หลายชั่วโมงต่อมา
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว ฉันอาบน้ำและแต่งตัวเตรียมเข้านอนหวังว่าเฮียเต้จะกลับเข้ามาแต่ก็ไม่มีวี่แววเลย หรือเป็นเพราะฉันเข้ามาอยู่ในห้องของเขาทำให้ไม่อยากกลับมากันนะ เขาเกลียดฉันขนาดนั้นเลยหรอ
ครืด~ ครืด~
ฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดรับสายของแม่เกือบลืมไปแล้วเพราะมัวแต่จัดระเบียบห้อง
"คะแม่"
(เป็นยังไงบ้างชา อยู่ได้ใช่มั้ยลูก) เสียงของแม่ทำเอาฉันแทบน้ำตานอง ไม่บ่อยนักหรอกที่ต้องห่างกันแบบนี้ ยิ่งได้ยินคำถามจากน้ำเสียงที่คอยเป็นห่วงแบบนั้นแล้วยิ่งอยากร้องไห้
"อยู่ได้ค่ะ ชามีเฮียแล้วนี่" มีซะที่ไหนกันตอนนี้หนีไปเที่ยวทิ้งฉันอยู่ในห้องคนเดียวแล้ว
(งั้นแม่ก็สบายใจแล้วล่ะ ไว้อาทิตย์หน้าแม่จะไปหานะขอโทษที่ไม่ได้ไปส่งนะลูก)
"ไม่เป็นไรค่ะ แล้วพ่อล่ะคะ" ตั้งแต่วันนั้นพ่อก็พูดกับฉันน้อยลงเหมือนจะยังโกรธๆ อยู่ที่ฉันทำตัวเหลวไหล
อันที่จริงมันก็รู้สึกผิดกับความคิดตื้นๆ ของตัวเองอยู่หรอกแต่จะทำยังไงได้มันผ่านมาถึงจุดนี้แล้ว
(พ่ออยู่ข้างๆ นี่แหละจ่ะ ลูกรีบพักผ่อนเถอะนะดึกแล้ว)
"ค่ะ พ่อแม่ฝันดีนะคะ"
(ฝันดีลูก พ่อแม่รักลูกนะ)
"หนูก็รักพ่อกับแม่ค่ะ"
พอวางสายจากแม่ฉันก็กดโทรออกหาเบอร์เฮียเต้ที่ตอนนี้ถูกบันทึกชื่อของเขาเอาไว้ว่า'คุณสามีที่รัก' โทรไปอยู่สองสามครั้งปลายสายก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับสายเลย แล้วฉันก็ไม่มีเบอร์เพื่อนของเขาด้วยสิจะไปตามหาได้ที่ไหนกัน
พอรู้ตัวว่าเขาคงไม่มีทางรับสายจึงเปิดแอพพิเคชั่นไลน์ ซึ่งมีข้อความของเราที่เคยคุยกันในอดีตแต่มันนานหลายเดือนแล้ว เพราะเค้าไม่ค่อยตอบข้อความของฉันเท่าไหร่ จึงไม่ได้ทักไปอีกแต่แอบไปหาเขาที่บ้านแทนเพราะยังไงเขาก็หนีฉันไม่พ้นอยู่แล้ว มันอาจจะดูน่ารำคาญสักหน่อย หรือมากเลยทีเดียวสำหรับเฮียแต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อฉันชอบเขานี่นา และหวังว่าสักวันเขาคงจะหันกลับมามองฉันบ้าง
Bai-cha : เฮียกลับมาเลยนะ อย่าทิ้งชาไว้คนเดียวสิ
ส่งข้อความนั้นไปแล้วฉันจึงวางโทรศัพท์มือถือของตัวเองทิ้งไว้บนเตียงเดินไปเปิดโทรทัศน์ ดูรายการทีวีเรื่อยเปื่อยเพื่อรอให้เฮียเต้กลับมา
อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้วยังพอมีเวลาได้เที่ยวเล่นอีกสักหน่อย ส่วนพรุ่งนี้มีนัดเข้าไปคณะตอนบ่ายเพราะรุ่นพี่จะชี้แจงเรื่องรับน้องและแนะนำเรื่องการลงทะเบียนเรียน วันนี้ฉันจึงนอนดึกได้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ฉันจะรอจนเฮียเต้กลับมา...
แกร๊ก!
"อื้อ~"
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ฉันเผลอหลับบนโซฟาหน้าโทรทัศน์จอยักษ์จนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น
"..." สีหน้าของเฮียดูเรียบนิ่งไม่แสดงอาการเมามายเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังเมินฉันอีกด้วยการเดินผ่านไปเหมือนฉันไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้
"เฮียไปไหนมา โทรไปก็ไม่รับ"
"ยุ่ง"
"ทำไมจะยุ่งไม่ได้" รู้ตัวนะว่าฉันมันน่ารำคาญแต่เมื่อแต่งกันแล้วเฮียก็ต้องใส่ใจฉันบ้างสิ
"..." แล้วเฮียก็ไม่ตอบเดินดุ่มๆ เข้าไปอาบน้ำ ฉันที่ง่วงอยู่แล้วก็ไม่หาเรื่องต่อเดินเข้าห้องไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงซะเลย
พอเฮียเต้อาบน้ำเสร็จก็ออกมาทั้งผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่ จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใส่สบายแล้วหยิบหมอนดึงผ้าห่มที่ฉันใช้อยู่ออกไปจากห้อง
"อะไรของเฮียวะ ก็มานอนบนเตียงดิแล้วทำแบบนี้ชาจะเอาอะไรห่ม"
"ฉันไม่อยากนอนกับเธอ"
หลังจากที่เฮียเต้ตอบมาแบบนั้นฉันก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรให้รำคาญอีก หยิบเสื้อแขนยาวกันหนาวมาใส่นอนแค่นั้นก็จบเรื่อง จะไม่ให้ห่มก็ไม่เป็นไร จะไปนอนที่ไหนก็เรื่องของเฮียเถอะ ง่วงจะตายแล้ว
พรุ่งนี้ค่อยคิดแผนที่จะทำให้เฮียรักแล้วกันวันนี้ช่างหัวเฮียเถอะ
เช้าวันต่อมา
ตื่นเช้ามาฉันก็เห็นเขานอนอยู่ตรงโซฟาตัวใหญ่ ห่มผ้าเปิดเครื่องปรับอากาศอย่างสบายๆ เพราะพื้นที่โซฟาค่อนข้างกว้างพอสมควร
ฉันจัดการทำอาหารเช้าเก็บเสื้อผ้าของเฮียไปซักให้เรียบร้อย หยิบเสื้อผ้านักศึกษาของเขาและของตัวเองออกมารีดให้จนกระทั่งสายๆคนที่หลับยาวก็ตื่นขึ้นมา
"เฮียไม่เคยใส่ช็อปให้ชาเห็นเลย อยากเห็นจัง" ฉันยิ้มแล้วรีดเสื้อช็อบให้เขาคิดภาพแล้วคงเท่น่าดู
"อย่าทำรอยแล้วกัน"
"เกียร์ล่ะอยู่ไหน" ฉันจัดการเก็บเสื้อที่รีดเสร็จใส่ไม่แขวนแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินเรื่องเล่าจากเพื่อนเกี่ยวกับเกียร์ของคณะวิศวะ
ส่วนใหญ่เขาจะเอาให้คนที่ตัวเองรักเพื่อเป็นสิ่งแทนใจนี่นาแล้วเฮียเอาให่ใครไปหรือยังนะ
"ถามทำไม" คนหน้ายุ่งถามแล้วปรายตามองอย่างหาเรื่อง "อย่าคิดว่าจะเอาไป ถ้ารู้ว่าเธอแอบเอาไปตายแน่"
"แอบทำไม ก็มันต้องเป็นของชาอยู่แล้วป่ะ" ถ้าเฮียพูดแบบนั้นแปลว่ายังไม่ได้ให้ใครไปแน่นอน
"ทำไมต้องเป็นของเธอ"
"เกียร์ก็ต้องให้แฟนไง นี่เมียเลยนะจะไม่ให้ได้ยังไง"
"ฉันจะให้คนที่ฉันรักเท่านั้น และคนคนนั้นคงไม่ใช่เธอ" พูดไม่ถนอมน้ำใจกันเลย ฉันก็คนนะเว้ยถึงจะรู้ตัวว่าชอบกวนประสาท แต่เฮียมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วนะจะไปรักใครอีก
"เดี๋ยววันหนึ่งเฮียก็ต้องเอามาให้ชาอยู่ดี"
"ไม่มีวันนั้นหรอก ฉันมั่นใจ" เฮียจะบอกว่าไม่มีทางรักฉันเหรอ คนเรามันก็ต้องหวั่นไหวให้กันซักวันน่า น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนเลยนับประสาอะไรกับหัวใจที่เป็นแค่ก้อนเนื้อนุ่มนิ่ม
"ไม่คุยด้วยดีกว่า แล้วอย่ามาร้องไห้เพราะรักใบชาหัวปักหัวบำแล้วกัน"
"สิ่งที่เธอพูดมามันมีความเป็นไปได้ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เลยด้วยซ้ำ ยัยงั่ง"
ว่าแล้วก็เดินหนีไปทางอื่นแบบไม่สนใจฉันอีกเลย เก่งจังเลยนะเรื่องทำร้ายจิตใจคนอื่นน่ะ แต่คนอย่างใบชาแค่นี้ไม่สะทกสะท้านหรอก เฮียเคยปฏิเสธมาเป็นร้อยๆครั้งแล้วยังรอดมาได้ถึงตอนนี้เลย