บทที่ 9 ซ้ำเติม 2

1543 Words
ดึกดื่นค่อนคืน...ปานวาดกลับมาจากทำงานแม่บ้าน ซึ่งวันนี้ระยะทางก็ไกลเหลือเกิน แต่ถ้าไม่ไปเงินก็ไม่พอใช้ในแต่ละวัน หญิงสาวค่อย ๆ ก้าวขาขึ้นอะพาร์ตเม้นต์ของตนพร้อมกับมองหน้าจอโทรศัพท์อ่านข้อความที่คนเป็นลูกส่งมาหา [แม่ไม่ต้องรอหรอกนะ นอนเลยนะ อย่าให้หนูเห็นว่าแม่นั่งรอนะ] ปานวาดกระตุกยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็นอนไม่หลับหรอกหากว่าลูกสาวยังไม่กลับบ้าน ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรแล้ว มันจุกที่อกหากว่าเห็นพาขวัญโกรธเธอ อยากตีก็กลัวลูกเจ็บ อยากบังคับก็กลัวว่าลูกจะโกรธ รักมาก รักจนไม่รู้ว่าต้องเลี้ยงดูเด็กวัยนี้อย่างไรดี ทว่า กึก! “ทำลายให้หมด! หึ...เอาให้รู้ว่าอย่าคิดมายุ่งกับลูกชายของฉันอีก!” เสียงตะคอกของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งดังอยู่หน้าห้องเช่าของเธอ ปานวาดตาโตที่เห็นของใช้ของเธอแต่ละชิ้นถูกโยนออกมานอกห้องพักโดยมีผู้หญิงเจ้าของเสียงนี้ชี้นิ้วสั่ง “ทำอะไรน่ะ!!” หญิงสาวตะโกนเสียงออกมาด้วยความโมโหสุดฤทธิ์ ของใช้แต่ละชิ้นกว่าจะหาเงินซื้อได้มันไม่ใช่ง่าย ๆ ทว่า “มาแล้วเหรอ...นี่น่ะเหรอ หึ แม่นังเด็กนั่น” ปานวาดตาโตขึ้นมา ดูจากคำพูดคำจาของผู้หญิงคนนี้ก็พอเดาออกว่าเธอต้องการอะไร และเป็นแม่ของใคร “อย่ายุ่งกับของของฉันนะ! มีสิทธิ์อะไรมา...ฮึก มาทำลายของใช้ของฉัน!” “นี่เรียกของใช้เหรอ...หึ นึกว่ากองขยะ” พิณนภาเหยียดยิ้ม ขณะที่ปานวาดค่อย ๆ ก้าวขาอย่างช้า ๆ มองดูข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกชายฉกรรจ์สามคนรุมทำลายระเนระนาดไปกับพื้นด้วยหัวใจที่แหลกสลาย ...ร่างบางสั่นเทาด้วยความโกรธ น้ำตาหลั่งรินอาบแก้มใส ปานวาดกำฝ่ามือเข้าหากันแน่นจนปลายเล็บจิกลงกลางฝ่ามือ เธอหันไปมองผู้หญิงคนนี้ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความโกรธ “ฉันไปทำอะไรให้!! ทำไมต้องทำอะไรแบบนี้!!” “แกไม่ได้ทำ แต่ลูกของแก...หึ” ปานวาดพยักหน้าเข้าใจพลางกัดฟันไปด้วย ก่อนจะปรี่เข้าไปหมายจะทำร้ายหญิงอาวุโสกว่าด้วยความโกรธแทนลูกสาว “กรี๊ดด!! แกจะทำอะไรฉัน!” ทว่า หมับ! “คุณนายครับ!!” ฝ่ามือหยาบกร้านของชายฉกรรจ์ตัวโตก็คว้าข้อมือของเธอไว้เสียก่อน “จับมันไว้ อย่าให้มันเอามือสกปรก ๆ มาจับหน้าฉัน ให้ตายเถอะ...น่ารังเกียจจริง ๆ” “ฮึก ปล่อย!! ปล่อยฉัน...อึก ปล่อย” เรี่ยวแรงสาบสูญ ร่างบางสั่นระริกด้วยความเสียใจ เธอก้มหน้าลงมองพื้นด้วยร่างที่ไร้เรี่ยวแรง เสียใจจนไม่รู้ว่าจะเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา มันเจ็บปวดไปเสียหมด ...สงสารก็แต่พาขวัญ เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าครอบครัวของเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้ยอมรับคนจน ๆ อย่างเธอ แต่ลูกสาวก็มโนไปไกลเกินจะกู่กลับ “อะไรของมัน หึ! บอกลูกแกซะสิ สั่งสอนว่าอย่าคิดมาเกาะลูกฉันกิน ไร้ยางอายที่สุด!” “_” ปานวาดไม่ได้ตอบอะไร เธอตัวอ่อนปวกเปียกราวกับถูกกระชากวิญญาณออกจากร่าง ซึ่งทันทีที่ชายตัวโตปล่อยฝ่ามือออก ร่างบางก็ล้มฟุบลงพื้นทันที ตุบ! “ฮึก อือ~” ไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้ อยากจะโต้ตอบกอบกู้ศักดิ์ศรีลูกสาว แต่วันนี้มันหนักเอาการสำหรับเธอ “จำใส่กะโหลกของแกไว้ อย่าคิดวางแผนมาเกาะลูกฉันกิน...” พิณนภาเหยียดยิ้มอย่างนึกสมเพช “กลับ!...เหม็นสาบชะมัด” ...ราวกับโชคชะตารอซ้ำเติม ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าลูกสาวของเธอจะเสียใจ พาขวัญดูรักเด็กหนุ่มคนนั้นมาก หากว่าพวกเขาไม่ยอมรับคนเป็นลูก...ความเจ็บช้ำนั้นลูกสาวจะรับได้ไหม เธอคงเกลียดแม่คนนี้มาก “ฮึก...ฮือ~” แม้นผู้หญิงคนนั้นจะไปแล้วแต่ร่างบางยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น เธอมองเศษซากของใช้ที่พังทลายลง เรียกได้ว่าเป็นทรัพย์สินทั้งชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ มันไม่เหลือแล้ว “อึก...ฮืออ” ไม่รู้เลยว่าลูกสาวจะนอนอย่างไร พัดลมพังขนาดนั้น พาขวัญนอนไม่หลับแน่ อากาศก็ร้อน ยิ่งนึกก็ยิ่งเสียใจ เงินติดตัวก็มีไม่กี่ร้อย เฝ้ารอเงินเดือนที่จะออกสิ้นเดือนนี้ก็ต้องรออีกหลายวัน แถมเงินก็เพิ่งหมดไปกับค่าฝังยาคุมของลูกสาว “...ฮึก” หญิงสาวสะอื้นไห้ ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ เก็บซากปรักหักพังของใช้ที่เธอหามาตั้งแต่ก้าวขาออกจากบ้าน น้ำตานองหน้าจนมองไม่เห็นอะไร ยกแขนขึ้นปาดน้ำตาจนแขนเสื้อเปียกชุ่มไปหมดแล้ว “วันนี้มัน...ฮึก วันอะไรกัน” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ แม้นจะเหนื่อยกับงานและเรื่องราวของวัน แต่ก็อยากรีบเก็บของไม่อยากให้พาขวัญมาเห็นแล้วตั้งคำถาม เกรงว่าลูกจะรู้ว่าฝั่งนั้นเขารังเกียจคนจน ๆ แบบเธอมากแค่ไหน... ...ขณะเดียวกันบนรถคันหรู กว่าพาวินท์จะรู้ความก็ตามหาแฟ้มประวัติของปานวาดอยู่นาน เพราะเธอทำงานมานานมากคอมพิวเตอร์ยังไม่ได้บันทึกข้อมูลไว้ ดีที่ในใบสมัครงานของเธอระบุที่อยู่ชัดเจน กระนั้นเขาก็เกรงว่าเธออาจจะย้ายที่อยู่แล้ว “ถึงแล้วครับ...” พาวินท์หันไปมองนอกหน้าต่างบานกระจกรถคันหรู เขามองอะพาร์ตเม้นต์หลังเก่าคร่ำครึนี้ด้วยสายตานิ่งเรียบ ก่อนจะข่มตาลงเมื่อจินตนาการว่าลูกสาวของเขาคงลำบากน่าดู “เธออยู่ชั้นเจ็ด ห้อง 258 ครับ” “ลำบากขนาดนี้ ยังจะห่วงศักดิ์ศรีอยู่ได้” พาวินท์พึมพำกับตัวเองก่อนที่เขาจะเปิดประตูลงจากรถยนต์คันหรู ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง กลืนน้ำลายลงคอเมื่อมองเห็นหยากไย่ที่อยู่เต็มเพดาน “อ่า..มีผีเปล่าวะ” “ไม่น่ามีครับ” พาวินท์หันไปมองไรอัล เลขาฯหนุ่มช่างต่อปากต่อคำกับเขาเก่งเสียเหลือเกิน “หึ เดี๋ยวให้คนมาซื้อตึกนี้ด้วยนะ...” “ทำไมครับ” “เดี๋ยวนะ กูจ้างมึงมาเป็นเลขาฯนะเว้ยไอ้ไรอัล ไม่ใช่จ้างให้มึงมาถามกู” “หึ ครับ รู้แล้ว...ก็ติดนี่” พาวินท์ส่ายหน้าเบา ๆ นี่แหละนะการให้เพื่อนสนิทมาเป็นเลขาฯมันก็เป็นอย่างนี้แหละ ที่เขาอยากซื้อตึกนี้เพราะรู้ว่าปานวาดไม่มีทางย้ายไปอยู่กับเขา แม้แต่งานโรงงานเอง หากเขาให้เธอออกไม่ต้องทำงานเธอก็คงไม่ยอม ชายหนุ่มเลยอยากขึ้นเงินให้กับเธอ “ชั้นเจ็ดแล้วครับบอส...” “เฮ้อ...สักที ถ้าซื้อได้สิ่งแรกที่กูจะทำคือลิฟต์” เขาว่าอย่างเหลืออด ไม่อยากจะคิดว่าปานวาดขึ้นลงบันไดทุกขั้นนี้เองแถมลูกสาวของเขาก็คงต้องขึ้นลงบันไดเองเช่นกัน ทว่า กึก! “ปาน...” พาวินท์มองเห็นร่างบางที่กำลังนั่งยอง ๆ ก้มหน้าเก็บของอยู่บนพื้น ข้าวของที่กระจัดกระจายนั้นทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก ความเป็นห่วงถาโถมเข้ามาในใจทันที ...ซึ่งความรู้สึกเหมือนกับมีคนจ้องอยู่นั้นทำให้เจ้าของร่างบางหันไปมองตามทางเดิน เธอเบิกตาโพลงที่เห็นร่างหนาในชุดสูทเรียบหรูนั้น “อึก...ให้ตายสิ เวรกรรมมันไม่หมดง่าย ๆ เลยใช่ไหม” หญิงสาวบ่นกับตัวเอง เธอพยายามทำเป็นไม่เห็นเขาแม้นว่าเขาจะเดินเข้ามาใกล้แล้ว “เกิดอะไรขึ้น แล้วลูกล่ะ” ปานวาดไม่ตอบ เธอยังคงเก็บเศษซากของใช้ ไม่สนใจความเดือดเนื้อร้อนใจจากคนตัวโตแม้แต่น้อย ทำเอาพาวินท์โมโหอย่างแรง หมับ! “ไม่ได้ยินที่ถามหรือไง! แล้วลูกล่ะ” “ปะ ปล่อย” ปานวาดไม่มีแม้แต่แรงจะขัดขืน ซึ่งดวงหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเธอทำเอาชายหนุ่มตกใจ เขาอ้าปากพะงาบ ๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี “ใครทำอะไรเธอ บอกฉันสิ...ใครทำเธอ” พาวินท์ถามเสียงสั่น ทำไมผู้หญิงคนนี้ช่างดื้อด้านเสียจริง “อย่ามายุ่งกับฉัน!” “บ้า! บ้านักหรือไงวะ ลำบากจะตายห่าอยู่แล้ว มันยากมากหรือไงกับอีแค่พูดออกมา!!” พาวินท์จับไหล่บางทั้งสองข้างของเธอก่อนจะเขย่าแรง ๆ ให้เธอได้สติ เขาเป็นห่วงเธอกับลูกจะตายอยู่แล้ว แต่เธอกลับทำเมินเฉย ทว่า “ปาน! ปาน!...” เปลือกตาบางกลับพริ้มลงอย่างคนหมดแรง ปานวาดเหนื่อยล้าเหลือเกินวันนี้ ราวกับสวิตช์สลับสับเปลี่ยน ดับความเหนื่อยล้าในกายให้เธอได้พักในอกของเขา...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD