บทที่ 7 ท่านประธาน 2

1464 Words
...พาวินท์บนรถคันหรู ข้างกายของเขามีเลขาฯของพาคินณ์คอยให้ข้อมูลตลอดการเดินทางมาดูไลน์ผลิตสินค้าในโรงงาน ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเลขาฯตกกระป๋องเพราะม่านฟ้าเป็นเลขาฯของท่านรองประธานแทนแล้ว “ถ้ามีอะไรสงสัยก็ถามได้เลยนะครับ...คุณพาวินท์ได้ยินผมหรือเปล่าครับ” เลขาฯหนุ่มชักสงสัย เขาให้ข้อมูลมานานนมนั้นเจ้านายได้ตั้งใจฟังหรือไม่ ทำไมไม่ตอบรับเสียงของเขาเลยสักนิด “หืม...” “ผมถามว่าได้ยินผมหรือเปล่าครับ” พาวินท์กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะพยักหน้ารับเบา ๆ เขาตอบรับแบบส่งเดชไปก่อน ไม่อยากให้คนเป็นพ่อรับรู้ว่าตนไม่มีสมาธิในการทำงาน เกรงว่าคนเป็นพ่อจะผิดหวัง ...ตอนนี้บิดาของเขาอยู่ต่างจังหวัดกับคนเป็นแม่ เร่งหาร่างของพี่ชายคนโต และเขาก็ได้รับข้อความจากพ่อให้ระมัดระวังตัวเพราะดูจากสถานที่เกิดเหตุนั้นพวกมันเล่นเอาตาย อาจจะเป็นเพราะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง พี่ชายของเขาทั้งสองคนไม่ชอบออกสื่อ และบิดาก็ไม่ชอบให้ออกสื่อเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว ป้องกันเหตุร้ายจากผู้ไม่หวังดี ขณะที่เขาเองชอบออกสื่อมากเพราะอยากให้ปานวาดได้เห็น แต่ตอนนี้พาวินท์กำลังรู้สึกผิด หากว่าเด็กสาวคนนั้นอ่านข่าวเขา ก็คงคิดว่าคนเป็นพ่อบ้ากามเป็นอย่างมากที่มีข่าวกับผู้หญิงไม่เว้นวัน “ถึงแล้วครับบอส...บอสครับ” ไรอัลที่วันนี้รับหน้าที่ขับรถให้เจ้านาย เขาเห็นใบหน้านิ่งเรียบของคนเป็นนายที่ตอนนี้กำลังนั่งขมวดคิ้วอยู่ แม้นว่าตนจะเปิดประตูรถให้อีกฝ่ายลงจากรถแล้วก็ตาม “เฮ้อ...แล้วเลี้ยงลูกยังไง ถึงได้อยู่กับผู้ชายมืด ๆ ค่ำ ๆ แบบนั้น” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองใบหน้าของไรอัล “เพิ่มคนตามหาตัวปานวาดด้วย” “คนของเราส่วนใหญ่ตามหาบอสพาทิศครับ” “คนเป็นหมื่น...ไม่ได้เรื่องสักคน” พาวินท์ว่าอย่างนึกโมโห ครอบครัวของเขามีกิจการใหญ่โต ควบคุมดูแลลูกน้องตั้งแต่ระดับสูงจนถึงเบี้ยล่างเป็นหมื่น ๆ คน หลายวันมานี้พ่อของเขาเกณฑ์คนงานหลายคนให้กระจายตัวไปทั่วประเทศเพื่อตามหาบุตรชายคนโต ขณะที่เขาก็ได้สั่งให้คนออกตามหาปานวาดกับลูกสาวอีกด้วย ...พาวินท์เดินนำหน้าทีมบริหารหลายคนเข้าไปในตัวออฟฟิศของโรงงานบริเวณชั้นสอง ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเรียบ สอดส่องสายตามองดูเครื่องจักรที่กำลังทำงานกันอย่างแข็งขันด้วยสายตานิ่งเรียบ เขาไม่มีสมาธิในการทำงานเลยแม้แต่น้อย เฝ้าคิดถึงแต่ใบหน้าของเธอคนนั้น ...