บทที่ ๓ เลี้ยงไม่เชื่อง(๒)

1286 Words
“มนรดา!” นี่เป็นครั้งแรกที่ปราณนต์เรียกชื่อนี้ ตัวขัดดอกไร้ค่ากล้าดียังไงมาทำร้ายร่างกายของเขา แถมยังเป็นส่วนที่เขาต้องใช้งานทุกวันอีกด้วย ชายหนุ่มหลับตาลง พยายามข่มความโกรธเอาไว้ ทว่าพอเหลือบเห็นรอยยิ้มน้อยๆ ของคนตรงหน้า พายุโกรธก็พลันโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายเขาก็หยิบเสื้อผ้าใส่ลวกๆ เรียบร้อยก็คว้าเอาคนที่นั่งตัวซีดขาวอยู่บนพื้นกระดานขึ้นมา “ในเมื่ออยากตายนัก ฉันก็จะทำให้เธอสมหวัง” แรงฉุดกระชากลากดึงขึ้นจากพื้นไม่เบาเลย ทำเอาร่างเปล่าเปลือยของมนรดาช้ำเลือดไปไม่น้อย แถมเขายังลากเธอออกจากบ้านไม้ซอมซ่อโดยไม่คิดจะให้ใส่เสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว ลงมาถึงลานหน้าบ้านก็เหวี่ยงลงพื้นอย่างไม่ปรานี “นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้ ถ้าเธอคิดหนี ฉันจะเรียกไอ้พวกผู้ชายกลัดมันที่อยู่ใต้หุบเขาขึ้นมาข่มขืนเธอ” เขาสั่งเสียงดุดันแค่นั้นก็หมุนกายกลับขึ้นบ้าน แต่ก่อนจะปิดประตูลงก็ทิ้งคำพูดเยียบเย็นเอาไว้ “อ้อ! แล้วปิดไอ้ท่อนบนท่อนล่างของเธอให้ดีๆ อย่าให้สัตว์ป่าเห็นเข้าล่ะ ไม่อย่างนั้นถ้ามีอวัยวะบางส่วนหายไปก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน” เสียงปิดประตูดังปังทำเอามนรดาต้องสะดุ้งสุดตัว เธอมองความมืดมิดรอบกายแล้วก่ายกอดตัวเองให้คลายหนาว ใช้เข่าบดบังหน้าอกกลมขาวและก็ใช้ขาที่เบียดชิดกันปิดท่อนล่างเอาไว้ สภาพของเธอตอนนี้เนื้อตัวบอบช้ำ แถมยังโดนลมแรงของยอดเขาพัดโหมกระหน่ำ มองไปรอบๆ บ้านก็ไม่มีสิ่งใดที่จะใช้ปกปิดร่างกายเปล่าเปลือยของเธอได้เลย จนกระทั่งมองเห็นถุงขยะใบหนึ่งที่ใส่ขยะไว้จนเกือบเต็มถุง จึงกัดฟันแล้วเททุกอย่างทิ้ง ใช้น้ำล้างด้านในเพื่อดับกลิ่นเหม็นเน่า กลับด้านที่ไม่เปียกซุกตัวเข้าไปอยู่ด้านใน ถึงแม้มันจะกันหนาวไม่ได้ แต่ลมเย็นๆ ก็พอจะกันได้ไม่น้อย ตอนนี้เธอจะหนาวตายไม่ได้ เพราะถ้าเธอจะตายก็ต้องลากผู้ชายโฉดชั่วคนนั้นให้ตายตกไปตามกัน แววตาที่สาดมองไปยังบ้านไม้เก่าคร่ำครึ ฉายแววโหดร้ายขึ้นทันที เธอนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่หลายชั่วโมง แล้วเหลือบมองท้องฟ้าที่ไร้แสงดาว จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็วาบผ่านเข้ามาในหัวสมอง ในเมื่อเขาอยากให้เธอตาย เธอก็จะทำให้เขาตายไปก่อน หญิงสาวหยัดร่างเปล่าเปลือยของตัวเองขึ้น ดึงถุงดำออกจากร่าง แล้วฉีกข้างล่างของมันให้ขาด จากนั้นก็ใช้มันนุ่งห่ม เรียบร้อยก็เดินไปหยิบไฟแช็กที่ป้าใบ้ทิ้งไว้ให้ เธอมองกองขยะ ในนั้นมีถุง มีกระดาษ มันสามารถเป็นเชื้อเพลิงได้ และเสี้ยววินาทีเดียวก็ตัดสินใจ เผาบ้านที่อาศัยมาสี่ปี เพื่อฆ่าผู้ชายสารเลวคนนั้น ปราณนต์ คลังพันธนาการ ต้องถูกไฟคลอกตายไปซะ! ไฟแช็กถูกจุด ไม่กี่วินาทีกระดาษก็สว่างวาบด้วยไฟสีแดงฉาน เธอวางกระดาษติดไฟบนไม้ผุๆ แผ่นหนึ่ง ไม้เก่าๆ ช่างเป็นเชื้อไฟได้ดีจนน่าเหลือเชื่อ พริบตาเดียวก็โหมลุกไหม้เผาวอดจนบ้านทั้งหลังลุกโชน เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีที่มนรดายืนมองผลงานตัวเองอย่างพอใจ ตอนนี้เธอจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกแล้ว ในเมื่อเธอกล้าเผาบ้านฆ่าคนก็ต้องมีความผิดตามกฎหมาย ต่อไปนี้ก็แค่ย้ายจากการถูกขังไว้บนยอดเขา เป็นเข้าคุกของทางการอย่างถูกต้องเท่านั้น อย่างน้อยๆ อยู่ในคุกก็คงจะมีโอกาสออกมาใช้ชีวิตของตัวเองได้ ไม่เหมือนติดอยู่ในคุกของผู้ชายคนนั้น เพราะต่อให้เธอแลกมาด้วยร่างกายก็ไม่มีวันหนีพ้นเงื้อมมือของเขา หญิงสาวยืนมองบ้านไม้ที่ถูกเผาไหม้ด้วยรอยยิ้มพอใจ มองเหมือนกับว่าชีวิตของเธอกำลังสว่างไสวเหมือนแสงไฟนี้ ทว่าทันทีที่ได้ยินเสียงเดินของใครคนหนึ่งอ้อมมาจากทางด้านหลังบ้าน เผยให้เห็นใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ความรู้สึกของเขาแล้ว ช่วงขาเล็กก็พลันต้องขยับถอยหลังด้วยความหวาดกลัว เขา...ปราณนต์ รอดมาจากกองไฟ สภาพเนื้อตัวยังดูปกติทุกอย่าง ยกเว้นก็แต่ใบหน้าที่ดำมืดด้วยความโกรธเท่านั้น ที่ทำให้มนรดาหายใจไม่ทั่วท้อง ในจังหวะที่เธอกำลังจะวิ่งหนีก็ถูกคว้าตัวเอาไว้แล้วเหวี่ยงไปใกล้บ้านไม้ที่กำลังลุกโชน ความร้อนขุนหนึ่งลามเลียผิวจนแสบร้อนไปหมด ถุงที่เธอใช้ห่อหุ้มร่างกายหดลงจนต้องรีบร้อนถอดมันทิ้ง เมื่อร่างกายไม่มีสิ่งใดปกปิดก็ได้แต่ก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างกำแน่น ปราณนต์มองสภาพของผู้หญิงที่ลงมือเผาบ้านคิดฆ่าเขาด้วยแววตาดุดันยิ่งกว่าเดิมเป็นสิบเท่า จึงจ้องมองคล้ายกับจะฉีกร่างผู้หญิงคนนี้เป็นชิ้นๆ แต่สุดท้ายก็ทำเพียงกวักมือเรียกอีกฝ่าย น้ำเสียงเย็นยะเยือกสะท้านไปถึงกระดูกของคนฟัง “มานี่!” ก่อนหน้านี้มนรดารู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าน่ากลัวมากอยู่แล้ว แต่ความกลัว ณ ช่วงเวลานั้นกลับเทียบวินาทีไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียว เธอรู้สึกแค่เพียงว่า ต่อให้ขาหัก หรือต้องคลานไปก็ต้องไปหาเขาให้ได้ จึงขยับตัวแม้จะเชื่องช้า แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามคำสั่งของเขาแต่โดยดี เพียงหยุดอยู่ตรงหน้า ลำคอเล็กก็ถูกรวบด้วยอุ้งมือแข็งหยาบกระด้าง ข้อมือของเขาแข็งแรงจนทำให้เธอหน้าเขียวบิดเบี้ยวเพราะขาดอากาศหายใจ แต่ในขณะที่กำลังหลับตาพร้อมอย่างยอมรับความตายนั้นเขาก็ปล่อยมือแล้วเหวี่ยงลงไปคลุกกับลานดินที่เปื้อนไปด้วยฝุ่นและก็เขม่าควัน ร่างกายที่สะบักสะบอมอยู่แล้ว ดูสกปรกและน่ารังเกียจในสายตาของปราณนต์เหลือเกิน “ในเมื่อให้เป็นอีตัวบำเรออยู่บนบ้านดีๆ ไม่ชอบ ดันเผาบ้านและคิดเผาฉันให้ตายไปในกองเพลิง เห็นทีว่าเมื่อกี้นี้ฉันคงจะใจดีกับเธอมากเกินไปสักหน่อยสินะ ถึงเวลาที่เธอต้องยอมรับผลของการกระทำของตัวเองแล้วมนรดา! ต่อไปนี้ ถ้าฉันไม่อนุญาตให้เธอตาย เธอก็ห้ามตาย และเธอก็ต้องอยู่อย่างทรมาน ฉันต้องได้ยินเสียงโอดครวญของเธอ และก็ต้องได้เห็นเลือดของเธอหลั่งรินด้วย” เขาฉีกยิ้มเหี้ยมเกรียมให้ แล้วเดินไปคว้าเอาข้อมือเล็กเดินออกห่างจากบ้านที่ยังถูกไฟโหมไหม้ ลงมาจนถึงลำธารที่ไหลผ่านร่องเขาถึงได้เหวี่ยงร่างเล็กบางลงไป “อาบน้ำให้สะอาด ขัดถูทุกซอกทุกมุมบนร่างกายของเธอซะ! หลังจากนั้นก็กลับมาโค้งตัวอยู่ตรงหน้าฉัน..ฉันจะจัดการเธอให้ตายทั้งเป็น” มนรดาทำได้เพียงห่อตัวที่หนาวเหน็บแทบขาดใจอยู่ในน้ำ แล้วกวักมือวักน้ำเบื้องหน้ามาล้างเนื้อล้างตัว ขัดถูร่างกายอย่างที่เขาสั่งการโดยไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากขัดคำสั่งสักคำเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD