1 | จอมมารและเทพบุตร [1]

1188 Words
- 1 - จอมมารและเทพบุตร [1] - สี่ปีก่อน - เสียงกลองและเสียงร้องเพลงจากผู้คนที่เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องดังมาแต่ไกลพานทำให้นึกถึงภาพของตัวเองในวันวานที่ยังเป็นน้องปีหนึ่งเฟรชชี่ที่เพิ่งเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยมาหมาด ๆ ฉันหันมองไปตามเสียงก็พบกับกลุ่มคนมากมายที่นั่งเรียงเป็นแถว ส่วนถัดไปอีกหน่อยก็เป็นเหล่ารุ่นพี่ปีสองที่จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อต้อนรับน้อง ๆ ด้วยการเต้นและร้องเพลงอย่างสนุกสนานบริเวณลานกิจกรรมด้านหน้าตึกคณะ ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินใต้ต้นไม้หน้าตึกคณะศิลปศาสตร์ เป้าหมายก็คือการรอแฟนหนุ่มที่เป็นรุ่นพี่ซึ่งคบหากันได้สี่เดือน อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันครบรอบของเราสองคนที่ฉันเองก็ตั้งใจว่าจะชวนเขาไปหาอะไรทานด้วยกันในตอนเย็น จนกระทั่ง... "วา..." เสียงเข้มอันคุ้นหูเอ่ยขึ้นทำให้ฉันหันไปมองยังต้นเสียงก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเจ้าของเสียงนั้นคือคนที่ฉันเฝ้ารอในวันนี้ "พี่เอ็มเลิกเรียนแล้วเหรอคะ วาทักไปแล้วพี่ไม่ตอบอ่า วาเลยมาหาที่หน้าตึก" "มีอะไรด่วนรึเปล่า" ร่างสูงเลิกคิ้วและมองฉันเป็นเชิงคำถาม ซึ่งเป็นจังหวะที่เพื่อนสนิทของพี่เอ็มกำลังเดินตรงมาทางนี้พอดี "สวัสดีครับน้องวา..." เพื่อนของพี่เอ็มเอ่ยทักทายขึ้นทำให้ฉันยิ้มรับและพยักหน้าน้อย ๆ ให้กับคนตรงหน้า "...กูไปรอที่ร้านนะ รีบตามมาแล้วกัน" "อืม" พี่เอ็มตอบรับก่อนที่เพื่อนของเขาจะเดินผ่านไป ซึ่งฉันเองก็ได้แต่มองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจที่ได้ยินแบบนั้น "พี่เอ็มจะไปไหนเหรอคะ วันนี้วาว่าจะชวนพี่เอ็มไป..." "ไว้วันหลัง" เสียงเข้มเอ่ยแทรกด้วยใบหน้านิ่งเรียบทำให้ฉันหยุดบทสนทนาลงในทันที แววตาก็เริ่มสั่นเทาเมื่อรับรู้ถึงความเย็นชาและเมินเฉยจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟน "ถ้า...ถ้าอย่างนั้นไว้วันหลังก็ได้ค่ะ แล้ววันนี้พี่เอ็มนัดกับเพื่อนจะไปที่ไหนกันเหรอคะ วาขอไปด้วยได้ไหมคะ" ฉันเอ่ยเสียงแผ่วแต่ก็พยายามปรับให้เป็นปกติมากที่สุด ทั้งยังฉีกยิ้มกว้างและเดินเข้าไปเกาะเกี่ยวแขนแกร่งของพี่เอ็มเอาไว้อย่างที่ชอบทำอยู่เป็นประจำ "อย่าทำตัวน่ารำคาญได้ไหมวา!" ทว่าน้ำเสียงของพี่เอ็มที่เอ่ยออกมานั้นหนักแน่นและเข้มขึ้นจนฉันสะดุ้งด้วยความตกใจ รวมไปถึงเสียงโดยรอบที่ตอนนี้เงียบสนิทและสายตาก็ต่างจดจ้องมาที่ฉันกับพี่เอ็มเป็นตาเดียว "พะ...พี่เอ็ม วาขอโทษค่ะที่ทำตัวน่ารำคาญ วา..." "เราเลิกกันเถอะ" ฉันยืนตัวสั่นเมื่อได้ยินประโยคนั้นออกมาจากปากของพี่เอ็ม แววตาของเขาหนักแน่นอีกทั้งมันยังแปรเปลี่ยนเป็นความแข็งกร้าวอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน "อะไรกันคะพี่เอ็ม วาไม่เล่นนะ อย่าเล่นแบบนี้สิคะ" "พี่พูดจริง เราเลิกกันเถอะ" ประโยคถัดมาเป็นการย้ำชัดว่าพี่เอ็มต้องการเลิกกับฉันจริง ๆ คำพูดของเขาไม่ได้มีท่าทีลังเลใจเลยสักนิด เขาดูไตร่ตรองและคิดดีแล้วที่เอ่ยออกมาแบบนั้น ผิดกับตัวฉัน...