บทที่2
พอดิวมาส่งที่คอนโดแล้ว ฉันก็พาณัฐมาที่รถ นายนั่นอาสาจะเป็นคนขับเอง แต่ฉันไม่ไว้ใจก็เลยไม่ให้ขับ
“ไหนพี่แป้งบอกพี่ดิวว่าต้องไปเก็บของอะ ผมเห็นสัมภาระพี่วางไว้พร้อมแล้วเนี่ย” ณัฐมองไปที่เบาะด้านหลังที่มีข้าวของของฉันวางอยู่
“อย่าถามมาก”
“พี่อยากอยู่กับผมสองต่อสองอะดิ” คำพูดชวนอ้วกของเขาทำให้ฉันเบาะปากในทันที คนอะไรหลงตัวเองชะมัด
“ฉันอยากอยู่คนเดียวต่างหาก” พูดจบฉันก็ออกรถไปทันที
ไอ้เด็กข้าง ๆ ก็ไม่นั่งเฉย ๆ รื้อของฉันดูเป็นว่าเล่น แถมยังบ่นว่ารกอีกต่างหาก มันน่านักเชียว
“พี่แป้ง...”
“อะไร” ฉันเหล่ตามองเขา เรียกฉันแต่ดันไม่พูดอะไรต่อ
“ผมกอดพี่ได้ป้ะ”
“ไม่ได้”
“แต่เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ ผมกอดพี่ประจำเลยนะ”
“แต่พอนายเริ่มโต ฉันก็ไม่ให้นายกอดแล้ว จำไม่ได้หรือไง” ฉันย้อนกลับไป เรื่องตั้งแต่สมัย 7-8ขวบนี่ขยันพูดจริง ๆ
“ก็ผมอยากกอดพี่อ่า กอดพี่แล้วอุ่นดี ให้ผมกอดเถอะนะ”
“ไม่ได้!”
“ชิ เออว่าจะด่าพี่ตั้งแต่แรกละ”
“นายว่าไงนะ นายจะด่าฉันเหรอ” ฉันได้ยินก็ควันออกหู จนต้องเปิดไฟเลี้ยวแล้วจอดเข้าที่ข้างทาง
“ก็ใช่อะดิ”
“ไอ้ณัฐ! นายนี่กลับมาคราวนี้กวนตีนมากเลยนะ กล้าดียังไงถึงจะด่าฉัน” ฉันชี้หน้าต่อว่าเขา
“กลับมาอะไร ผมไม่เคยหนีไปไหน มีแต่พี่นั่นแหละที่หนีผม ผมเฝ้ารอเวลาให้เรียนจบมอหกจะได้ตามมาเจอพี่”
“เออ นั่นแหละ แต่นายก็ไม่มีสิทธิ์มาด่าฉัน” ฉันเถียงเขาไม่ออก ก็เลยวนกลับมาเรื่องเดิม พร้อมทั้งบิดหูเขาด้วยความหมั่นไส้
“โอ๊ย ก็พี่ใส่กระโปรงโคตรสั้นเลยอะ”
“แล้วไง นี่ตัวฉันนะ”
“ก็ผมหวงพี่อะ”
คำพูดของเขาทำให้ฉันชะงักไป คลายมือที่ใบหูของเขาแต่ยังคงจับไว้อยู่
“เนี่ยปิดตรงนั้นไว้นิดเดียวเอง ขาพี่ก็โคตรขาว ขนาดผมเห็นผมยังมีอารมณ์เลย”
“กรี๊ดดดด ไอ้ณัฐ” ฉันบิดหูเขาเต็มแรง อยากจะบ้าตายกับไอ้เด็กนี่ คำพูดคำจานี่ชักเอาใหญ่แล้ว
“โอ๊ยยย พี่แป้งผมเจ็บนะ... นี่แหนะ ผมบีบบ้าง” เขาพูดพร้อมกับเอามือมาจับที่ขาฉับ อีกทั้งยังออกแรงบีบเบา ๆ
“ณัฐ! นายเอามือออกจากขาฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“พี่ก็เอามือออกจากหูผมดิ” เขาเลื่อนฝ่ามือขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะล้วงเข้ามาในกระโปรง ฉันจึงรีบปล่อยมือจากใบหูของเขาออก
“ฉันปล่อยแล้วนายก็ปล่อยสิณัฐ” ฉันหันไปแว้ดใส่เขา เพราะเขาไม่ยอมปล่อยมือออกจากขาฉัน
“พี่อย่าใส่สั้นแบบนี้อีกได้ไหม ผมหวงจริง ๆ อะ” เขามองหน้าฉันนิ่ง ๆ น้ำเสียงและสีหน้าบ่งบอกถึงความจริงจัง
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกระจกฝั่งฉันดังขึ้น ฉันจึงดันมือณัฐให้ปล่อยออกจากขาฉัน แล้วหันมามองที่กระจก เห็นว่าเป็นดิวที่ยืนอยู่ ฉันจึงลดกระจกลง
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงมาจอดรถอยู่ตรงนี้อะ” ดิวถามด้วยความเป็นห่วง
“เปล่า ๆ พอดีกำลังหาของอะ ก็เลยจอดรถไว้ แต่เจอแล้ว เดี๋ยวแป้งก็จะไปแล้วเนี่ย” ฉันตอบดิวกลับไป
