะแกล้งเปมิกา “ทำไมแกล้งแค่นี้ต้องห้ามด้วย ทีเปมิกาทำตัวแย่ ๆ ไม่มาห้ามบ้างนะ” อลินดาพูดออกมาอย่างหัวเสีย
“นี่เจ้าข้าได้ยินที่เจ้าบ่นนะ นั่นมันเรื่องของมนุษย์ข้าเข้าไปห้ามได้ที่ไหนมันเป็นกรรมของเขาแต่เจ้าเป็นวิญญาณของข้า ข้าต้องคอยเตือนเจ้าเพราะความหวังดีทีนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง อลินดา อัครโชค” ยมทูตพูดออกมายาวเหยียดอลินดาได้แต่ยืนก้มหน้าฟัง