ที่ตอนนี้ได้แต่ยืนตัวสั่นระริก ขณะที่หยาดน้ำตาก็เอ่อคลอรอบดวงตาทั้งสองข้าง "ฮึก...ทำไมคะ ทำไมพี่ถึงบอกเลิกวา..." "เราคงไปต่อกันไม่ได้หรอก" ประโยคสั้น ๆ ที่ได้ยินทำให้ฉันไปเแต่นิ่งงันแต่ทว่าภายในใจกลับเต็มไปด้วยคำถามมากมาย "ฮึก...วาผิดอะไรเหรอคะ ฮึก...ทำไมพี่เอ็มต้องบอกเลิกวาด้วยฮือ..." ฉันหาสาเหตุไม่ได้เลยว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เราสองคนไปต่อกันไม่ได้ จริงอยู่ที่หลายวันที่ผ่านมาฉันกับพี่เอ็มไม่ค่อยได้เจอหน้าหรือพูดคุยกันเท่าไหร่ เนื่องด้วยฉันต้องทำกิจกรรมรับน้องน่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ปีสองแล้ว อีกทั้งยังเป็นสายกิจกรรมเลยทำให้ต้องใช้เวลาอยู่ที่คณะกับเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ แต่ฉันกับพี่เอ็มก็ไม่ได้มีปัญหาหรือมีปากเสียงกันแต่อย่างใด เราพูดคุยกันปกติมาก มันปกติมากจนฉันแปลกใจว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนต้องจบลงแบบนี้ "..." "ทำไมคะ บอกวาได้ไหม ถ้าพี่เอ็มไม่ชอบวาตรงไหนก็บอกได้เลย วาไม่อยากเลิกฮึก...วาไม่อยาก..." "ก็วามันน่าเบื่อไง เราเลิกกันน่ะดีแล้ว กลับไปเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมเถอะ" "!!!" ประโยคถัดมาที่ได้ยินจากปากของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนทำให้ฉันชะงักในทันที น่าเบื่ออย่างนั้นเหรอ...? ร่างกายของฉันสั่นเทาทั้งที่หยาดน้ำตากำลังไหลหลั่งออกมาอย่างหนัก ระดับน้ำเสียงของพี่เอ็มค่อนข้างดังทำให้ผู้คนรอบ ๆ ต่างก็จดจ้องมองมาที่ฉันเป็นสายตาเดียว แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจใครหรอกนะ เพราะสิ่งเดียวที่ฉันสนใจในตอนนี้ก็คือคนตรงหน้ามากกว่า "เราเลิกกันเถอะ" เป็นอีกครั้งที่พี่เอ็มเอ่ยย้ำในความต้องการของตัวเองออกมา ท่าทางและน้ำเสียงของเขาไม่ได้ดูเจ็บปวดเลยสักนิด หนำซ้ำเขายังดูเฉยเมยและไม่คิดสนใจซึ่งแตกต่างกับตัวฉันลิบลับ "ค่ะ เราเลิกกัน" ประโยคนั้นเป็นประโยคสุดท้ายที่ฉันและพี่เอ็มได้พูดคุยกัน หลังจากคำบอกเลิกจากปากเขาทำให้ฉันรีบวิ่งออกมาจากตึกคณะโดยไม่คิดหันกลับไปมองแม้แต่น้อย ฉันยอมรับกับการตัดสินใจของเขา ในเมื่อเขาอยากจบความสัมพันธ์นี้ฉันก็ยอมแต่โดยดี และไม่คิดยื้อหรือรั้งเขาไว้อีก เพราะเหตุผลที่เขาเอ่ยออกมามันทำให้ฉันเสียใจและเจ็บปวดมาก น่าเบื่ออย่างนั้นเหรอ...โคตรเจ็บเลย! "ฮึก...ไอ้บ้า ไอ้คนทุเรศ!" ฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนักขณะที่ขาก็เร่งจ้ำอ้าวไปตามทางเพื่อตรงไปยังรถยนต์ของตัวเองที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม อยากไปร้องไห้คนเดียวในรถ อยากไปกรี๊ดดัง ๆ ให้ไกลจากผู้คน ฉันวิ่งไปยังรถยนต์ของตัวเองซึ่งจังหวะนี้เป็นช่วงที่ฉันกำลังจะข้ามไปอีกฝั่งจากตึกคณะศิลปศาสตร์ไปยังลานจอดรถ แต่ทว่า... ปรี๊ด!!! "กรี๊ด!!!" ฉันกรีดร้องออกมาเมื่อเสียงแตรรถพร้อมกับตัวเครื่องยนต์ที่กำลังขับแล่นตรงมาทางฉันด้วยความเร็วทำให้ขาของฉันหยุดนิ่งด้วยความตกใจก่อนจะหลับตาแน่นเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ จนกระทั่ง... หมับ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD