บทที่ 8
เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
หลายวันผ่านไป
ร่างบางของวารีหยุดยืนอยู่หน้าบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่นานนับนาทีก่อนที่ลมหายใจจะถูกผ่อนออกมาหนัก ๆ เพื่อระบายความประหม่าและความกลัดกลุ้มใจให้คลายลงไปบ้าง
เหตุที่เธอต้องมาที่บริษัทแห่งนี้ก็เพราะเป็นการร้องขอจากผู้เป็นพ่อสำหรับการเริ่มงานชิ้นแรกในฐานะฝ่ายประสานงาน เธอจะไม่หนักใจเลยถ้าหากงานชิ้นนี้ไม่ใช่การมาติดต่อกับวงดนตรีที่ปฏิเสธงานไปถึงสองครั้ง
แถมวงนี้ยังเป็นวงที่เธอรู้จักอีกต่างหาก!
ใช่...วงที่ว่าก็คือวงโฟร์ดรีม หรือง่าย ๆ ก็วงของอดีตรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่เธอเพิ่งเจอหน้าเขาไปเมื่อหลายวันก่อนนั่นแหละ
“เฮ้อ แล้วทำไมจะต้องเป็นวงของไอ้พี่พยัคฆ์ด้วยนะ” วารีเปล่งคำบ่นภายในใจออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวเอง นึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยอมทำตามที่คนเป็นพ่อสั่ง อีกทั้งตอนนี้เธอยังมาอยู่ที่หน้าของบริษัทแล้วเสียด้วย
เมื่อเริ่มทำงานเป็นวันแรกงานที่ได้รับมอบหมายก็เรียกได้ว่าหนักอึ้งชวนปวดหัว พ่อของเธอเป็นฝ่ายมาสั่งการเองเลยทีเดียวเพราะทราบถึงปัญหาของผู้จัดการและทางฝ่ายประสานงานว่าวงดนตรีที่ลูกค้าต้องการนั้นปฏิเสธถึงสองครั้งแม้ว่าจะมีการยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจมากแค่ไหนก็ตาม
และทุกอย่างจึงตกมาที่เธอ...วารีคือคนที่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทางวงโฟร์ดรีมตอบตกลงที่จะเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเครื่องดื่มของบริษัท
โดยเธอมีข้อแม้ว่า...
“ถ้าวาทำสำเร็จพ่อจะเลื่อนตำแหน่งให้วารีเปล่าคะ” วารีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกับคนเป็นพ่อเมื่อได้รับมอบหมายงานที่เธอออกปากปฏิเสธตั้งแต่วินาทีแรกที่ทราบ
“งานแรกก็จะขอเลื่อนตำแหน่งเลยเหรอวา พ่อว่า...”
“แต่พ่อบอกว่างานนี้สำคัญมากไม่ใช่เหรอคะ ถ้าวาสำเร็จก็ทำให้ลูกค้าเซ็นสัญญากับเราต่ออีกหลายปีเลยนะ”
ในเมื่อพ่อของตนมอบหมายงานที่หนักอึ้งให้แบบนี้ก็ต้องยื่นข้อเสนอที่สมน้ำสมเนื้อเสียหน่อย หากเธอร้องขอให้วงโฟร์ดรีมมาเป็นพรีเซนเตอร์ได้จริง ๆ มันก็ต้องได้มาพร้อมกับตำแหน่งงานที่สูงขึ้นด้วย
“โอเค ได้...” เสียงเข้มตอบตกลงเมื่อหาข้อเลี่ยงไม่ได้ หากแต่ความจริงแล้วลึก ๆ ตัวเขาเองก็ได้จัดสรรหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับลูกสาวไว้อยู่แล้ว ส่วนฝ่ายประสานงานก็เพียงแค่อยากฝึกฝนประสบการณ์ก็เท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมร่างสัญญาได้เลยค่ะ เพราะวาทำสำเร็จแน่!”
วารีตอบรับคนเป็นพ่อด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจแต่ทว่าในตอนนี้กลับประหม่าเป็นที่สุด!
นึกอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขคำพูดของตัวเองเสียจริงที่รับปากจะทำงานนี้ให้สำเร็จ หากเป็นวงอื่นเธอก็พร้อมยินดีทำงานอย่างเต็มภาคภูมิ แต่กลับกันหากเป็นวงนี้เธอเองต้องขอบายไม่อยากเจอะเจอหน้ากันอีกตลอดชีวิต
“เอาวะ! แกทำได้วา แกทำได้!” วารีพูดปลุกใจกับตัวเองซ้ำ ๆ ก่อนจะตัดสินใจก้าวเข้าไปด้านในบริษัทเพื่อเริ่มต้นงานชิ้นแรกเสียที
เธอได้ทำการติดต่อและนัดคุยกับทางนี้แล้วเพียงแค่มาเจรจาและยื่นข้อเสนอใหม่อีกครั้ง ซึ่งกว่าจะได้คิวของพวกเขาก็เลื่อนผ่านไปหลายวันกว่าจะได้เจอหน้ากัน
หญิงสาวติดต่อกับประชาสัมพันธ์ของบริษัทหลังจากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นจุดหมายพร้อมทั้งยังมีข้อมูลห้องเก็บตัวของนักดนตรีที่ติดสอยตามมาด้วย พลันเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกร่างบางก็ก้าวเดินไปตามทางด้วยท่าทีมั่นใจ แต่ผิดกลับภายในที่สั่นระริกและมีความประหม่าอยู่เต็มไปหมด
ไม่นานก็หยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องจุดหมาย สายตาหวานมองชื่อห้องกับโน้ตเล็ก ๆ ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์เขียนข้อมูลไว้ให้ เมื่อเห็นว่าตรงกันจึงตัดสินใจยกมือขึ้นเคาะประตูแล้วจึงก้าวถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวเพื่อควบคุมสติของตัวเองไม่ให้ตื่นเตลิดไปมากกว่านี้
“เชิญครับ” เสียงตอบรับจากด้านในราวกับเสียงเตือนที่ทำให้วารีหลุดจากห้วงภวังค์แล้วกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
เธอผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะเปิดประตูและเดินเข้าไปด้านในห้องพร้อมกับปรับเปลี่ยนท่าทางและสีหน้าเพื่อให้เป็นวารีที่สวมบทบาทหญิงมั่นที่ใคร ๆ ต่างก็เห็นเธอในมุมมองนี้
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นตัวแทนของฝ่ายประสานงานจากบริษัท MN ที่จะมายื่นข้อเสนอกับพวกคุณในวันนี้ค่ะ”
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องหญิงสาวก็สวมบทบาทเป็นอีกคนหนึ่งได้อย่างแนบเนียน เธอยกมือไหว้กลุ่มคนตรงหน้าและเอ่ยแนะนำตัวอย่างที่ควรทำ ในตอนนี้พวกเขาไม่ใช่รุ่นพี่ที่เธอรู้จัก แต่เป็นผู้ร่วมงานสำคัญที่เธอควรนอบน้อมให้มากที่สุด
“อ้าว วันนี้มาเองเลยเหรอ” พลันเมื่อหญิงสาวกล่าวจบก็เป็นเสียงของภีมผู้เป็นนักร้องนำของวงที่เอ่ยขึ้นและมองเธออย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าจะเป็นเธอที่มายื่นข้อเสนอเองแบบนี้
“นั่งก่อนสิน้องวา ไม่ต้องเกรงใจ”
วารียิ้มรับบาง ๆ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวยาวพลางหันไปหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าราคาแพง เธอเลือกที่จะนิ่งให้มากที่สุดเพราะขืนทำอะไรพลั้งพลาดไปจะได้ควบคุมสถานการณ์ได้ทัน
“ที่ดิฉันขอนัดพวกคุณมาในวันนี้ก็เพราะต้องการจะยื่นข้อเสนออีกครั้งค่ะ” หญิงสาวเริ่มต้นงานของตัวเองอย่างไม่รีรอให้เสียเวลา เธอหยิบกระดาษที่อยู่ในซองเอกสารสีน้ำตาลออกมาซึ่งระบุข้อเสนอที่น่าสนใจมากมายและเธอเองก็หวังว่าพวกเขาจะต้องตอบตกลงกับสิ่งที่เสนอไป
“พูดธรรมดาก็ได้นะน้องวา คนกันเองอะ” ครามเอ่ยปนเสียงขำเมื่อเห็นท่าทีที่เป็นทางการของรุ่นน้องสาว เขาเพิ่งเจอเธอต่อหน้าก็จริงแต่ก็ดูออกว่าตอนนี้เธอเกร็งกลัดมากแค่ไหน
“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้ดิฉันอยู่ในเวลาทำงาน”
“งั้นก็พูดขอเสนอของเธอมา” พยัคฆ์เข้าประเด็นในทันทีเพราะเขาเองก็ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าลึก ๆ จะมีคำปฏิเสธหญิงสาวตรงหน้าแล้วก็ตาม
วารีเอ่ยข้อเสนอที่ทางบริษัทได้จัดทำขึ้นพิเศษสำหรับพวกเขา เธอเสนอตั้งแต่ข้อแรกซึ่งท่าทีของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ดูสนใจเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้เพราะข้อเสนอที่ลิสท์มานั้นมีมากกว่าห้าข้อ เธอเชื่อว่าต้องมีสักข้อที่จะทำให้พวกเขาตอบตกลงอย่างแน่นอน
แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น...
