Chapter 3
หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง เวลาที่บอกผ่านบนหน้าปัดวงกลมบอกให้รู้ว่า เวลาเลิกงานของเธอยังเหลืออยู่อีกไม่นาน หญิงสาวตัดสินใจเดินไปขอหัวหน้าเวรออกก่อนเวลา
“พี่ตาคะ วันนี้รัณขอออกก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมคะ พอดีว่าคุณป้าหกล้มน่ะค่ะ”
“ไปเถอะ ทางนี้คงไม่มีอะไร อย่าลืมฝากงานค้างที่จะส่งต่อเวรบ่ายให้เพื่อนด้วยนะ”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำพร้อมกับยกมือทำความเคารพก่อนที่จะเดินออกไป
หลังจากที่ออกจากห้องทำงาน ดารัณเลือกกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องในคอนโดโรงพยาบาลก่อน หญิงสาวควานหาชุดในตู้หยิบชุดลำลองเรียบๆ ออกมาสวม แต่ถึงอย่างนั้นอกอวบอูมก็ดันล้นออกมาให้เห็นอกขาวรำไร เธอเลือกใช้กางเกงขาสั้นมากกว่ากระโปรง เพราะที่คอนโดเธอไม่ค่อยมีชุดติดไว้มากเท่าใดนัก ที่มีก็จะมีเพียงแต่ชุดกางเกงขาสั้นกับชุดนอนที่เธอเก็บเอาไว้ใส่ในห้องเท่านั้น
อาณาจักรโรงงานผลไม้กระป๋องของตระกูลที่ดารัณเคยมาไม่กี่ครั้ง เธอพอจำได้ลางๆ ว่า บ้านของยายอยู่หลังโรงงาน ดารัณหันรีหันขวางมองหาคนงานพอที่จะถาม หากแต่กลับไม่มีใครสักคน เวลานี้เป็นเวลาเลิกงาน พนักงานคงกลับบ้านกันหมดแล้ว
สองขาก้าวต่ออย่างกล้าๆ กลัวๆ หญิงสาวมองพร้อมกับสำรวจอย่างพินิจพิเคราะห์ พื้นที่ข้างหน้าที่เธอเดินผ่านมาคงจะเป็นโรงงานซีอิ๊วขาวอย่างที่ป้าของเธอเคยเล่าให้ฟัง จะว่าไปถนนหนทางก็ออกจะสะดวกไม่ได้คับแคบลำบากเหมือนอย่างป้าเธอบอกสักนิด เดินสำรวจไปจนเพลินในที่สุดหญิงสาวก็เดินเข้ามาถึงตัวโรงงาน
“ว้าย!!!” หญิงสาวร้องเสียงหลง จังหวะที่เธอเดินครุ่นคิดอย่างใจลอยก็ชนโครมกับใครบางคนเข้า ร่างบางอ้อนแอ้นของเธอลอยหวือเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนคนตัวโตอย่างง่ายดาย
กลิ่นลมหายใจอ่อนๆ ที่หญิงสาวสัมผัสไม่ได้บริสุทธิ์เท่าใดนัก เดาได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า กลิ่นลมหายใจนั้นเจือด้วยแอลกอฮอล์ในเลือดเข้มข้นเกินมาตรฐาน
“ปล่อยนะ” หญิงสาวดิ้นพร้อมกับร้องบอกอีกคน
บุรุษเพศที่เลือดปนน้ำเมายิ้มกริ่ม ดวงตาสีเข้มวาวโรจน์เมื่อเห็น เรียวขาขาวผ่องโผล่พ้นกางเกงขาสั้น อกอวบอิ่มดันยกทรงที่ซ่อนอยู่ในเสื้อกล้ามเน้นรูปทรงองค์เอว สะโพกผายรับกับเอวคอดราวกับปั้นแต่งทุกส่วนสัดให้ลงตัวเย้ายวนใจบุรุษเพราะไม่ว่าจะมองตรงส่วนไหนต่างก็เรียกแรงปรารถนาในกายของเพศตรงข้ามได้ไม่ต่างกัน เว้นเสียแต่ว่า ผู้ชายคนนั้นกามตายด้าน
ลำแขนแกร่งของเตชินรวบเอวไว้ด้านหลังไม่ยอมปล่อย มืออีกข้างตั้งใจเลื่อนตะปบทรวงอิ่ม แต่ทว่าเจ้าตัวกลับยกมือขึ้นปิดป้องไว้ได้ทันก่อนที่มือของไอ้หื่นจะจาบจ้วงโดนเนื้ออกหยุ่น
“ปล่อยนะ...ไอ้บ้ากาม!” หญิงสาวร้องเสียงดังเหวี่ยงตัวหนีพร้อมฟาดศอกกลับมาด้านหลังอย่างแรง ตรงจังหวะปลายจมูกเข้าพอดี
เลือดกำเดาแดงฉานไหลอาบลงมาที่คาง เตชินยกมือเช็ดลวกๆ เงยหน้ามองหญิงสาวอย่างคาดโทษ
