bc

สมบัติคนเลว

book_age18+
196
FOLLOW
1K
READ
family
HE
sweet
mystery
like
intro-logo
Blurb

ภายในห้องที่มีเพียงแสงตะเกียงสาดส่องให้เห็นพอรางเลือน ไฟฉายที่ปราณนต์หยิบติดมือมาเพื่อส่องนำทางมายังบ้านพักซอมซ่อบนยอดเขานั้นถูกปิดลงตั้งแต่เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แล้ว เวลานี้เขาได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวที่แลกมากับเงินต้นและดอกเบี้ยจำนวนห้าแสนบาท สี่ปีก่อนเขาเคยคิดว่ามันไม่คุ้มค่า ทว่าพอได้เห็นเรือนร่างเต็มวัยของคนตรงหน้าก็ทำให้ความคิดคล้ายขาดทุนเหล่านั้นหายไป ตอนนี้เหลือแค่เพียงการตักตวงความสุขจากเจ้าของร่างบอบบางนี้เท่านั้น

ทอดสายตามองร่างที่ไร้เสื้อผ้าปกปิดอยู่นาน โดยเฉพาะหน้าอกกลมขาวเขาอดจ้องมันนานกว่าจุดอื่นไม่ได้จริงๆ จากการสัมผัสเมื่อครู่ให้ความรู้สึกนุ่มลื่นเต็มมือไม่น้อย ตอนนี้จึงถึงฉากสำคัญที่เขาต้องไปต่อสักที

“ถอดเสื้อผ้าให้ฉัน”

คำสั่งของเขาแม้จะทำให้มนรดาสะดุ้งไม่น้อย แต่พริบตาเดียวก็ข่มความหวาดหวั่นทั้งหมดเอาไว้ เหยียบมันฝังลงไปใต้ฝ่าเท้า เพราะตั้งแต่วินาทีที่ผู้ชายคนนี้ก้าวเข้ามาในบ้าน ร่างกายก็ไม่มีวันเป็นของเธออีกแล้ว หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกแล้ววางมือที่บังคับไม่ให้สั่นแตะลงบนเสื้อของเขา ดึงชายเสื้อยืดขึ้นเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องที่แข็งแน่นอัดกันราวกับเกลียวคลื่นในท้องทะเลก็ไม่ปาน แต่ไม่ว่ารูปร่างของเขาจะดีแค่ไหน ผู้ชายตรงหน้าก็เป็นเพียงคนสารเลวคนหนึ่งที่กำลังย่ำยีศักดิ์ศรีของเธอจนไม่เหลือดีก็เท่านั้น

เมื่อถอดเสื้อของเขาออกแล้วก็ขว้างมันฟาดกับผนังห้องโดยไม่แยแสเลยสักนิดว่ามันจะสกปรกหรือเปื้อนฝุ่นแค่ไหน จากนั้นก็หันมาดึงเข็มขัด รูดกางเกงยีนของเขาลง เหลือเพียงกางเกงชั้นในสีน้ำเงินเข้มที่ปกปิดความเป็นชายชาตรีของเขาอยู่ เธอจ้องมองอย่างตัดสินใจเล็กน้อย สุดท้ายก็รูดปราการชิ้นสุดท้ายลง

ทันทีที่ความเย็นปะทะกับร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากของปราณนต์พลันกระตุกเล็กน้อย เขานึกอยากจะปรบมือให้กับความใจกล้าบ้าบิ่นของผู้หญิงตรงหน้า เขาคิดว่าเธอจะขี้ขลาดตาขาวหลีกหนีเสียอีก แต่ที่ไหนได้เธอกลับเข้มแข็งไม่เบา ไม่หวาดกลัวการเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ไร้สิ่งใดปกปิดร่างกายแม้แต่น้อย

ในยามที่เห็นดวงตากลมโตของคนตรงหน้าหลบวูบ ชายหนุ่มก็คว้าเอาคางเล็กให้หันกลับมาเผชิญหน้า จ้องมองอย่างดุดัน

“มองร่างกายของฉัน มองทุกส่วนของฉัน แล้วก็ใช้สมองกลวงๆ ของเธอคิดให้ดี ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะคุ้มกับค่าตัวของเธอ”

มนรดาเงยหน้าจ้องมองเจ้าของน้ำเสียงดุดันอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ ก่อนหน้านี้เธออาจจะหวั่นกลัว ทว่าตอนนี้ความกลัวเหล่านั้นได้ถูกหลอมละลายให้กลายเป็นความเกลียดชังแล้ว เธอกำลังบอกกับตัวเองว่า ผู้ชายคนนี้มีความสุขจากร่างกายของเธอมากแค่ไหน ก็จะทำให้เขาทุกข์ทนทรมานมากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันเท่า

ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่เคยเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ตอนนี้ค่อยๆ แย้มยิ้มบางๆ แล้วมือไม้ที่เคยกำแน่นอยู่ข้างตัวก็แปรเปลี่ยนมาสัมผัสแผ่นอกตึงเรียบของเขา ดูคล้ายอยากรู้อยากเห็นว่าภายใต้ผิวเนื้อไม่ขาวมากนี้ซุกซ่อนความแข็งแรงไว้มากแค่ไหน

ปราณนต์เองก็ได้แต่มองมือนุ่มนิ่มที่วางอยู่กับแผ่นอก วินาทีแรกที่ผู้หญิงตรงหน้าสัมผัสเขานั้นคล้ายกับมีคลื่นความร้อนบางอย่างแล่นผ่าน แต่อึดใจเดียวความร้อนเหล่านั้นก็กลายเป็นความหนาวเหน็บสร้างความทรมานที่เขาไม่เคยรู้จักมักคุ้นมาก่อนได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ

“สาวน้อย...” เขาเรียกได้เพียงเท่านั้นดวงตาก็พลันหรี่แคบลง เมื่อสาวน้อยตรงหน้าริอ่านอาจหาญทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว ตอนนี้ร่างระหงบอบบางราวกับจะปลิวไปตามลมของเธอค่อยๆ คุกเข่าลง นั่งอยู่เบื้องหน้าเขา ดวงตาและสีหน้าของเธอสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด พริบตาเดียวความร้อนรุ่มบางอย่างก็พาดผ่านเนื้อกายของเขา พร้อมๆ กับฝ่ามือบางนุ่มนั่นรวบจับในสิ่งที่เธอยังไม่ควรแตะต้อง

“เธอ...”

เสียงทุ้มห้าวที่กำลังจะเอ่ยปากพลันขาดหายไป เหลือแค่เพียงใบหน้าคมคายเงยขึ้น กับลมหายใจที่หอบกระชั้นอย่างไม่สามารถหักห้ามได้ ปลายลิ้นอุ่นชื้นที่กำลังลูบไล้ในส่วนนั้นกำลังทำให้ปราณนต์ได้แต่คว้าศีรษะเล็กๆ ของเธอไว้แน่น เส้นผมนุ่มลื่นเพราะได้รับการบำรุงมาอย่างดีตลอดสามเดือนให้ความรู้สึกอยากสัมผัสมากอย่างที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเกิดกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน สุดท้ายเมื่อปลายลิ้นของเธอเริงระบำอย่างร่าเริงอยู่กลางร่าง เขาก็ทำได้เพียงกดศีรษะของเธอไว้แน่น ให้เธอปรนเปรอตัวเองยาวนานขึ้น

เพียงได้ยินเสียงห้าวทุ้มครางออกมา มุมปากของมนรดาก็กระตุกเล็กน้อย ยิ่งเห็นเขาแหงนเงยใบหน้ามีความสุขมากเท่าไร ดวงตากลมโตของเธอก็ยิ่งฉายแววเกลียดชังมากขึ้นเป็นเท่าตัว สุดท้ายในจังหวะที่เขาดันศีรษะของเธอให้ดื่มด่ำกับส่วนนั้นของเขาลึกซึ้งขึ้น ฟันที่เก็บงำเป็นอย่างดีก็ฝังลงไป กัดลงไปเต็มแรงจนได้ยินเสียงเขาคำรามลั่น ซึ่งน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวมาพร้อมกับฝ่ามือหนาหนักที่ตวัดเข้ากับซีกแก้มของเธอจนเรียกเลือดให้ไหลกบปาก

ทันทีที่กลางลำตัวหลุดพ้นจากฟันซี่เล็กๆ ของผู้หญิงตรงหน้า ปราณนต์ก็ก้มมองรอยเขี้ยวและรอยเลือดที่หยดซึมออกมาจนแดงฉาน เขาจ้องมองแล้วกระตุกมุมปากเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าชิ้นส่วนร่างกายยังไม่ขาด แค่บาดเจ็บไม่มากไม่น้อยเขาก็ยิ้มเหี้ยมเดินเข้าใกล้ คว้าเอาคนปากดีที่กล้าหาญชาญชัยฝังเขี้ยวลงในส่วนต้องห้าม

“อยากตายนักใช่ไหม?”