“ฉันไม่สนใจ”
พลันเมื่อเอ่ยข้อเสนอจบทุกข้อเสียงของพยัคฆ์ก็เอ่ยขึ้นในทันทีด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ผิดกับเพื่อนของเขาที่ต่างทำหน้าเจื่อนและหลบสายตาของหญิงสาวแทน
“เอ่อ...พี่ต้องขอโทษด้วยนะน้องวา คือพวกพี่ไม่...”
“ไม่มีข้อไหนที่ถูกใจเลยเหรอคะ สักนิดก็ไม่มีเลยเหรอ” หญิงสาวเอ่ยออกมาทั้งใบหน้าที่ง้ำงอ แถมตอนนี้ก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ที่ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธตั้งแต่หน้าที่แรกที่ได้รับมอบหมาย
“ไม่มี” พยัคฆ์ตอบกลับมาโดยไม่รอเว้นว่างแม้แต่วินาทีเดียว เขารู้สึกว่าเสียเวลามามากพอแล้วกับเรื่องนี้ ทั้งที่เขามีคำปฏิเสธที่แน่นอนว่าไม่พร้อมรับงานสายนี้อย่างชัดเจนแต่กลับถูกอ้อนวอนร้องขอซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่จบสิ้น
“วาทำให้ได้นะ” แววตาหวานสั่นไหวกวาดมองสิ่งรอบตัวเมื่อหมดหนทาง แต่ทว่าก็ดันเหลือบไปเห็นกองขยะที่สุมลวก ๆ อยู่มุมห้อง ทั้งยังพอรู้ว่ากลุ่มผู้ชายอย่างพวกเขาคงไม่ได้เคร่งครัดในเรื่องระเบียบนักหนา และนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งอย่างที่อาจจะทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจก็เป็นได้
“หือ?”
“วาทำความสะอาดให้ได้นะคะถ้าพวกพี่อยากได้แม่บ้าน วาทำให้ได้ขอแค่พวกพี่ตอบตกลง” ลืมเลือนหน้าที่ของตัวเองไปเสียสนิทกลับกลายเป็นว่าเธอหลุดบทบาทการเป็นฝ่ายประสานงานเพราะหมดหนทางที่จะร้องขอพวกเขาแล้ว
“บ้าน่าน้องวา” มือคีย์บอร์ดของวงถึงกับหลุดหัวเราะ นึกเอ็นดูคนตรงหน้าที่เอาแต่ทำหน้าง้ำงอเมื่อถูกปฏิเสธ
“วาพูดจริงนะ พวกพี่ตอบตกลงเถอะ...นะคะ ถือซะว่าช่วยวาเถอะนะ หรือว่าพวกพี่ต้องการผู้จัดการ เอาไหมวาเป็นให้ก็ได้ เป็นให้ฟรีเลยหนึ่งเดือนเต็ม ไม่ต้องเซ็นสัญญาแต่วาจะทำหน้าที่ให้อย่างดีเลย หรือจะไปทัวร์คอนเสิร์ตเหนือใต้วาก็ไปได้นะ”
วารีพรั่งพรูความในใจออกมาขอเพียงแค่พวกเขาตอบตกลงเท่านั้น ยอมเป็นแม่บ้าน ผู้จัดการ หรือเบ๊รับใช้ให้พวกเขาเลยหนึ่งเดือนเต็มถ้าหากเขายอมตกลงเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทของเธอ
หากลองเทียบกับการได้เลื่อนตำแหน่งเธอก็คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะลงแรงในครั้งนี้
“โอ้โห ใจเย็นก่อนนะคือพวกพี่...”
“นะคะ ถือซะว่าช่วยวาเถอะนะคะพี่ ๆ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังโอนอ่อนจึงทำให้หญิงสาวเชยใบหน้าขึ้นและส่งสายตาหวานเป็นประกายเพื่อออดอ้อนหวังให้พวกเขาตอบตกลงกับสิ่งที่ร้องขอ ใคร ๆ ก็ต่างพ่ายแพ้ให้กับสายตาของเธอทั้งนั้น เหล่านักดนตรีชายฉกรรจ์ก็คงไม่รอดพ้นไปได้หรอกกระมัง
“ขนาดนี้แล้วอะพวกมึง ตอบตกลงน้องไปเหอะ” เสียงของครามที่เอ่ยขึ้นทำให้วารียิ่งกะพริบตาปริบและพยักหน้ารัว ๆ กับคำพูดนั้น
“บอกความต้องการของเธอมาดีกว่าว่าทำไมถึงต้องยอมขนาดนี้” สีหน้าไม่ไว้ใจของพยัคฆ์ทำให้คนตัวเล็กหันขวับไปมองเขาด้วยหางตา ทั้งที่คนอื่นโอนอ่อนแต่มีเพียงเขาคนเดียวที่ยังคงมึนตึงกับเธอ
“ก็มันเป็นหน้าที่ของฉันนี่ ฉันอยากให้งานของฉันสำเร็จมันแปลกตรงไหน”
“บอกมา เผื่อว่าฉันจะเปลี่ยนใจ”
“ก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นหน้าที่ของฉัน!” หญิงสาวตวาดกลับไปเมื่อคนตัวโตยังคงไม่เชื่อในคำพูด
“ถ้าฉันไม่ตกลง ก็ไม่มีใครจะร่วมงานกับบริษัทเธอได้ทั้งนั้น บอกมา” เขามองเห็นแววตาของเธอและมันก็ทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังมีบางอย่างที่ปกปิดไว้อยู่
“ก็...เอ่อ คือว่า...”
“เฮ้ยไอ้เสือ มึงอย่าดุดิวะ ช่วยน้องเขาหน่อยเถอะ”
“มึงอยู่เฉย ๆ ไอ้กัส” ประโยคนั้นของพยัคฆ์ทำให้ออกัสยอมเงียบลงแต่โดยดี
“คือ...คือว่า ความจริงแล้วถ้าฉันทำงานนี้สำเร็จฉันจะได้เลื่อนตำแหน่ง!” หญิงสาวเอ่ยออกไปทั้งยังหลับหูหลับตาและเอาแต่ก้มหน้าเพราะกลัวสายตาของพวกเขาที่กำลังจดจ้อง
ไม่รู้ว่าการที่เธอเอ่ยความจริงออกไปแล้วจะทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจไม่ช่วยเหลือเธอแล้วหรือเปล่า
“ก็แค่นั้น”
ทว่าประโยคนั้นทำให้ใบหน้าหวานรีบเชยขึ้นสบประสานสายตาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความแปลกใจที่เขาไม่ได้เอ่ยปากบ่นหรือพูดอะไรต่อจากนั้นเลยสักนิด
“นะ...นาย เอ๊ย พวกคุณไม่ว่าฉันเหรอ” ถึงแม้ว่าจะสายไปแล้วแต่ก็คิดว่าควรกลับสู่บทบาทการในทำงานเสียยังตอนนี้ดีกว่า เธอเอ่ยถามกลุ่มคนตรงหน้าที่ตอนนี้ยกยิ้มบาง ๆ ดูท่าทางไม่ได้ติดใจกับคำตอบของเธอเลยสักนิด
“ว่าทำไมล่ะน้องวา แบบนี้พี่ยิ่งต้องช่วยเลย”
“แค่นี้ใช่ไหม ไม่ได้มีอย่างอื่นปิดบังใช่ไหม”
“ไม่มีแล้ว! ที่ต้องมาตามตื๊อก็เพราะจะได้เลื่อนตำแหน่งจริง ๆ ถึงต้องยอมเป็นทุกอย่างให้กับพวกคุณอย่างที่ต้องการเลยเพียงแค่ตอบตกลงน่ะ!”
หญิงสาวทำหน้ายุ่งใส่อีกครั้ง เธอต้องการให้พวกเขาตอบตกลงส่วนข้อแลกเปลี่ยนก็คือการได้เลื่อนตำแหน่งอย่างที่พูดไปนั่นแหละ หากมีอย่างอื่นที่เธอได้ผลประโยชน์มากกว่านี้ก็คงถวายตัวเป็นคนขับรถให้อีกหนึ่งหน้าที่ไปแล้ว!