พาทิศ พาคินณ์ พาวินท์ ฝาแฝดไข่ใบเดียวกัน เกิดห่างกันเพียงไม่กี่วินาที ใบหน้าที่เหมือนกันอย่างกับแกะทำให้ไม่มีใครแยกออก กระทั่งวัยสิบเจ็ดปีที่สามพี่น้องถูกจับแยกให้ไปเรียนต่างประเทศ กาลเวลาทำให้รูปร่างและใบหน้าของทั้งสามค่อย ๆ ต่างกันออกไป เจอกันทีแทบจำกันไม่ได้
...พาทิศร่ำเรียนที่อังกฤษกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอย่างมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ขณะที่ฝาแฝดคนกลางอย่างพาคินณ์ยังคงได้เรียนที่มหาวิทยาลัยรัฐบาลชั้นนำของประเทศไทย ส่วนตัวเขาเองได้เรียนที่สหรัฐอเมริกา พาวินท์ขมวดคิ้วมุ่นกับความรู้สึกหลากหลายที่ถาโถมเข้ามาราวกับน้ำหลาก ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบริมฝีปากระหว่างนั่งรถกลับไปยังสำนักงานใหญ่เดอะเกรทฯ ทำไมพ่อของเขาถึงลำเอียงละเลยความรู้สึกของพาคินณ์ได้มากถึงเพียงนี้
“หรือพ่อรู้อะไรบางอย่าง หรือพ่อ...” เขาข่มเปลือกตาปิดลง การหายตัวไปของพาทิศเป็นปริศนาฆาตกรรมไม่ใช่อุบัติเหตุ มีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และที่สำคัญพี่ชายเขาขึ้นรับตำแหน่งได้ไม่นาน หรือว่า...
“อ่า ฉิบหายละ” พาวินท์คิดอะไรบางอย่างออก หรือว่าพ่อของเขารู้อยู่แล้วว่ามีการทุจริตในองค์กร และที่ไม่ให้พาคินณ์ขึ้นรับตำแหน่งทั้ง ๆ ที่ทำงานมาเกือบสิบปีในบริษัทเพียงเพราะอยากเก็บพี่ชายคนรองไว้ แต่ให้เขามารับงานต่อแทน แบบนี้เท่ากับว่า...
“ตายแน่กู...” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเบา ๆ ไม่ได้นึกโกรธคนเป็นพ่อหากว่าสิ่งที่ตนคิดนั้นเป็นจริง พาคินณ์ควรมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อบริหารงานซึ่งเขาไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไร หากว่าคนเป็นพ่อให้เขามาเป็นประธานบริษัทเพื่อล่อเป้าแทนพาคินณ์
“ถึงแล้วครับบอส” พาวินท์ไม่รอให้ไรอัลเปิดประตูรถให้อย่างเคย เขาเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับปรี่ขึ้นลิฟต์ไปหาพี่ชายคนรองทันที
...หากว่าองค์กรไม่หนักแน่นพอ มีคนพยายามทำลายบริษัทของพ่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ทำไมเงินถึงมือพนักงานน้อยนิดแค่นั้น เป็นไปไม่ได้ที่กระทรวงแรงงานไม่เข้ามาตรวจสอบ ต้องมีคนปลอมแปลงบัญชีอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเหตุนี้คงมีคนพยายามกำจัดประธานบริษัทไปทีละคน ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก...มีบริษัทคู่แข่งลอบทำร้ายพ่อของเขามาโดยตลอดแต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง คราวนี้คงเป็นคนในบริษัทเองที่จ้องจะทำร้ายครอบครัวเขา โชคคงไม่เข้าข้างพาทิศ เพราะตอนนี้ยังหาร่างของพี่ชายคนโตไม่เจอ
แกร็ก!
“เฮ้! มึงจะเข้ามาแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย!!” เสียงเปิดประตูอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของพาวินท์ทำให้พาคินณ์สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ซึ่งเจ้าตัวกำลังนั่งมองใบหน้าของม่านฟ้าที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา
“มีเรื่อง...”