“มันจะมากไปแล้วนะ หล่อนเป็นใคร คนงานในโรงงานหรือเปล่าถึงได้กล้าดีกับฉัน” เตชินตวาดลั่น เดินหน้าเข้าหาเหยื่ออย่างหื่นกระหาย เพราะสาวในโรงงานแห่งนี้ เขาแค่กระดิกนิ้ว ทุกอย่างจะต้องได้ดั่งใจ
“มันน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคนบ้ากามอย่างแก ฉันตั้งใจให้ฟันร่วงทั้งปากเลยด้วยซ้ำ...แต่คงลงน้ำหนักไม่มากพอ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว ไม่รู้จักลูกสาวชาวสวนเสียแล้ว
“หล่อนจะหวงตัวไปถึงไหน รู้ไหมว่า ฉันเป็นใคร”
“ขนาดตัวเองก็ยังไม่รู้ว่า ตัวเองเป็นใคร ไปลงนรกซะ!” หญิงสาวผลักอกชายหนุ่มออกแล้วรีบเดินหลบไปที่บ้านหลังโรงงาน แต่มือหนาของหนุ่ม ขี้เมาก็คว้าเอาไว้ได้เสียก่อน
“แล้วถ้าเปลี่ยนมาเป็นผัวล่ะ...หล่อนจะยังไม่รู้จักฉันอยู่ไหม” เตชินเดินย่างสามขุมเข้ามาหา
“ก็ลองดูสิ...ถ้าคิดว่า ฉันไม่มีมือล่ะก็” หญิงสาวตั้งการ์ดจ้องหน้าอีกคนนิ่งไม่วางตา ทั้งที่ไม่เคยเรียนการต่อสู้สักครั้ง แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็สอนให้เธอทำ
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเอื๊อก เดินเซเข้าหาหญิงสาว อารามตกใจเธอเพียงผลักอกหนุ่มร่างใหญ่ก็หงายหลังตึง เว้นช่วงจังหวะให้หญิงสาวได้วิ่งออกไปสุดแรงที่มี
“วิ่งหนีอะไรมา” เสียงของผู้เป็นป้าร้องทักหยุดจังหวะการก้าวของหญิงสาว เพราะความตกใจกลัวทำให้เธอลืมแม้กระทั่งเรื่องราวที่ต้องดั้นด้นมาที่นี่
หญิงสาวชี้มือไปที่ต้นทางที่เธอวิ่งมา ปลายจมูกโด่งยังปล่อยลมถี่หอบเป็นระยะ
“ไอ้บ้ากาม! มันจะปล้ำหนู”
“ไหน!” นางจินตนามองตาม แต่ก็เห็นเพียงลูกชายของตัวเองที่เดินตัวโย้เอียงเป็นปูขาเกมา
“ไอ้คนที่มันกำลังเดินมานั่นล่ะค่ะ มันเป็นคนงานที่โรงงานใช่ไหม”
“คนนั้นเตชินพี่ชายของหนูรัณจ้ะ” นางจินตนาบอกความจริง ถึงจะเป็นเรื่องร้ายแต่ก็เข้าทางนางเหมือนเดิม
“เห็นไหมล่ะ! รัณลองคิดดูสิ เหมือนอย่างที่ป้าบอกหรือเปล่า ป้าเองก็แก่มากแล้ว มีลูกชายกับเขาคนเดียวก็ไม่ได้เรื่องได้ราว เห็นอย่างนี้ป้าก็นึกถึงแต่รัณที่จะพอฝากฝีฝากไข้ได้ รัณเองก็เหลือตัวคนเดียวแล้ว ไปมาบ้านสวนกับที่ทำงานก็อันตราย ย้ายมาอยู่กับป้าเสียที่นี่เถอะนะ เรื่องบ้านสวน ถ้าไม่ขายก็จ้างคนดู รัณอยู่ตรงนั้นก็ต้องจ้างเขาอยู่ดี” นางจินตนาเอาไม้นวมเข้าใช้ แกล้งบีบน้ำตา
ดารัณลังเล ขืนเธอมาอยู่ที่นี่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย เธอกับ เตชินไม่ได้เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน อีกทั้งการเลี้ยงดูที่แตกต่าง กับความห่าง ทุกสิ่งล้วนเป็นตัวแปรที่รับประกันไม่ได้ทั้งสิ้น
“ถ้าหล่อนยังลังเลก็ไม่เป็นไร เข้าไปในบ้านก่อนเถอะ พอดีคุณทนายเขามาพบป้า” สิ่งที่จินตนาบอกยิ่งสร้างความงุนงงให้หญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง ป้าของเธอไม่ได้มีอาการป่วยอย่างที่ได้รับสาส์น
แล้วเรื่องทนายมาเกี่ยวอะไรกับตัวเธอ...
“หมายความว่าอะไรคะ”
“ป้าอยากช่วยหนูเรื่องหนี้สิน ก็เลยปรึกษาคุณทนาย หนูแค่เซ็นเอกสารบางอย่างให้ป้าก็พอ ที่เหลือป้าจะให้ทนายจัดการ”
“หนูงงไปหมดแล้วนะคะ คุณป้ารู้เรื่องหนูได้อย่างไร” ดารัณมองป้าสลับทนายอย่างแปลกใจ เธอไม่เคยบอกกล่าวเรื่องราวใดๆ ให้ผู้เป็นป้าฟัง สักครั้ง
“ป้ารู้ว่า พ่อเรามีหนี้สินจนต้องฆ่าตัวตายเอาประกัน” คนเป็นป้าบอกเนิบนาบ ถ้าเป็นหลายคนมองก็คงเหมือนแม่พระมาโปรด แต่สำหรับดารัณที่ใช้ตรรกะมากกว่าความรู้สึกกลับไม่สบายใจ
เรื่องราวต่างๆ มากมายเกี่ยวกับการปรากฏกายของนางจินตนาชวนให้เธอได้คิด ทั้งเรื่องงานศพพ่อที่สูญเสียกะทันหัน นางก็รู้ ทั้งที่เกลียดครอบครัวของเธอเข้าไส้ รวมถึงเรื่องหนี้สินที่หญิงสาวไม่เคยปริปากบอกใครนอกจากหมอกรุณพล แล้วเธอก็มั่นใจเกินร้อยว่า หมอหนุ่มไม่มีทางปริปากพูดเรื่องของคนอื่นแน่นอน
“คุณป้ารู้เรื่องได้อย่างไรคะ” หญิงสาวถามย้ำ
“ก่อนตายพ่อของรัณแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากป้า แต่ป้ายังไม่ได้ช่วยก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ป้าอยากทดแทนความรู้สึกผิดให้ครอบครัวของรัณ” นางจินตนายกคนตายขึ้นมาอ้าง อย่างไรเสียก็ไม่สามารถพิสูจน์อะไรจากศพได้
ดารัณมองหน้าคนเป็นป้าอย่างชั่งใจ ทั้งที่ไม่เชื่อสักนิดว่า บิดาของเธอจะบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ลั่นวาจาว่าเกลียดพวกเธอ แต่วินาทีนี้เธอคงจะพิสูจน์อะไรไม่ได้ เพราะหลักฐานและข้อมูลของคนอ้างก็น่าเชื่อถือมากพอ
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ถือว่าป้าขอไถ่โทษกับครอบครัวของหนูก็แล้วกัน”
“แต่รัณคงรับเงินคุณป้าเอาไว้เฉยๆ ไม่ได้” หญิงสาวบอกอย่างเกรงใจ เข้าทางนางจินตนาที่สบช่องหาโอกาสเอาคืน นางต้องได้สักอย่าง ถ้าดารัณไม่แต่งงานกับลูกชายเจ้าของโรงงานซีอิ๊วขาว นางก็ต้องได้ที่สวนของดารัณมาตั้งโรงงานใหม่
“ถ้าอย่างนั้นรัณก็แต่งงานกับเสี่ยภากรสิ แล้วรัณก็จะสบายไปตลอด”
“ไม่นะคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ถ้ารัณไม่แต่ง ป้าก็จะไม่บังคับรัณอีกต่อไป แต่หนูต้องไปเซ็นเอกสารเรื่องหนี้ไว้ให้ป้านะ ป้าจะให้ทนายไปจัดการให้” หญิงสาว พยักหน้ารับอย่างจำยอม เธอไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ในเมื่อญาติผู้ใหญ่ยื่นมือมาช่วยเหลือเธอก็ควรจะลดทิฐิรับเอาไว้ก่อนไม่ใช่หรือ เอาไว้เธอค่อย หาคืนทีหลังก็ยังไม่สาย
“คุณทนาย ช่วยนำเอกสารที่เตรียมไว้มาให้หลานสาวดิฉันเซ็นหน่อยค่ะ” นางจินตนาร้องเรียกทนายประจำบริษัทอย่างอารมณ์ดี