“พี่ดิวขับตามมาเหรอครับ”
“เปล่า แต่ข้างหน้านี่เป็นคอนโดที่กูอยู่”
เออจริงสิ ข้างหน้านี้เป็นคอนโดที่ดิวอยู่นี่นา ฉันก็ดันใจร้อนจนรีบจอด แต่ก็ไม่ได้คิดด้วยแหละว่าจะเจอกัน
“แต่พี่ออกมาก่อนนะ ทำไมมาถึงคอนโดช้ากว่าล่ะ” ณัฐถามกลับไป ราวกับว่ากำลังจับผิดดิว
“ก็แวะซื้อข้าวมา อะนี่ แหกตาดูใบเสร็จ หรือจะไปดูกล่องข้าวที่รถก็ได้นะ” ดิวเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วส่งใบเสร็จให้ณัฐ เขาคงแวะซื้อร้านอาหารญี่ปุ่นของโปรดเขามา ฉันแอบเห็นโลโก้ตรงหัวใบเสร็จอะนะ
ณัฐไล่อ่านรายละเอียดแล้วก็ส่งใบเสร็จคืนให้ดิว สีหน้าเจื่อน ๆ ของเขาเดาได้ไม่ยากว่าที่ดิวพูดคือเรื่องจริง
“พี่ดิวไปได้แล้ว เดี๋ยวรถคันอื่นก็เฉี่ยวตูดพี่หรอก” ณัฐโบกมือไล่
“อือ… ดิวไปก่อนนะ ขับรถดี ๆ นะแป้ง” ดิวพูดจบก็ส่งยิ้มให้ ฉันพยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มกลับไป
ฉันขับรถออกมาเรื่อย ๆ อีกไม่นานก็จะถึงบ้านแล้ว ไอ้เด็กข้าง ๆ ก็หลับจนคอห้อย สงสัยเมื่อเช้าตื่นเช้ามากจนง่วงขนาดนี้
“ณัฐ ใกล้ถึงบ้านแล้ว” ฉันเอ่ยขึ้นมา แต่คนข้าง ๆ ก็ยังคงหลับอยู่
“ณัฐตื่นได้แล้ว” พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปจับแขนเขาแล้วเขย่าเล็กน้อย
“หื้อ” เขาสะดุ้งตื่น หน้าตาสะลึมสะลือของเขาทำให้ฉันหลุดยิ้มออกมา เพราะนึกถึงเขาเมื่อตอนเป็นเด็ก
“พี่ยิ้มไรอะ เป้าผมแตกเหรอ บ้าน่ามันก็ไม่ได้ใหญ่จนทะลุเป้าหรอก”
“โอ๊ย!” กำลังยิ้ม ๆ ไอ้บ้านี่ขัดซะหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“นายเลิกมองเป้าตังเองได้ละ อุบาทว์!” ฉันเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังคงมองสำรวจเป้าตัวเองไม่เลิก
“ไม่ให้ผมมอง เพราะพี่จะมามองให้ผมใช่ป้ะ มาดิ ๆ มามองดิ พี่ดูให้หน่อยว่ามันใหญ่ทะลุกางเกงเลยเปล่า” เขาดึงแขนฉัน โชคดีนะที่ฉันขับมาช้า ๆ เพราะกำลังจะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านแล้ว
“ไอ้ณัฐ! ทำไมนายทะลึ่งขนาดนี้นะ”
“ไม่รู้ดิ แต่ที่รู้คือผมคิดถึงพี่มาก ๆ เลยนะ พี่ไม่อยู่บ้านไม่มีใครให้ผมคอยกวนแบบนี้เลย” น้ำเสียงของเขาอ่อนลง ฉันเลยหันไปมองหน้าเขา
“ก็เพราะนายกวนไง ฉันก็เลยไม่อยากเจอนาย”
“ผมก็นึกว่าพี่หนีผมเพราะพี่กลัวจะหวั่นไหวกับผมซะอีก” ณัฐพูดจบก็ยักคิ้วให้ ฉันส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความระอา
รถมาจอดสนิทที่หน้าบ้านฉัน ณัฐเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินตรงลิ่วเข้าไป
“นี่ ๆ นายเข้าผิดหลังหรือเปล่า บ้านนายอยู่ข้าง ๆ ย่ะ”
“พี่อย่าพูดมากแล้วเดินตามผมเข้ามา”
เดี๋ยวนะ นี่บ้านใครกันแน่วะ? ฉันกลอกตาไปมา แล้วเปิดประตูด้านหลัง คว้ากระเป๋าเป้มาสะพายแล้วเดินตามณัฐเข้าไปในบ้าน
ฉันรู้เหตุผลละว่าทำไมณัฐถึงบอกแบบนั้น คุณอาบอยและคุณอานิ่ม พ่อแม่ของณัฐนั่งอยู่ในบ้านฉัน ก็คงมาร่วมรับประทานอาหารฉลองวันเกิดพ่อฉันนั่นแหละ