“ว่า?” พาวินท์ค้ำฝ่ามือที่เอวหนาทั้งสองข้าง เขาใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างคนใช้ความคิด “ทำไมทำหน้างั้นวะ”
“พ่อได้บอกอะไรพี่ป่ะ” พาวินท์ว่าพร้อมกับเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับคนเป็นพี่
“แค่มองหน้ายังไม่อยากมอง”
“หึ อย่าโกรธพ่อเลยหน่า พ่อมีเหตุผล และผมก็รู้ด้วย...” พาวินท์ตัดสินใจเล่าเรื่องทุกเรื่องที่เขาคิดไว้ให้คนเป็นพี่ฟัง ทั้งเรื่องทุจริตเงินเดือนพนักงานและเรื่องการขึ้นบริหารงาน ซึ่งคำพูดของคนเป็นน้องทำให้พาคินณ์นิ่งอึ้งทันที
“ที่พ่อไม่อยากให้พี่เป็นประธานคงกลัวว่าจะมีคนตามฆ่าพี่ ตอนนี้พ่อก็คงรู้สึกผิดที่พี่พาทิศหายไปจริง ๆ อย่าทำให้พ่อกังวลกว่านี้เลย เรามาร่วมมือกันเถอะ”
“มึง...พูดจริงเหรอวะ”
“อืม ผมคิดว่านะ...แต่ว่าตอนนี้ผมไม่ค่อยว่างตามเรื่องนี้ว่ะ คิดแค่ว่าน่าจะเป็นคนในบริษัทเราเองนี่แหละ อยากให้พี่ช่วยตามสืบให้หน่อย คนที่ตามฆ่าพี่พาทิศต้องเป็นคนเดียวกันกับคนทุจริตค่าแรงพนักงานแน่ ๆ”
“_” พาคินณ์คิดตาม พาทิศอาจจะไปรู้อะไรเข้าก็เลยถูกกำจัด ถ้าเป็นไปตามที่คิดพาวินท์ก็ตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ ทว่า
“ผม...ไม่ว่างจริง ๆ พี่คินณ์...ผมมีลูกแล้วว่ะ”
“ห้ะ...” ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก อยู่ดี ๆ พาวินท์ก็เปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน
“คือผมทำผู้หญิงท้องเมื่อสิบหกปีที่แล้ว ผมเพิ่งรู้แล้วก็อยากเอาลูกมาเลี้ยงเองว่ะ”
“_”
“แต่เธอคงไม่ยอม ผมก็เลยอยากฝากเรื่องทุจริตเงินกับงานหน่อย”
“หึ ที่พูดมายาว ๆ นี้ก็เผื่อใช้งานกู?”
“ไม่ใช่ แค่อยาก...เฮ้อ ผม...ไม่ค่อยมีสมาธิทำงานเลย” เขายกมือขึ้นกุมขมับ ไม่ได้อยากโยนภาระหน้าที่ให้กับพี่ชาย แต่เขาแทบทำงานไม่ได้เลย
“แล้วยังไงต่อวะ มึงจะเอาลูกมาเลี้ยงแล้วแม่ของลูกล่ะ”
“อยากได้อยู่ ผมยังรักเธอ...แต่เธอไม่รักผมอ่ะดิ”
“แล้วไง...” พาวินท์มองเจ้าของคำพูดไม่สนใจโลกนี้ด้วยแววตาสับสน ก่อนที่พาคินณ์จะกระตุกยิ้มออกมาเบา ๆ “ตื๊อไม่ได้ก็บังคับเอาซะเลย”
“หึ เหมือนที่พี่ทำกับม่านฟ้าน่ะนะ ผมไม่ได้เลวเหมือนพี่สักหน่อย” พาคินณ์ไหวไหล่ขึ้นอย่างไม่ยี่หระ เขามันเลยคำว่าเลวไปแล้ว
“แล้วยังไงต่อ...”
“ผมอยากใช้เวลาตามเรื่องลูก ฝากงานพี่ด้วย...เรื่องพี่พาทิศด้วย มีอะไรก็บอกด้วยก็แล้วกัน” พาวินท์ลุกพรวดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขายกมือบอกลาพี่ชายก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของคนเป็นพี่เพื่อไปหาปานวาด ต้นเหตุความวุ่นวายในใจของเขา...