chap-preview
Free preview
บทที่ ๑ เหมือนคนที่ตายไปแล้ว(๑)
     มนรดา กมลมิ่ง หญิงสาววัยยี่สิบสองปี อาศัยอยู่ในห้องเล็กแคบบนภูเขาสูงกลางป่ากลางดงมาตั้งแต่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกแล้ว เธอจำได้อย่างแม่นยำว่าวันนั้นเป็นวันจบการศึกษาของเธอ ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วว่า ทันทีที่เรียนจบจะรีบหนีออกจากจังหวัดชายแดนภาคเหนือนี้ ไปทำงานต่อในกรุงเทพฯ เก็บเงินได้สักก้อนก็จะสมัครเข้าเรียนต่อ กัดฟันทนให้จบปริญญาตรี เพื่อจะได้มีงานดีๆ ทำและมีเงินไว้เลี้ยงตัวเอง ทว่าทุกอย่างกลับพลิกผัน เมื่อพ่อแท้ๆ กับแม่เลี้ยงพร้อมใจกันส่งตัวเธอให้กับผู้ชายคนหนึ่ง เพื่อชดใช้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ย รวมๆ กันทั้งสิ้นห้าแสนบาท         เงินจำนวนนี้ แม้ไม่ได้มากมายสำหรับครอบครัวมีอันจะกิน แต่สำหรับบ้านของเธอแล้ว มันเป็นจำนวนมหาศาล ไม่รู้ว่าหาทั้งชาติจะได้ครึ่งหนึ่งของมันหรือเปล่า         เธอเป็นตัวขัดดอก ตัวใช้หนี้ ถูกจับมาขังอยู่ที่นี่ บ้านเล็กซอมซ่อหลังกะทัดรัด ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีเครื่องมือสื่อสารใด มีแค่เพียงข้าวสามมื้อที่จะมีคนนำมาส่งตรงเวลา หกโมงเช้า ห้าโมงเช้า และก็ห้าโมงเย็น อาหารมื้อหนึ่งมีข้าวเปล่า และก็อาหารหนึ่งอย่างเท่านั้น ไม่มีผลไม้ ไม่มีน้ำสะอาด มีแค่น้ำฝนที่รองไว้ในโอ่งแดงข้างบ้าน         ช่วงแรกๆ ที่ต้องมาอยู่ที่นี่ สำหรับมนรดาแล้วไม่ได้ลำบากแตกต่างจากบ้านเดิมของตัวเองนัก อาจจะดีกว่าก็ตรงที่ไม่ต้องทนฟังคำด่าของพ่อแท้ๆ กับแม่เลี้ยง เพราะว่าบนภูเขาสูง นอกจากเธอแล้วไม่มีใครอยู่อาศัยอยู่เลย ทุกอย่างรอบกายเงียบเหงา เปล่าเปลี่ยว ชีวิตของเธอสี่ปีมานี้ มีชีวิตอยู่ก็เหมือนว่าไม่มี         คนคนเดียวที่เธอเห็นมาตลอดสี่ปีก็คือหญิงวัยกลางคนที่เป็นใบ้คนหนึ่ง การพูดคุยสื่อสารกันในช่วงแรกลำบากไม่น้อย ช่วงหลังๆ เธอก็เริ่มเรียนรู้ที่จะคุยภาษามือกับอีกฝ่าย จึงได้พันธุ์ผัก พันธุ์ผลไม้มาปลูกหลากหลายอย่าง ตอนนี้ผักผลไม้ที่ปลูกไว้ก็เติบโตขึ้นมากแล้ว บางต้นออกดอกผลให้เก็บเกี่ยวกิน ดูเหมือนช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก ยกเว้นก็แต่เจ้าหนี้ของเธอคนนั้น คนที่จับเธอมาขังแต่ก็ไม่เคยแวะเวียนโผล่มาให้เห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว และที่สำคัญในหัวของเธอไม่มีข้อมูลของเขา แม้แต่ชื่อก็ไม่มี         วันนี้ป้าใบ้มาแต่เช้าตรู่ ตะกร้ามื้อเช้าที่หิ้วมานั้นดูแปลกกว่าทุกวัน         “ทำไมวันนี้มีกับข้าวเยอะจังเลยจ้ะ” เธอยิ้มถาม ป้าใบ้ไม่ตอบทำเพียงยกของออกมา ในนั้นมีปิ่นโตข้าวสวย มีกับข้าวเป็นพะแนงหมู ผัดผักรวม แล้วก็ต้มจืดมะระยัดไส้ มีผลไม้จำพวกแอปเปิลกับองุ่น แถมยังมีวิตามินบำรุงร่างกายอีกสองกระปุก “แปลกจังทำไมส่งของพวกนี้มาด้วย”         เห็นคิ้วเล็กๆ ที่ขยับไปมาอย่างไม่เข้าใจแล้ว ป้าใบ้ก็ได้แต่ตะโกนบอกอยู่ในใจ ‘ต่อไปนี้ นายมีคำสั่งลงมาว่า ให้บำรุงคุณให้ดี ขุนให้อ้วนๆ อีกสามเดือนนายจะมาเอาคุณไปทำเมีย ความจริงนายเคยแอบแวะมาดูคุณครั้งหนึ่งแล้ว อยากจะจับคุณทำเมียตั้งแต่ตอนนั้น แต่นายมองเห็นว่าคุณผอมเกินไปสักหน่อย อายุก็ยังน้อยอยู่ คุณทำให้นายหมดอารมณ์ นายก็เลยกลับไป แล้วสั่งให้ป้านำของพวกนี้มาให้’         แน่นอนว่ามนรดาไม่ได้รู้เรื่องนี้ หญิงสาวทำเพียงยิ้มรับของทั้งหมด กินมันเงียบๆ สีหน้าแววตาดูดีขึ้นกว่าวันวานเล็กน้อย หลังจากโบกมือลาป้าใบ้กลับไปแล้ว ก็ใช้ชีวิตอยู่กับผักผลไม้ที่ปลูกด้วยตัวเอง ความจริงก็อดคิดไม่ได้ว่า การอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน มีข้าวให้กินสามมื้อ มีของบำรุงร่างกาย แถมยังไม่ต้องไปตรากตรำทำงานให้เหนื่อยยาก เจ้าหนี้ที่เธอไม่เคยเห็นก็ไม่แวะมาวุ่นวาย ถ้าได้ใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดชาติก็ถือว่าเวรกรรมที่ทำมากับพ่อแท้ๆ และแม่เลี้ยงได้จบสิ้นลงไปแล้ว         แต่นั่นเป็นเพียงความเงียบสงบเพียงสี่ปีที่มนรดาสัมผัสได้ สามเดือนสุดท้ายของปีสิ้นสุดลงพร้อมกับความเงียบสงัดที่คลี่คลุมไปทั้งผืนป่า บรรยากาศเงียบเหงาวังเวงทำให้จิตใจของหญิงสาววัยยี่สิบกว่าปีเริ่มระส่ำระสายเป็นครั้งแรก ทว่าความจริงแล้วเธออาจจะรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนดูแล ป้าใบ้เมื่อสามเดือนก่อน นำของดีๆ มาให้เธอกิน เสื้อผ้า ครีมบำรุงผิว ทุกอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรมีควรใช้ ป้าใบ้ล้วนจัดหามาให้ ตอนนี้ตะวันจวนเจียนจะตกดินแล้ว แต่กลับไร้เงาของป้าใบ้ที่ควรจะนำมื้อเย็นมาส่งตั้งแต่หัววัน         จิตใจของมนรดาเริ่มไม่อยู่กับร่องกับรอย ดวงตากลมโตหันไปมองพระอาทิตย์สีทองที่ลาลับหายไปทางเหลี่ยมเขา ทิ้งไว้เพียงแสงจางๆ ก็เผยให้เห็นความมืดคลี่คลุมรอบ จึงเดินไปจุดตะเกียงให้ส่องสว่างแล้วมองไปรอบๆ บ้านหลังเก่าซึ่งมีสัตว์ป่าร้องระงมดูน่ากลัวมากกว่าทุกวัน         ความรู้สึกของเธอตอนนี้ ช่างเหมือนกับคืนแรกที่ต้องมาอยู่ที่นี่ ความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจจนต้องถอยร่นชิดผนังไม้ นั่งกอดเข่า ดวงตากลมโตคอยมองไปรอบตัวด้วยความระแวดระวัง            เสียงสวบสาบที่ย่ำผ่านใบไม้แห้งดังกรอบแกรบทำให้หญิงสาวต้องขยับมือปิดปากของตัวเองไว้แน่น เธอกำลังสั่งตัวเองให้เงียบเสียงที่สุด กลั้นหายใจเพื่อบ่งบอกสัตว์ร้ายที่เข้ามาใกล้ว่า คนในบ้านหลังซอมซ่อนี้ได้ตายไปแล้ว 

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
13.8K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.0K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.5K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.5K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
39.0K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook