...ดวงตาคมจับจ้องมองเจ้าของคำพูดไร้เยื่อใยนี้ด้วยความเจ็บปวด เขาพยักหน้าหงึกหงักรับคำตอบอย่างตรงไปตรงมาและไม่คิดถึงจิตใจของเขา
“งั้นเธอต้องเอาลูกมาให้ฉันเลี้ยง พาขวัญเป็นลูกฉัน”
“ไม่! คุณไม่เคยเลี้ยงดูเธอ”
“ถ้าได้เลี้ยงฉันเลี้ยงได้ดีกว่าเธอแน่...” พาวินท์โมโห นี่ก็ไม่เอา นั่นก็ไม่เอา...เขาจะรับผิดชอบก็ไม่ให้ เอาใจยากเสียจริงผู้หญิงคนนี้
“ฉันรู้ ไม่ต้องมาย้ำ ฉันก็เลี้ยงตามมีตามเกิด จะเลี้ยงให้สุขสบายได้ยังไงก็มันมีเท่านี้ ใครจะไม่อยากให้ลูกสบาย”
“เธอไง”
“_”
“ถ้าเธอลดศักดิ์ศรีตัวเองลงบ้าง แค่เดินมาบอกว่าท้อง...มันก็คงไม่แย่ไปกว่านี้” ปานวานมองเจ้าของคำพูดด้วยความรู้สึกโกรธเคืองไม่ต่างกัน จะฟาดงวงฟาดงามาเธอก็พร้อมสู้คืน
“แล้วมั่นใจมากแค่ไหนว่าผู้ชายอย่างคุณจะเลี้ยงเธอได้ดีกว่าฉันนอกจากมีเงิน...คุณก็แค่ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง” ปานวาดว่าอย่างโมโห เธอไม่มีเงินก็จริง แต่มั่นใจว่าเลี้ยงดูพาขวัญด้วยความรักมาโดยตลอด ทว่า
“หึ จะเอาอย่างนี้ใช่ไหม เธอจะสู้กับฉันใช่ไหม...”
“_”
“ไม่ต้องไปทำงานที่โรงงานอีก ฉันไล่เธอออก!”
“ห้ะ บ้าหรือไง! คุณกำลังใช้อำนาจของคุณในทางที่ผิด ฉันทำงานมานานมากแค่ไหน ทำงานให้บริษัทของคุณมาเป็นสิบ ๆ ปีแต่คุณกลับใช้อำนาจของคุณในทางที่ผิด...”
“แล้วไม่ได้หรือไง”
“_”
“ฉันจะทำให้เธอยอมฉันให้ได้!” เขาเค้นเสียงออกมาก่อนจะลงจากเตียงนอนด้วยความโมโหสุดขีด ขืนยังอยู่มองหน้ากันคงได้ลงไม้ลงมือกันอีกแน่ ถ้าได้ทำคราวนี้เขาจะไม่หยุดเลยคอยดู
...พาวินท์ลุกขึ้นยืน ก่อนที่เจ้าของร่างบางจะลุกขึ้นตาม เธอห่อร่างด้วยผ้าห่มผืนใหญ่
“เสื้อผ้าฉันล่ะ”
“เอาทิ้งไปแล้ว”
“ห้ะ...นั่นมันชุดทำงานของฉันนะ!” พาวินท์ไหวไหล่ขึ้นอย่างไม่ยี่หระพร้อมกับคว่ำปากลงเพื่อเยาะเย้ยเธอ
“ก็บอกให้เลิกทำงาน”
“นายมัน...” ชายหนุ่มสั่นหัวดุกดิกอย่างคนอารมณ์ดีที่ทำให้เธอโมโหได้ เขาไม่อยากทำแบบนี้หรอก แต่พูดดีด้วยเจ้าตัวกลับไม่ยอมก็ต้องบังคับกันสักหน่อย ทว่าพอเห็นหน้าของเธอเขาก็อยากเจรจาด้วยดี ๆ
“เฮ้อ...ถ้าเธอยอมฉันปานวาด ฉันจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้ จะมีแค่เธอ...ช่วยเธอเลี้ยงลูก จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ...”
“_”
“อดีตของเรา ฉันไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปให้เธอโกรธ แต่ฉันสัญญาจะไม่ทำมันอีก” พาวินท์สบตากับเธอ เขามองใบหน้าซีดเซียวนี้ด้วยความรู้สึกจริงจัง ทว่า
ตื๊ด~
เสียงออดหน้าห้องกลับดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน พาวินท์รีบไปเปิดประตูแม้นว่าจะยังคุยกับปานวาดยังไม่จบดี ซึ่งชายหนุ่มคิดว่าเป็นไรอัลที่พาลูกสาวกลับมาหาเขา ทว่า
แกร็ก~
“คุณพาวินท์คะ...”
ปัง!
“ฉิบหาย...” พาวินท์หันขวับมามองปานวาด ซึ่งเธอยังคงอึ้งกับใบหน้าของผู้หญิงคนเมื่อครู่ เหมือนเคยเห็นผ่านทีวี ถ้าจำไม่ผิดเธอชื่อไข่มุกเป็นดาราหน้าใหม่ ขณะเดียวกันสิ่งที่เห็นทำเอาพาวินท์อยากเอาหัวโขกพื้น เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว เมื่อครู่ปานวาดกำลังคล้อยตามแล้วเชียว
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ ไม่ใช่...”
“หึ พูดไม่ทันขาดคำเลยนะ” หญิงสาวเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน ขณะที่ผู้หญิงนอกประตูก็รัวกดออดไม่หยุด ก่อนที่ปานวาดจะเดินไปที่ห้องแต่งตัว หากว่าเขาเอาซื้อผ้าเธอไปทิ้งอย่างน้อยเธอต้องได้ใส่เสื้อผ้าของเขาออกไป ทว่าพอเปิดตู้เสื้อผ้าออกก็พบกับเสื้อผ้าของผู้หญิงจำนวนมาก
“เหอะ! ไม่อยากจะเชื่อเลย”
“ปาน...ฉันอธิบายได้ ฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมาทำไม แต่ฉันไม่ได้...อะไรด้วยเลย”
“แต่คุณมีเสื้อผ้าผู้หญิงเยอะนะ ว่าง ๆ ใส่เล่นเหรอจ๊ะ”
“ปาน...” ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผมด้วยความรู้สึกเวทนาตัวเอง นั้นมันก่อนที่เขาจะรู้ว่าเธอมีลูก ขณะที่ปานวาดก็ไม่อยากคุยอะไรกับเขาแล้ว เธอหยิบเสื้อกับกระโปรงผู้หญิงมาสวมใส่ “เมื่อกี้...มีคนโทรมาบอกให้เธอไปทำงานแต่ฉันปฏิเสธไปแล้วล่ะ”
“อะไรนะ...”
“เลิกทำงานได้แล้ว” ปานวาดใส่เสื้อผ้าเสร็จก็ต้องตกใจกับคำพูดของคนตัวโต ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของเขา
“อย่ายุ่งกับงานของฉัน เราต่างคนต่างอยู่แล้ว”
“ไม่ ฉันไม่ยอมละ...เป็นไงเป็นกัน”
“อะไร...”
“ก็อย่างที่บอก ฉันจะเอาเธอมาเป็นเมียฉันให้ได้” ชายหนุ่มว่าน้ำเสียงหนักแน่น ซึ่งตอนนี้เสียงกดออดก็เงียบไปแล้ว ไม่คิดว่าไข่มุกจะมาเวลานี้ จังหวะชีวิตช่างขยันเล่นตลกกับชีวิตของเขาเสียจริง
“_” ปานวาดไม่สนใจคำพูดของเขา ร่างบางเดินไปหยิบเอาโทรศัพท์มือถือเตรียมจะออกจากห้องของเขาไป ทว่า
“ถ้าเธอกินข้าวกับฉัน ฉันจะ...ไม่ไล่เธอออก”
กึก!
“_” พาวินท์กระตุกยิ้มเมื่อเจ้าของร่างบางชะงักฝ่าเท้าพร้อมกับหันมามองเขา ซึ่งปานวานก็มีสีหน้าครุ่นคิดไม่มั่นใจในคำพูดของคนนิสัยไม่ดี
“ฉันพูดจริง ไม่ไล่ออกถ้าเธอกินข้าวกับฉัน...” ชายหนุ่มอยากกินข้าวกับเธอ เขาอยากให้เธอกินอะไรดี ๆ และอยากคุยเรื่องลูกกับเธอสักหน่อย...