กระทั่งมองเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชั้นล่างของโรงงาน เขาหันขวับไปมองและจ้องมองอยู่อย่างนั้น “ปาน...” “อะไรนะครับ” ผู้จัดการโรงงานหันไปตามสายตาของคนเป็นนาย ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่ออยู่ ๆ ชั้นหนึ่งที่ไลน์ผลิตสินค้าก็มีเหตุชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้น ...ขณะเดียวกันบริเวณชั้นหนึ่ง สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ทำเอาปานวาดทนไม่ไหว เธอหันไปมองผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่จ้องมองเธออยู่ก่อนหน้าอยู่แล้ว “หมายความว่าแตงโมเจอลอตเตอรี่แต่ไม่เอามาคืนอย่างนั้นเหรอ” ปานวาดเอ่ยถามเพื่อนสาวที่เดินมาบอกต้นเหตุที่ลอตเตอรี่ของเธอหายไป “ใช่ ฉันได้ยินนางพูดกับกุ๊กไก่...” ปานวาดไม่รอฟังให้จบ ยังจำวันที่บอกกับลูกสาวได้อยู่เลยว่าไม่ได้ไปกินชาบูแล้ว พาขวัญโกรธเธอเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่คิดว่าลอตเตอรี่ที่หายไปจะเป็นฝีมือของแตงโม ผู้หญิงที่เกลียดเธอหนักหนาทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปทำอะไรให้ “อย่ามีเรื่องเลย...ใจเย็น ๆ นะ” “เหอะ! แมนรู้ป่ะว่า...ฮึก พาขวัญโกรธเรามากแค่ไหน” หญิงสาวว่าเคล้าน้ำตา ไม่มีใครเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ได้เท่าเธอหรอก พาขวัญเอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไร พอบอกว่าไม่ได้ไปกินแล้ว เจ้าตัวก็โวยวายใหญ่โตไม่คุยกับคนเป็นแม่เป็นวัน “แต่...เดี๋ยวสิปาน!” แมนคว้าต้นแขนของปานวาดไว้ไม่ทัน ร่างบางปรี่เข้าไปหาแตงโม ก่อนจะยื่นมือไปหยุมหัวของอีกฝ่ายจนหมวกคลุมศีรษะสีขาวหล่นลงพื้น “กรี๊ดดด!!...” “มึงเอาลอตเตอรี่กูไปใช่ไหมอีโม!!” แตงโมตกใจที่อยู่ ๆ ก็ถูกกระชากหนังศีรษะอย่างแรงจากทางด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปประจันหน้ากับอีกฝ่าย “ว่าไงนะ! ใคร! ใครคาบข่าวไปบอกมึง” “หึ...จริง ๆ ด้วย” ปานวาดถึงกับปรี๊ดแตก หญิงสาวรีบยกฝ่ามือขึ้นหมายจะฟาดใส่ใบหน้าของแตงโมแต่ก็ถูกเพื่อนของแตงโมคว้าไว้ “จับมันไว้ หึ...กล้ามากที่มาหยุมหัวกู อีปาน!!” แตงโมว่าพลางเลิกแขนเสื้อขึ้นสูงพร้อมจะตบอีกฝ่าย ซึ่งร่างบางของปานวาดก็ดิ้นพล่านทันทีทำให้หมวกที่สวมอยู่หลุดออกจากหัวพร้อมกับเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย ทว่า “หยุด!!! ทำอะไรกันวะ!!” เสียงตะคอกดังลั่นของผู้จัดการโรงงานทำให้ผู้คนที่มุงดูอยู่แตกกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง ขณะที่การกระจายตัวของไทยมุงทำให้พาวินท์ที่เดินตามมานั้นค่อย ๆ มองเห็นใบหน้าของผู้หญิงที่เขาสงสัยว่าเป็นปานวาดชัดขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ก็ยิ่งชัด...ยิ่งมองก็ยิ่งมั่นใจ “ปานวาด...” เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอ ทำให้เจ้าของชื่อค่อย ๆ เลื่อนสายตาหันไปมอง “วินท์...” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นทันที หัวใจที่กระหน่ำเต้นด้วยแรงอารมณ์เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นโหมกระหน่ำเต้นแรงให้กับผู้ชายในชุดสูทตรงหน้า “ทำไมเธอ...ทำไม” หญิงสาวเสมองไปทางอื่นหลังจากตั้งสติได้ ขณะที่แตงโมนั้นได้คุกเข่าลงตรงหน้าผู้จัดการกับผู้ชายตัวสูงตรงหน้าคนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นประธานบริษัทที่มาดูงานในวันนี้ “ฉันขอโทษค่ะ อึก อีปาน...อ๊ะ หมายถึงปานวาดน่ะค่ะ อยู่ ๆ ก็มาหยุมหัวฉัน” พาวินท์ยังคงมองหน้าเธอคนนั้นด้วยแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ขณะที่เจ้าตัวก็รู้สึกอับอายที่อยู่ในสภาพนี้ ซึ่งปานวาดไม่ได้คุกเข่าลงเหมือนกับแตงโม “ขอโทษท่านประธานสิ ยืนโง่อยู่ทำไม!!” ผู้จัดการโรงงานตวาดออกมาเสียงดังลั่นจนร่างบางของปานวาดสะดุ้งเฮือก เธอยกมือขึ้นลูบผมตัวเองที่กระเซอะกระเซิงโดยมีสายตาของพาวินท์จ้องมองไม่ละสายตา เขาพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ มันจุกอยู่ที่อก...สภาพของเธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขาจินตนาการเลยสักนิด เธอไม่ได้สุขสบายอย่างที่เขาคิดมาโดยตลอด “อย่าถือสาเลยนะครับ...อย่างนี้แหละคนไม่มีการศึกษา เดี๋ยวผมไล่ออกทั้งสองคนเลยครับ” “ฉะ ฉันขอโทษค่ะ อึก อย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ ฉันไม่มีที่ทำงานแน่ ๆ ถ้า...อึก ดะ โดนไล่ออก” แตงโมร้องห่มร้องไห้ออกมา ขณะที่ปานวาดตกใจที่ได้ยินอย่างนั้นเช่นกัน งานโรงงานถือเป็นรายได้หลักของเธอ หญิงสาวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อยากจะคุกเข่าร้องขออ้อนวอนเช่นเดียวกับแตงโม แต่ผู้ชายคนนี้... “คุณว่ายังไงเหรอครับ” พาวินท์ดูออกว่าปานวาดกำลังรู้สึกอย่างไร เขาหันไปถามผู้จัดการโรงงาน “อ้อ...ผมจะไล่ออกทั้งสองคนเลยครับ” “เปล่า คุณมีการศึกษามากแค่ไหนครับ ผมคิดว่าคนมีการศึกษาควรรู้ว่าไม่ควรพูดถึงคนอื่นว่าไม่มีการศึกษานะครับ” “ห้ะ เอ่อ ผม...ผม ผมขอโทษครับ” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจคำขอโทษของผู้จัดการโรงงาน เขาเดินเข้าไปใกล้ปานวาดก่อนจะคว้าข้อมือของเธอพร้อมกับกระชากอย่างแรงให้เจ้าตัวเดินตามหลังเขามา สร้างความตกใจให้กับทุกคนที่มองเห็นเป็นอย่างมาก “ปะ ปล่อย! พาวินท์!!” กึก! ชายหนุ่มชะงักฝ่าเท้าเมื่อเธอตะคอกชื่อของเขาออกมาเสียงดัง เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันมามองหน้าเธอพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน “นึกว่าลืมกันไปซะแล้ว...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD