แม่จะให้เขือแต่งงาน

1590 Words
เช้าวันที่สองในหมู่บ้านดงเย็น หมอหนุ่มตื่นเช้าเหมือนที่เคยตื่นปกติ ตื่นเช้าอาบน้ำแปรงฟัน แล้วโทรศัพท์หาคุณหญิงแม่ เหมือนทุกครั้งที่เขาทำเป็นประจำก่อนจะออกไปทำงาน และเช้าวันนี้คุณหญิงปวีณาก็พูดเหมือนเดิม ๆ กี่ครั้ง ๆ ก็พูดแต่เรื่องลาออกจากข้าราชการ “เขือว่าเราคุยเรื่องนี้กันบ่อยแล้วนะครับแม่ปลิว” น้ำเสียงทุ้มโต้กลับคนในสาย “เพราะคุยบ่อยไงเขือ แม่ถึงอยากได้คำตอบที่แม่ต้องการ” คุณหญิงส่งเสียงอำนาจกรอกกลับมา “เขือก็ว่าเขือชัดเจนกับจุดยืนของเขือแล้วนะครับแม่ปลิว” “แต่แม่ไม่ต้องการคำตอบแบบนี้เขือ แม่ต้องการให้เขือลาออกมาช่วยน้องดูแลโรงพยาบาลของเรากับตาฟัก” “ฟักดูแลไหวครับแม่ปลิว ให้เขือได้ทำหน้าที่ตรงนี้เถอะครับ เขืออยากตอบแทนในหลวงรัชกาลที่ ๙ ให้เขือ...” “เขือลูก ไม่ว่าจะยังไงลูกก็ได้รับใช้ท่านเหมือนเดิม ลูกเป็นหมอ มาดูแลรักษาคนในโรงพยาบาลเราก็เท่ากับว่าได้ช่วยดูแลประชาชนช่วยท่านแล้ว” นางไม่สนใจจะฟังคำของลูกชายให้จบความ “ทำไมแม่ปลิวไม่เข้าใจเขือ ที่เขือเลือกเป็นหมอประจำอนามัยเพราะเขืออยากช่วยชาวบ้านตาดำ ๆ ที่เขาไม่มีกำลังเงินพอจะไปหาหมอในโรงพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายสูง ๆ เขือเลือกทำตรงนี้เพื่อบรรเทาทุกข์สุขให้กับชาวบ้านที่เขาเดือดร้อน เขืออยากทำตรงนี้มากกว่าครับ” “ถ้าเขือยังยืนยันแบบนี้ เขือคิดว่าแม่ไม่กล้า...” “ตัดแม่ตัดลูก แม่ปลิวพูดแบบนี้ทุกครั้งแหละครับ ไม่เบื่อจะขู่เขือบ้างเหรอครับ” “ไม่! ครั้งนี้แม่จะให้เขือแต่งงาน และเขือก็ห้ามปฏิเสธ ถ้าเขือจะอยู่ตรงนั้น เขือต้องแต่งงานด้วย และมีหลานให้แม่ เพื่อสืบทอดตระกูล” “แม่! แล้วฟักล่ะแม่ ทำไมแม่ปลิวไม่ไปบังคับฟัก” อยากจะบ้าตาย ทำไมเขาต้องมาได้ยินเรื่องแบบนี้ในเช้าที่สดใสด้วย “ฟักเป็นคนเอาการเอางาน และที่สำคัญไม่ขัดใจแม่ ฉะนั้นฟักจะแต่งงานตอนไหนก็ได้ ส่วนเราเป็นพี่ที่นอกลู่นอกทางไม่อยากกลับมาช่วยกิจการของครอบครัวก็ควรจะรีบแต่งงานมีทายาทมาช่วยตาฟักบริหารงาน” คุณหญิงปวีณายื่นคำขาด ก่อนจะกดวางสายไป โดยไม่สนใจจะฟังคำคัดค้านของลูกชายคนโตต่อ “แม่ปลิว...แม่ปลิว....” รู้ว่าเรียกไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะท่านได้กดสายของเขาทิ้งไปแล้ว “ทำไมแม่ปลิวไม่เข้าใจเขือบ้าง ทำไมเขือ...” ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นรบกวนเสียก่อนเขาจึงหยุดพึมพำแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนเตียงแล้วเดินไปเปิดประตูห้องดูว่าใครมาเคาะแต่เช้า ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “ครับผม มาแล้วครับ” ขานรับพร้อมกับถอดกลอนเปิดประตูห้อง “แม่ให้ป่วงมาตามคุณหมอไปกินข้าวเช้าด้วยกันจ้ะ” พอประตูห้องเปิดออกเธอก็รีบบอกสิ่งที่ได้รับความมาทันที “ครับ เดี๋ยวพี่เขือตามไป” เขาอยากสนิทกับหญิงอ้วนตรงหน้า ไม่รู้ทำไมถึงอยากสนิทกับหล่อน “จ้ะ” บุญป่วงตอบสั้น ๆ แล้วหมุนตัวเดินจากไปด้วยความเขินอาย ใบหน้าคล้ำแดงปื้นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แต่เสียดายหมอหนุ่มไม่มีโอกาสได้เห็นมัน เพราะหล่อนเดินบิดตัวตุ้ยนุ้ยออกมาไกลสายตาแล้ว มะเขือยิ้มกริ่มมองแผ่นหลังหนาของบุญป่วงจนลับสายตา ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อไปเอาโทรศัพท์ที่วางไว้เมื่อกี้มายัดใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะออกจากห้องลงไปยังชั้นล่าง พอมาถึงชั้นล่าง เขาก็เจอบุญป่วง แม่จำปี ผู้ใหญ่สนองกำลังช่วยกันเตรียมอาหารเช้าขึ้นโต๊ะทานข้าว ภาพของสามคนพ่อแม่ลูกทำให้เขาอดยิ้มตามอย่างมีความสุขไม่ได้ ช่างอบอุ่นเหลือเกิน เป็นเพียงครอบครัวเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น แบบนี้สิถึงเรียกว่าครอบครัวที่แท้จริง “เอ้า! คุณหมอมาแล้วเหรอจ๊ะ” แม่จำปีทักทันทีเมื่อเห็นหมอหนุ่มเดินมาถึงโต๊ะทานข้าวเล็ก ๆ ของบ้านตน “ครับแม่จำปี ให้เขือช่วยนะครับ” หมอหนุ่มรีบเดินไปยื่นมือรอรับถ้วยแกงในมือของแม่จำปี “คุณหมอน่ารักจังเลยนะจ๊ะ เหมือนแม่จำปีมีลูกชายอีกคนเลย เอาจ้ะ!" แล้วนางก็ส่งยื่นถ้วยแกงเขียวหวานเนื้อให้ชายหนุ่มถือไปวางบนโต๊ะ ก่อนตัวนางจะเดินกลับไปยังครัวเพื่อมาเอาจานข้าวช่วยลูกสาวในครัว “ผู้ใหญ่นั่งเถอะครับ เดี๋ยวผมช่วยแม่จำปีกับน้องเองครับ” คำพูดเรียกสนิทสนมของหมอหนุ่มทำให้ผู้ใหญ่สนองขมวดคิ้วย่นชนกันอย่างขบคิด ก่อนจะพูดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอกคุณหมอ มานั่งด้วยกัน เดี๋ยวแม่จำปีกับป่วงทำกันเองได้ ว่าแต่หมอเป็นคนไม่ถือตัวเลยนะครับ” ผู้ใหญ่สนองเอ่ยพลางมองสังเกตสีหน้าแววตาท่าทางของอีกฝ่าย และก็ไม่มีอะไรให้เขาได้เห็นเป็นพิรุธ นอกจากยิ้มละมุนและใบหน้าหล่อเหล่าของอีกฝ่ายที่ส่งแย้มยิ้มมาให้ “ถือตัวแล้วหนักน่ะครับ ปล่อยสบาย ๆ ดีกว่าครับ อีกอย่างผมมาอาศัยบ้านผู้ใหญ่ด้วย ผมจะนิ่งเฉยได้ยังไงครับ ช่วยหยิบจับอะไรได้ผมก็อยากช่วยครับ” มะเขือพูดเสียงใสสุภาพนุ่ม แล้วช่วยรับจานในมือของแม่จำปีมาถือไว้ ก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อตักข้าวช่วยบุญป่วง ภาพของหมอหนุ่มที่ยืนเคียงข้างลูกสาวทำให้แม่จำปีกับผู้ใหญ่สนองมองแล้วหันมาสบตากัน ทั้งสองคงไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้กำลังทำตัวเหมือนสามีภรรยาที่กำลังช่วยกันตักข้าวให้พ่อกับแม่ที่มาเยี่ยมบ้านไม่มีผิด “ของผู้ใหญ่ครับ” หมอหนุ่มส่งจานข้าวที่บุญป่วงตักส่งให้ยื่นไปให้พ่อผู้ใหญ่ ตามด้วยจานของแม่จำปี และของเขาเอง ก่อนเขาจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมที่ลุกมา และไม่ลืมหยิบช้อนส้อมใส่จานติดมาด้วย “หวังว่ากับข้าวจะถูกปากนะจ๊ะคุณหมอ” แม่จำปีเอ่ย “ถูกปากมาก ๆ ครับ ผมชอบเลยแกงเขียวหวาน และผัดถั่วงอกหมูกรอบ” เขาตักแกงเขียวหวานและผัดถั่วงอกหมูกรอบใส่จานข้าว แล้วตักเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ผู้ใหญ่กับภรรยาเห็นเป็นแบบนั้นก็พากันยิ้มแล้วเริ่มลงมือทานบ้าง ส่วนบุญป่วงก็ได้แต่หันไปเบะปากให้กับความประจบของหมอหนุ่ม ก่อนจะเริ่มทานข้าวบ้าง วันนี้แม่ของเธอทำน้ำพริกปลาทู แกงเขียวหวานเนื้อ ผัดถั่วงอกหมูกรอบ และตามด้วยไข่เจียว “ทานเยอะ ๆ นะจ๊ะคุณหมอ” “ครับแม่จำปี แม่จำปีกับผู้ใหญ่ก็ทานเยอะ ๆ นะครับ น้องด้วยนะ” พูดพร้อมกับตักแกงเขียวหวานให้สามคนพ่อลูกด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข แล้วภาพของครอบครัวเขาก็ซ้อนทับเข้ามา เขาคิดถึงคุณหญิงแม่ที่กรุงเทพฯ แม้ว่าเมื่อเช้าจะพูดไม่เข้าใจกัน แต่เขาก็ยังคงคิดถึงท่าน เห็นทีวันเสาร์นี้ต้องไปกรุงเทพฯ เสียแล้วสิ “คุณหมอ วันนี้ไฟกับน้ำน่าจะเรียบร้อยแล้วนะครับ” พ่อผู้ใหญ่บอกขณะทานข้าวกันอยู่ “ขอบคุณครับพ่อผู้ใหญ่ ผมจะได้เอากระเป๋าไปไว้ที่อนามัยด้วยเลย เลิกงานจะได้กลับที่พักเลยครับ ขอบคุณมาก ๆ นะครับสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นในครั้งนี้” เขาวางช้อนส้อมในมือลงแล้วยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณพ่อผู้ใหญ่กับภรรยาโดยไม่ลืมหันไปส่งยิ้มอ่อนโยนให้สาวอ้วนที่นั่งฝั่งตรงข้ามตน “ทางเรายินดีครับ พวกเราต่างหากต้องขอบคุณหมอที่มาช่วยเป็นหมอประจำอนามัยให้หมู่บ้านเรา ซึ่งใครที่ย้ายมาส่วนใหญ่ก็อยู่ได้ไม่ถึงเดือน เพราะทนความทุรกันดารของหมู่บ้านเราไม่ไหว ผมก็หวังว่าหมอเขือจะอยู่กับพวกเรานาน ๆ นะครับ” ผู้ใหญ่สนองพูดถึงหมอที่ย้ายมาประจำที่สถานีอนามัยของหมู่บ้านแทบจะเดือนละสองคน ไม่มีใครทนอยู่หมู่บ้านที่กันดารและบ้านนอกแบบดงเย็นได้ เข้ามาก็ลึก แถมถนนหนทางก็ไม่ดี จะไปไหนมาไหนก็ลำบาก “อันนี้ก็ต้องคอยดูกันต่อไปครับว่าผมจะอยู่ได้กี่เดือน กี่ปี หรืออาจจะตลอดไปก็ได้ ใครจะไปรู้ครับ” หมอหนุ่มตอบยิ้ม ๆ “แหม! คุณหมอผิวขาวเนียนผู้ดีแบบนี้ แม่จำปีกลัวแต่ว่าจะอยู่ได้ไม่ถึงเดือนน่ะสิจ๊ะ” แม่จำปีเอ่ย เมื่อสังเกตผิวพรรณของหมอหนุ่ม มะเขือขำในลำคอไม่โต้ตอบ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ใหญ่กับภรรยาใช้อะไรวัดความอดทนของเขา แต่ที่แน่ ๆ หนึ่งในโต๊ะทานข้าวเอาแต่กินข้าวไม่สนใจจะโต้ตอบหรือพูดคุยอะไรเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบุญป่วงถึงมีร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ราวกับเด็กสมบูรณ์แบบนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD