หลังทานข้าวเย็นฝีมือแม่จำปีภรรยาของผู้ใหญ่สนองแล้ว เขาก็นั่งพูดคุยเรื่องของผู้คนในหมู่บ้านกับผู้ใหญ่บ้าน ก่อนจะขอตัวไปโทรศัพท์หาคุณหญิงแม่ เมื่อคุยเสร็จ เขาก็ปิดไฟจะนอน และชนบทแห่งนี้อย่าหวังจะมีแอร์ เขาเปิดหน้าต่างที่มีมุ้งลวดกั้นไว้อีกชั้น ดีที่มีมุ้งลวด พอเปิดหน้าต่างออกเขาก็เปิดพัดลมตัวเล็กที่แม่จำปีเอามาให้เมื่อตอนหัวค่ำ
อาจเป็นเพราะแปลกที่หรือกระไรก็ไม่รู้ ล้มตัวนอนตั้งแต่สามทุ่มกว่าขยับพลิกตัวไปมาจนป่านนี้ห้าทุ่มครึ่ง เขาก็นอนไม่หลับ จึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นรับลมตรงระเบียงบ้านทางขึ้นบันไดของบ้าน มีเก้าอี้ตัวยาวให้นอนชมพระจันทร์ และพระจันทร์คืนนี้ก็เต็มดวงสว่างไสวเหลือเกิน
บ้านของผู้ใหญ่สนองเป็นบ้านเรือนไทยสองชั้น ชั้นล่างเป็นชั้นปล่อยโล่งปูกระเบื้อง มีห้องครัวเล็ก ๆ ไว้ทำอาหารรับแขกกับทานข้าว พอนั่งลงกับเก้าอี้เอนหลังลงไม่ถึงสิบนาที เขาก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันไดมา จึงขยับตัวลุกขึ้นนั่งดูว่าใครมา แล้วก็เห็นร่างอ้วนของบุญป่วงเดินร้องเพลงและเต้นขึ้นมาบนบ้านอย่างมีความสุข ใบหน้าใหญ่กลมโตของหล่อนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ผิวดำ ไม่สิ เธอไม่ได้ดำมาก เธอผิวสีแทนต่างหาก ปากหนาหยักยิ้มตามท่าเต้นของเธอที่ก้าวขึ้นบันไดขั้นก็หยุดเต้นขั้น
"นา...นา...น้า...ฮูว์!"
แล้วเธอก็เดินพ้นขึ้นมาจากบันไดมาถึงพื้นไม้ของบ้านจนได้ หล่อนลืมสังเกตที่เก้าอี้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังนั่งยิ้มอยู่ คนถูกมองก็ไม่รู้ตัวว่าถูกหมอหนุ่มเอ็นดู คนมองเองก็ไม่รู้ตัวว่าแอบยิ้มเอ็นดูสาวอ้วน พอสาวอ้วนมองไม่เห็นไม่สังเกตจะเดินก้าวผ่านเขานั่นแหละ เขาถึงมีสติเอ่ยทักถาม
“ไปไหนมาครับ”
กึก!
เท้าอวบอ้วนกำลังก้าวเดินผ่านหยุดชะงักเอี้ยวหน้ามามองทางต้นเสียง ปากแย้มยิ้มก่อนหน้าอย่างอารมณ์ดีหุบแล้วตอบคำถามหมอหนุ่มไป
“ไปเที่ยวงานวัดมาจ้ะ”
“ที่ไหนครับ” เขาถามอย่างสนใจ
“ที่บ้านโพนหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านเราไม่ไกลนี้เองจ้ะ” เธอเอ่ยพลางชี้มือไปทางหมู่บ้านที่ตนจากมา
“แล้วผมจะรู้ไหมครับว่าทางไหน ผมเพิ่งมาที่นี่วันแรก” เขาตอบแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปหาสาวอ้วนตัวกลม เห็นเธอก้าวถอยห่างก็ยิ่งอยากนึกแกล้ง ขยับก้าวเดินตามจนประชิดร่างอ้วนที่ชนเข้ากับราวระเบียงบ้าน
“อะ! เออ! คุณหมออยากไปเหรอจ๊ะ” เธอละล่ำละลักถาม
“ครับ ผมอยากไปชมบรรยากาศ” เขาไม่ได้อยากไปหรอก แต่ก็เผลอพูดออกไปแล้ว
“เดี๋ยวป่วงบอกพ่อสนองให้จ้ะว่าคุณหมออยากไป วันนี้ป่วงง่วงมากแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนะจ๊ะ” เธอยกมือขึ้นปิดปากทำท่าหาว
“พาพี่ไปก็ได้นะ” ไม่รู้อะไรทำให้หมอหนุ่มเรียกแทนตัวเองแบบนั้น เขาคิดแล้วคิดอีกว่าจะแทนตัวเองอย่างสนิทสนมกับเด็กอ้วนตรงหน้ายังไง แต่แล้วก็ตัดสินใจใช้คำนี้กับหล่อน
“พะ...พี่...”
“ใช่ พี่มีชื่อเล่นนะ เรียกพี่ว่าพี่เขือก็ได้ ชื่อจริงพี่นายมะเขือ”
“มะเขือ ชื่อเล่นเขือ คิก ๆ คนอะไรชื่อเขือ เทียบกับหนอนน้อยแล้วแตกต่าง ฮ่า ๆ”
มือเล็กยกปิดปากหัวเราะขึ้นดังอีกครั้งเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่บ้านพักชายหนุ่ม คำพูดของบุญป่วงทำให้หมอหนุ่มหน้าแดงต้องกับแสงจันทร์สว่างไสวในค่ำคืนนี้ จนเขาต้องยกมือขึ้นกดไหล่หนาของหล่อนไว้แล้วพูดออกมาอย่างกลบเกลื่อนความอาย
“เวลามันตื่นมันอาจเป็นมะเขือยาวลูกอวบก็ได้นะ”
เขายื่นหน้าไปกระซิบข้างหูของหล่อน แล้วปล่อยมือที่กดไหล่หนานั้นออก ก่อนจะหยักยิ้มมุมปากร้ายกาจให้สาวอ้วนแล้วเดินกลับห้องนอนตัวเองไป ส่วนคนได้ยินก็ขำไม่ออก ได้แต่นิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน และคิดภาพตาม เธอเรียนเพศศึกษามานะ เธอรู้สิว่าเวลามันตื่นมันจะใหญ่กว่าตอนที่นอนอยู่หลายเท่าตัว
“หมออนามัยหื่น!"
เธอยกมือขึ้นกุมสองแก้มอวบ ๆ ของตนแล้วบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย โดยไม่รู้ตัวว่าถูกสายตาคมของใครบางคนที่เดินจากไปกำลังแอบมองอยู่ทางหลังประตูห้องนอนของเขาที่แง้มออกดูหล่อนเล็กน้อยว่าจะมีอาการยังไงหลังเขาจากไป ยิ่งได้มองยิ่งยิ้มตาม การมาวันนี้วันแรกในวันที่ทำให้เขาหงุดหงิดและยิ้มไปตามกันกับการได้รู้จักสาวอ้วน ได้เจอมิตรภาพที่ดี ได้เจอชาวบ้านใจดีมีน้ำใจกับตน